คุณรู้หรือไม่ว่า คนที่สามารถใช้วิชากราฟเทคนิกทำกำไรได้เก่งๆ วิชาเดียว จะเก่งกว่า หลายวิชา มากๆ ถ้าผลตอบแทนใกล้เคียงกัน

เป็นที่รู้กันในบรรดา เทรดเดอร์สายเพียวเทคนิก คนส่วนใหญ่จะชอบใช้ หลายวิชาเทคนิก มากกว่า วิชาเทคนิกเดียว

****************************************************************************************************************************************

Part 1 : รายละเอียดของวิชาเทคนิกประเภทต่างๆ ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้งานตั้งแต่มีมาจนถึงปัจจุบัน

ซึ่งในการเทรดหุ้นนั้น วิชาเทคนิก แบ่งประเภทแยกย่อย เท่าที่มีคนค้นพบเพื่อใช้จริงมาในปัจจุบันกันจนได้รับความนิยม มีดังต่อไปนี้

1.1 การอ่าน/วิเคราะห์ Bid-Offer-Ticket : หรือ วิเคราะห์พฤติกรรมของ เจ้ามือ vs รายย่อย
ที่สะท้อนผ่านการ วาง/ถอน/แมต ออเดอร์ ของ Bid/Offer แต่ละแถว และ Ticket

จุดแข็ง : ให้ Signal ในการเข้าเทรดได้ไวที่สุด (Top1) เมื่อเทียบกับทุกข้อในวิชาเทคนิก 
จุดอ่อน : ยังหาไม่เจอ แต่ถ้าจะให้มีคงเป็น พฤติกรรมของเจ้ามือสามารถเปลี่ยนแปลงและล่อเม่าสับขาหลอกผู้ใช้วิชานี้ได้อีกต่อหนึ่ง

ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง : Top1 ต้องใช้ชั่วโมงบินมากที่สุดในบรรดาวิชาเทคนิกทุกข้อ

1.2 ทฤษฏี Dow : วิชาที่ศึกษาโครงสร้างราคา

จุดแข็ง : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดแข็งที่ชัดเจน
จุดอ่อน : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน

ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง : ไม่ทราบ

1.3 Wyckoff Logic : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมการเทรดของเจ้ามือ

จุดแข็ง : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดแข็งที่ชัดเจน
จุดอ่อน : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน

ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง : ไม่ทราบ

1.4 Smart Money Concert [SMC] : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมการเทรดของเจ้ามือ แต่ต่อยอดมาจาก ทฤษฏี Dow และ Wyckoff Logic
โดยมีการแบ่งแยกสำนักย่อยมากมาย เริ่มพัฒนาต้นทางวิชาเทคนิกแรกมาจาก Demand Supply Zone ตามด้วยสำนัก ICT
และแบ่งแยกย่อยเป็น SMC และแตกไปคนละสายกับ SMC เช่น RTM / .....

จุดแข็ง : เหมาะแก่การเทรด Sildway มากกว่า เทรน
ถึงแม้จะเทรดกับกราฟเทรน ได้ด้วยก็ตาม เพราะมี Signal ใน Sildway มากกว่า
และเหมาะแก่การเทรดได้ทุก TF ตั้งแต่ระดับ วินาที(s) ถึงเกิน Day ขึ้นไป
จุดอ่อน : ไม่เหมาะแก่การเทรด ช่วงเทรน 

ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง : ไม่ทราบ

1.5 Elliontt Wave [EW] : วิชาที่ศึกษาโครงสร้างราคา และ พฤติกรรมมวลชนในตลาด พัฒนามาจาก ทฤษฏี Dow
โดยศึกษาในรูปแบบ Price Pattern หรือ ราคามีรูปแบบตายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา ผ่านเป้าฟีโบนาชี

จุดแข็ง : เหมาะแก่การเทรด เทรน มากกว่า Sildway 
ถึงแม้จะเทรดกับกราฟ Sildway ได้ด้วยก็ตาม เพราะมี WinRate Forecast ใน ช่วงเทรน มากกว่า (แม้กับผู้ใช้งานมือใหม่)
จุดอ่อน : ไม่เหมาะแก่การเทรด ช่วง Sildway  เพราะ  WinRate Forecast ของมันต่ำกว่า ช่วงเทรน มากๆ
และไม่เหมาะแก่การเทรดใน TF ต่ำกว่า 15m ลงไป เพราะคุณจะพบเจอสิ่งที่แหกทฤษฏีมากขึ้นเรื่อยๆ
หรือพูดง่ายๆ ไม่เหมาะกับการนำไปใช้ DayTrade / ScalpingTrade ด้วยเพียว EW

ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง : ผมให้ EW ใช้ชั่วโมงบิน Top3 ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ

1.6 Chart Pattern : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของราคา
โดยศึกษาในรูปแบบ Price Pattern หรือ ราคามีรูปแบบตายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา เป็นรูปทรงต่างๆ

จุดแข็ง : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดแข็งที่ชัดเจน
จุดอ่อน : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน

ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง : กลาง-มาก เพราะอยู่ในหมวดวิชา Price Pattern ที่ต้องใช้การมโนภาพ

1.7 Harmonic Pattern [HMN] : วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมของราคา
โดยศึกษาในรูปแบบ Price Pattern หรือ ราคามีรูปแบบตายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา เป็นรูปทรงต่างๆ คล้ายรูป สัตว์

จุดแข็ง : เหมาะแก่การเทรด Sildway มากกว่า เทรน
ถึงแม้จะเทรดกับกราฟเทรน ได้ด้วยก็ตาม เพราะมี Signal และ WinRate ใน Sildway มากกว่า
จุดอ่อน : ไม่เหมาะแก่การเทรด ช่วงเทรน เพราะจะโดนกราฟแหก Pattern ของมันได้บ่อยกว่า

ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง : ผมให้ HMN ใช้ชั่วโมงบิน Top4 ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ

1.8 Indicator : สมการ หรือ สูตร คำนวณทางคณิตศาสตร์และสถิติ
มีได้หลายประเภทย่อยๆ แต่ละประเภทมีหน้าที่ต่างกัน
เช่น
EMA / ..... ไว้ฟ้องสัญญาณและเหมาะแก่การเทรดกับ กราฟเทรน มากกว่า Sildway
RSI / CCI / STO / ..... ไว้เช็ค แรงซื้อแรงขายที่ต่อสู้กันในตลาด โดยหน้าที่มันเหมาะทั้ง Sildway และ เทรน
แต่ส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้เทรดใน กราฟ Sildway ซะมากกว่า เทรน

จุดแข็ง : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดแข็งที่ชัดเจน
จุดอ่อน : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน

ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง : ผมให้ Indicator ใช้ชั่วโมงบินน้อยที่สุด ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ
เพราะสามารถ BackTest / Foward Test ได้ด้วย Bot / Ai ไดดีที่สุดและได้ด้วยเวลาที่สั้นกว่า BackTest / Foward Test ด้วยตัวคนเอง อย่างมาก

1.9 แท่งเทียน (CandleStick) : กราฟราคา ประเภทหนึ่ง ที่แสดงถึงการต่อสู้ของแรงซื้อแรงขาย ผ่าน Open / High / Low / Close
มีได้หลายประเภทย่อยๆ แต่ละประเภทมีหน้าที่ต่างกัน แต่ก็มีการตั้งชื่อใหม่ ประเภทใหม่ จาก Open / High / Low / Close อยู่ดี
และ จาก แท่งเทียนเดียว / แท่งเทียนคู่ / แท่งเทียนที่อยู่ติดกันเกิน 3 แท่งขึ้นไป
 
จุดแข็ง : เหมาะแก่การเทรดสั้น TF ต่ำกว่า 1H มากที่สุด
แต่สามารถเทรดได้ทุก TF เช่นเดียวกัน
และมี Signal ฟ้องไว้มากเป็น Top2 รองลงมาจาก  Bid-Offer-Ticket (ข้อ 1.1)
จุดอ่อน : ไม่ทราบ หรือ ยังพบว่า ไม่มีจุดอ่อนที่ชัดเจน

ระยะเวลาประสบการณ์ที่ต้องใช้เพื่อที่จะนำไปใช้เทรดจริงได้เก่ง : ผมให้ แท่งเทียน (CandleStick) ใช้ชั่วโมงบิน Top2 ในบรรดาเทคนิกทุกข้อ

 
****************************************************************************************************************************************
 
Part 2 : วิเคราะห์และสาเหตุที่ เทรดเดอร์ ที่ใช้งานวิชาเทคนิก วิชาเดียวไปเลย เก่งๆ จะเก่ง กว่า เทรดเดอร์ ที่ใช้วิชาเทคนิก หลายวิชา

แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ที่เป็นเทรดเดอร์สายเพียวเทคนิก ชอบใช้ หลายๆวิชาเทคนิก  มากกว่า วิชาเทคนิกเดียว
แต่เพราะอะไร คนที่ใช้ วิชาเทคนิกเดียว เก่งๆ จะสามารถเก่งกว่า คนที่ใช้ หลาย วิชาเทคนิก ไปดูกัน
โดยอยู่บนข้อสมมุติฐานที่ว่า  ผลตอบแทน ต่อเดือน / ต่อไตรมาส / ต่อปี ต้องใกล้เคียงไม่ต่างกันมาจนเกินไปนะคับ

