แยกความแตกต่างระหว่างตัวอักษรภาษาอังกฤษกับสัทอักษรภาษาอังกฤษสากล

กระทู้สนทนา
จำแนกประเภทสัทอักษรตามลักษณะ เปล่งเสียง-ไร้เสียง
อย่างแรก เราจะไปทำความคุ้นกับ 2 นิยามที่สำคัญที่สุด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการออกเสียงภาษาอังกฤษ ได้แก่ ตัวเปล่งเสียงและตัวไร้เสียง เมื่อเราพูด ลักษณะนี้เป็นพื้นฐานต่อการสั่นเส้นเสียงของเราหรือไม่ และลมหายใจที่ขับออกหรือไม่
ตัวเปล่งเสียง – เราไม่ต้องขับลมหายใจออกจากปากแต่กลับต้องสั่นเส้นเสียง (หารเราวางมือบนคอ จะรู้สักความสั่นเส้นเสียง)
ตัวไร้เสียง – เราจะต้องขับลมหายใจออกจากปากแต่กลับและไม่สั่นเส้นเสียง (หารเราวางมือบนคอ จะไม่เห็นการสั่นเส้นเสียง)
จำแนกสัทอักษร 44 ตัวตามลักษณะ เปล่งเสียง – ไร้เสียง
ตัวสระ: ทั้งสระ 20 ตัวก็เป็นตัวเปล่งเสียง
ตัวพยัณชนะ: 
ตัวเปล่งเสียง: /b/, /d/, /ɡ/, /v/, /z/, /ʒ/, /dʒ/, /m/, /n/, /ŋ/, /l/, /r/, /w/, /j/, /ð/ (15 ตัว)
ตัวไร้เสียง: /p/, /t/, /k/, /f/, /s/, /ʃ/, /tʃ/, /h/, /θ/ (9 ตัว)
วิธีออกเสียงอย่างถูกต้องตามตัวสะกดภาษาอังกฤษแบบสากร (IPA)
สระ
ตัวสระทั้งหมดเป็นตัวเปล่งเสียง ดังนั้น เมื่อเราออกเสียงตัวสระ ก็ต้องสั่นเส้นเสียงและไม่ขับลมหายใจออกจากปาก
เมื่อเราออกเสียงตัวสระทั้งหมด ต้องออกเสียงในปาก อย่าดันลมขึ้นจะมูกเพื่อออกเสียง
วิธีการออกเสียงทั้งหมดที่ได้กล่าวข้างล่างจะเน้น 3 ข้อได้แก่ เสียง รูปร่างปากและตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น
 
สระเดี่ยว
ก. /ɪ/
เสียง ปกติจะเรียกว่า “ตังไอสั้น” เสียงจะจบเร็ว สั้น และทื่อ
รูปร่างปาก ริมฝีปากไม่แบน แต่เม้มเข้าหากันเล็กน้อย ฟันสองซี่ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น วางลิ้นต่ำ ผ่อนคลาย และยังคงเหมือนปกติ
ข. / iː/
เสียง ปกติจะเรียกว่า “ตังไอยาว” เสียงจะจบนานกว่า
รูปร่างปาก ปากแบนไปด้าน 2 ข้างและแยกฟันเหมือนกำลังยิ้ม ฟันทั้งสองซี่ห่างกันเพียงช่องว่างเล็กๆ
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น ยกปลายลิ้นสูงกว่าตัว /ɪ/
ค. /ʊ/
เสียง  ปกติจะเรียกว่า “ตังอูสั้น” ออกเสียงสั้นและจบเร็ว ชาวอังกฤษมักจะออกเสียงตัวนี้เมือนกับตัว  อุ ในภาษาไทย ส่วนชาวอเมริกันกลับออกเสียงเมือนตัว อึ อย่างไรก็ตาม ตัวไหนก็แล้วแต่ เราแค่เน้นการออกเสียงสั้นและจบเร็วก็พอแล้ว
รูปร่างปาก ริมฝีปากค่อยๆ เชิดหน้าและม้วนให้เป็นวงกลมเล็ก ๆ
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น วางลิ้นต่ำ ผ่อนคลาย และยังคงเหมือนปกติ
ม. /uː/
เสียง  ปกติจะเรียกว่า “ตังอูยาว” ออกเสียงตัวนี้เหมือนกับการออกเสียงตัว  อู ในภาษาไทย 
รูปร่างปาก ริมฝีปากค่อยๆ เชิดหน้าและม้วนให้เป็นวงกลมเล็ก ๆ
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น วางลิ้นต่ำ ผ่อนคลาย และยังคงเหมือนปกติ
ง. /e/
เสียง ออกเสียงเหมือนกับการออกเสียงตัว “แอะ” ในภาษาไทย 
รูปร่างปาก ไม่แบนหรือกลมเกินไป ปากยื่นออกไปในแนวตั้งมากกว่าเสียง /ɪ/ และ /iː/