เพราะ ดังต่อไปนี้

ทำการเก็บคะแนน ทั้งหมดเต็ม 100 คะแนน

2.1 ผลตอบแทน (40 คะแนน) :
เทรดเดอร์ผู้ใช้เทคนิกเดียวได้เก่ง จนผลตอบแทนใกล้เคียงกับ เทรดเดอร์ที่ใช้หลายเทคนิก
ก็เหมือนกับ ทหาร ที่มีอาวุชแค่ชิ้นเดียว แต่สามารถชนะ ทหารอาวุชหลายชิ้นได้
เช่น
- นาย A ใช้เพียว EW (ข้อ 1.5) อย่างเดียว ได้ผลตอบแทนต่อเดือน 25%
- นาย B ใช้ EW (ข้อ 1.5) + Indicator (ข้อ 1.8) อย่างเดียว ได้ผลตอบแทนต่อเดือน 30%
- นาย C ใช้ SMC (ข้อ 1.4) + Indicator (ข้อ 1.8) อย่างเดียว ได้ผลตอบแทนต่อเดือน 30%

กรณีนี้ นาย A จะเก่งกว่าทั้ง นาย B และ นาย C
เพราะ ขนาดนาย A ใช้แค่วิชาเทคนิดเดียว คือ EW ยังสามารถทำผลตอบแทนได้ตั้ง 25%
น้อยกว่า นาย B / นาย C ที่ใช้ตั้ง 3 วิชาเทคนิก อยู่แค่ 5% ต่อเดือน

2.2 ระยะเวลาที่ต้องใช้ฝนการฝึกฝนเทคนิกวิชานั้นๆ (30 คะแนน) :
 
จากตัวอย่างข้อ 2.1

แม้จะได้ผลตอบแทนน้อยกว่า นาย A ก็ยังเก่งกว่าอยู่ดี
เพราะการที่เทรดเดอร์คนหนึ่ง (นาย A) จะใช้งานวิชาเทคนิกหนึ่ง ได้จนเก่ง ต้องผ่านการฝึกฝนชั่วโมงบินทั้งภาค ทฤษฏี และ ปฏิบัติ มาอย่างยาวนานมากๆ
มากกว่า พวกเทรดเดอร์ที่ใช้งาน หลายวิชาเทคนิก (นาย B / นาย C) อย่างโชกโชน
- นาย A อาจจำเป็นฝึกฝน EW ขั้นต่ำเกิน 10 ปี ถึงจะได้ผลตอบแทน 25% ต่อเดือน ในขณะที่
- นาย B อาจจำเป็นฝึกฝน EW + Indicator ขั้นต่ำเกิน 3 ปี ถึงจะได้ผลตอบแทน 30% ต่อเดือน
- นาย C อาจจำเป็นฝึกฝน SMC + Indicator ขั้นต่ำเกิน 2 ปี ถึงจะได้ผลตอบแทน 30% ต่อเดือน
จะเห็นว่า แค่ชั่วโมงบินในการทุ่มเทเพื่อจะเก่งจนผลตอบแทนขนาดนี้ ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวแล้วคับ
และถ้าคุณไปเจอเทรดเดอร์เก่งๆ สายเพียวเทคนิก เดียว ไปเลยจริงๆ จะพบว่า เป็นไปตามที่ผมบอกยุดีคับ
ฉะนั้น มือใหม่ ที่พึงเข้าตลาดถึงชอบศึกษา หลายวิชาเทคนิก แทนที่จะฝึกจนเก่งเว่อ วิชาเทคนิก เดียว ไปเลย
เพราะมันใช้ชั่วโมงบินน้อยกว่า ก็เก่ง ทำผลตอบแทนเยอะๆ ได้โดยง่ายในเวลาอันสั้นกว่าไงคับ