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น วางลิ้นต่ำ ผ่อนคลาย และยังคงเหมือนปกติ
ฉ. /ə/
เสียง ออกเสียงเหมือนกับการออกเสียงตัว “เอะ” ในภาษาไทย
รูปร่างปาก รูปปากเหมือนเราอ่านตัว “เอะ”
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น วางลิ้นต่ำ ผ่อนคลาย และยังคงเหมือนปกติ
ซื้อคอร์ส ELSA ตลอดชีพ ลด 70%
ช. /ɜː/
เสียง ออกเสียงเหมือนกับการออกเสียงตัว “เอ” ในภาษาไทย
รูปร่างปาก รูปปากเหมือนเราอ่านตัว “เอ”
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น ปลายลิ้นโค้งขึ้นใกล้เพดานคอ
ฌ. /ʌ/
เสียง ออกเสียงเหมือนกับการออกเสียงตัว “อะ” ในภาษาไทย
รูปร่างปาก รูปปากจะแบนกว่ารูปปากของตัว /ə/ และ /ɜː/
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น ลิ้นค่อยๆ ยกขึ้น
ญ. /ɔː/
เสียง ออกเสียงเหมือนกับการออกเสียงตัว “ออ” ในภาษาไทย
รูปร่างปาก ริมฝีปากมุ่ยและกลม
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น ปลายลิ้นโค้งขึ้นใกล้กับเพดานปาก
ฎ. /ɒ/ 
เสียง ออกเสียงเหมือนกับการออกเสียงตัว “เอาะ” ในภาษาไทย
รูปร่างปาก รูปปากเหมือนเราอ่านตัว “เอาะ”
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น วางลิ้นต่ำ ผ่อนคลาย และยังคงเหมือนปกติ
ฐ. /ɑː/
เสียง ออกเสียงเหมือนกับการออกเสียงตัว “อา” ในภาษาไทย
รูปร่างปาก รูปปากเหมือนเราอ่านตัว “อา”
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น วางลิ้นต่ำ ผ่อนคลาย และยังคงเหมือนปกติ
ฑ. /æ/
เสียง ออกเสียงเหมือนกับการออกเสียงตัว “แอะ” ในภาษาไทย
รูปร่างปาก ปากเปิดกว้าง แต่เอียงในแนวนอน และวางริมฝีปากล่างต่ำลง
ตำแห่นง-รูปร่างของลิ้น วางลิ้นต่ำ ผ่อนคลาย และยังคงเหมือนปกติ
 
สระคู่
/ɪə/ ออกเสียง /ɪ/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ə/ ออกเสียงเหมือนตัว “เอีย” ในภาษาไทย ปากแบนก่อนแล้วกลายเป็นวงกลมทีหลัง
/ʊə/ ออกเสียง /ʊ/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ə/ ออกเสียงเหมือนตัว “อัว” ในภาษาไทย ปากเปลี่ยนจากแคบเป็นกว้างขึ้น
/eə/ ออกเสียง /e/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ə/ ออกเสียงเหมือนตัว “แอ” ในภาษาไทย ปากแบนก่อนแล้วกลายเป็นวงกลมทีหลัง
/eɪ/ ออกเสียง /e/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ɪ/ ออกเสียงเหมือนตัว “ไอย” ในภาษาไทย ปากแคบลงในแนวตั้ง
/ɔɪ / ออกเสียง /ɔː/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ɪ/ ออกเสียงเหมือนตัว “ออย” ในภาษาไทย ปากเปิดเป็นกลมแล้วแบนทีหลัง
/aɪ/ ออกเสียง /ɑː/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ɪ/ ออกเสียงเหมือนตัว “เอย์” ในภาษาไทย ปากเปิดเป็นกลมแล้วแบนทีหลัง
/əʊ/ ออกเสียง /ə/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ʊ/ ออกเสียงเหมือนตัว “โอว” ในภาษาไทย ริมฝีปากค่อยๆถูกบีบและดึงไปข้างหน้า
/aʊ/ ออกเสียง /ɑː/ แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็น /ʊ/ ออกเสียงเหมือนตัว “อาว” ในภาษาไทย ริมฝีปากค่อยๆถูกบีบและดึงไปข้างหน้า
พยัญชนะ 
คู่พยัญชนะที่ได้ออกเสียงที่ถูกต้อง
หมายเหตุ เสียงของทั้ง 8 คู่คำต่อไปมีรูปร่างปากและการควบคุมลิ้นที่เหมือนกัน แต่มีลักษณะการเปล่งเสียง-ไร้เปล่งกลับต่างกัน
คู่คำที่ 1 /b/ – /p/
รูปร่างปากและการควบคุมลิ้น เริ่มต้นด้วยการเม้มปาก จากนั้นเปิดปากและออกเสียง วางลิ้นอยู่ต่ำ ผ่อนคลาย และนอนตามปกติ
/b/ เป็นตัวเปล่งเสียง จึงเปิดริมฝีปากเบาๆ ไม่ขับลมออก และสั่นเส้นเสียง
/p/ เป็นตัวไร้เสียง จึงริมฝีปากเม้มแน่น ขับลมออกมาอย่างแรง แลสร้างเสียงระเบิด
คู่ที่ 2 /d/ – /t/
รูปร่างปากและการควบคุมลิ้น  ปากแบนและฟันไม่แยก ในตอนเริ่มต้นของการออกเสียง ปลายลิ้นแตะด้านหลังรากของฟันบนแล้วเคลื่อนออกไป
/d/ เป็นตัวเปล่งเสียง เมื่อปลายลิ้นออกจากรากของฟันบน เราจึงสั่นเส้นเสียง 
/t/ เป็นตัวไร้เสียง เมื่อปลายลิ้นออกจากรากของฟันบน เราจึงไม่สั่นเส้นเสียง แต่กลับลมหายใจจากปากเพื่อสร้างเสียง
คู่ที่ 3 /ɡ/ – /k/
รูปร่างปากและการควบคุมลิ้น ปากค่อยๆ เปิด ปลายลิ้นยกขึ้นแตะส่วนที่อ่อนนุ่มด้านบนและไม่ให้ขับลมออก จากนั้นวางลิ้นลดลงอย่างรวดเร็วและขับลมออก
/ɡ/  เป็นตัวเปล่งเสียง เราจึงสั่นเส้นเสียง
/k/ เป็นตัวไร้เสียง  เราจึงไม่สั่นเส้นเสียงและสร้างเสียงระเบิด
คู่ที่ 4 /v/ – /f/
รูปร่างปากและการควบคุมลิ้น ใช้ฟันบนกัดริมฝีปากล่างเบาๆ
/v/ เป็นตัวเปล่งเสียง เราจึงสั่นเส้นเสียง แต่กลับม่ให้ขับลมออก และจะรู้สึกถึงการสั่นของริมฝีปากล่าง ซึ่งเกิดจากลมที่อุดกั้น
 /f/ เป็นตัวไร้เสียง เราจึงไม่สั่นเส้นเสียง แต่กลับขับลมออกผ่านช่องว่างเล็กๆ ระหว่างฟันบนกับริมฝีปากล่าง
คู่ที่ 5 /z/ – /s/
รูปร่างปากและการควบคุมลิ้น ริมฝีปากหลวม ฟันปิดครึ่งซี่สองซี่ ให้ปลายลิ้นสัมผัสกับรากฟันบน
/z/ เป็นตัวเปล่งเสียง เราจึงสั่นเส้นเสียง แต่กลับไม่ให้ขับลมออก ซึ่งจะดักจับลมที่จุดสัมผัสระหว่างปลายลิ้นกับโคนฟันบน สิ่งนี้จะสร้างเสียง “ซี ซี” เหมือนเสียงผึ้ง
/s/ เป็นตัวไร้เสียง เราจึงไม่สั่นเส้นเสียง เราจะดันลมออกผ่านจุดสัมผัสระหว่างปลายลิ้นกับโคนฟันบน ซึ่งจะมีเสียงเหมือนเสียงงู
คู่ที่ 6 /ʒ/ – /ʃ/
รูปร่างปากและการควบคุมลิ้น ริมฝีปากหลวม ฟันสองซี่ปิดไม่มด ม้วนปลายลิ้นขึ้นไปถึงเพดานคอ
/ʒ/ เป็นตัวเปล่งเสียง เราจึงสั่นเส้นเสียง แต่กลับไม่ให้ขับลมออก
/ʃ/ เป็นตัวไร้เสียง เราจึงไม่สั่นเส้นเสียง แต่กลับให้ขับลมออก
คู่ที่ 7 /dʒ/ – /tʃ/
รูปร่างปากและการควบคุมลิ้น ริมฝีปากหลวม ฟันสองซี่ปิดไม่มด ส่วนกลางลิ้นยกขึ้นและแตะเพดานปาก
/dʒ/ เป็นตัวเปล่งเสียง ดังนั้น เมื่อดึงลิ้นออกจากเพดานปาก เราจึงสั่นเส้นเสียงเพื่อสร้างสะเทียน
/tʃ/ เป็นตัวไร้เสียง ดังนั้น เมื่อดึงลิ้นออกจากเพดานปาก เราจึงไม่สั่นเส้นเสียง แต่กลับให้ขับลมออก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ภาษาศาสตร์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่