2.3 ความไม่เหมาะสมต่อสภาวะตลาดของแต่ละวิชาเทคนิกต่างๆ (30 คะแนน) :
ตามที่ผมได้บอก จุดแข็ง-จุดอ่อน หรือ ข้อดี-ข้อเสีย ของแต่ละวิชาเทคนิกไปใน Part1 หรือ ข้อ 1.1-1.9 แล้ว
จากโจทย์เดิมข้อ 2.1 เพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีก ดังนี้
ทำการเก็บสถิติผลตอบแทน ในช่วง สภาวะตลาด Sildway ต่อเนื่องอย่างยาวนาน แทบไม่มี เทรน ให้เห็นชัดๆใน TF15m ขึ้นไปอยู่เลย
- นาย A ใช้เพียว EW (ข้อ 1.5) อย่างเดียว ได้ผลตอบแทนต่อเดือน 25%
ซึ่งมีจุดอ่อนที่ไม่เหมาะกับการเทรด Sildway
- นาย B ใช้ EW (ข้อ 1.5) + Indicator (ข้อ 1.8) อย่างเดียว ได้ผลตอบแทนต่อเดือน 30%
ซึ่งมีจุดอ่อนที่ไม่เหมาะกับการเทรด Sildway แต่ลบจุดอ่อนให้เบาบางลงได้ด้วยการใช้ Indicator ประเภทที่เหมาะกับ Sildway เป็นตัวช่วยในการสืบคลื่น
เช่น RSI / CCI / STO / BB / .....
- นาย C ใช้ SMC (ข้อ 1.4) + Indicator (ข้อ 1.8) อย่างเดียว ได้ผลตอบแทนต่อเดือน 30%
ซึ่งมีจุดแข็งที่เหมาะกับการเทรด Sildway

กรณีนี้ นาย A จะเก่งกว่า นาย B
เพราะ ขนาด นาย A มีแค่ EW อย่างเดียว ยังทำผลตอบแทนต่อเดือนได้ 25% ซึ่งน้อยกว่า นาย B แค่ 5%
โดย นาย B มีการใช้ Indicator ประเภทที่เหมาะกับ Sildway ลบจุดอ่อนของ EW ให้เบาบางลงด้วย

และ
นาย B จะเก่งกว่า นาย C
เพราะ นาย B ใช้ EW + Indicator ยังทำผลตอบแทนต่อเดือนได้ 30% ซึ่งเท่ากับ นาย C ที่ใช้ SMC + Indicator
ที่เดิมที่ SMC มันก็มีจุดแข็งเหมาะกับ Sildway มากกว่า EW อยู่แล้ว
และยังเหมาะแก่การเทรดใน TF สั้นต่ำกว่า 15m (DayTrade) มากกว่า EW ด้วย

และนั้นทำให้
นาย A เก่งกว่า นาย C ไปโดยอัตโนมัติ แบบมากๆด้วย
เพราะ นาย A ใช้ EW อย่างเดียว ไม่มี Indicator ผสม ยังทำผลตอบแทนต่อเดือนได้ 25% ซึ่งน้อยกว่า นาย C แค่ 5%
แถม นาย A ทำผลตอบแทนต่อเดือนน้อยกว่า นาย C แค่ 5%
ทั้งๆที่ ใช้ EW อย่างเดียวในสภาวะตลาด Sildway ยาวนานได้ด้วย

****************************************************************************************************************************************

เอาเท่านี้ก่อน เดียวคิดออกเพิ่มจะทำการโพสเพิ่มในหัวโพสนะคับ
แต่นี้ก็เป็นวิธีเช็คง่ายๆ แล้วว่า เทรดเดอร์สายเพียวเทคนิก คนไหนเก่งกว่าคนไหน ได้ แบบคร่าวๆ

และคุณไม่ต้องรับไม่ได้ ถ้าคุณใช้หลายวิชาเทคนิก แล้วสร้างผลตอบแทนต่อเดือน / ต่อไตรมาส / ต่อปี ได้เยอะ ได้ดี
เพราะผมได้บอกไปแล้วว่า มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ที่คนส่วนใหญ่จะศึกษา / ฝึกฝน เพื่อใช้งาน หลายวิชาเทคนิก
เนื่องจากมันใช้ ชั่วโมงบินน้อยกว่า (ข้อ 2.2) และ สามารถช่วยลบจุดอ่อนของแต่ละวิชาเทคนิกเพิ่มได้ด้วย (ข้อ 2.3)

แต่ถ้า คุณ ใช้ เพียววิชาเทคนิก เดียว แล้วสร้างผลตอบแทนต่อเดือน / ต่อไตรมาส / ต่อปี ได้เยอะ
คุณจะ เท่ ขึ้นเป็นกองคับ แม้ในแวดวง นักเทคนิกคอล
เพราะตามที่บอกไปใน Part2
โดยเฉพาะเทคนิกที่คุณใช้โครตไม่เหมาะกับสภาวะตลาดในช่วงที่คุณกำลังเผชิญหน้ากับมันเลย (ข้อ 2.3)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่