คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
การเห็นผี
ก็คือการมีกิเลสอวิชชา มีสังขารภายในหรือทิฏฐิตัวตนจิตใจแบบผู้คนทั่วไปซึ่งจะมีโลกธรรมเรื่องผีๆเข้ามาเกาะตัวตนภายในหรือจิตกันได้ตามประสา แล้วดำเนินมาสู่วิญญาณภายในอันเป็นการมโนนึกคิดเรื่องผีกันไป ก่อเกิดสิ่งนามธรรมในใจแบบผีๆ แล้วดำเนินมาสู่อายตนะภายในอันเป็นลักษณะผีที่ตกผลึกหรือคุกรุ่นในใจ สู่ผัสสะภายในการรับรู้ในใจกันตามประสา โดยมีได้ทั้งมโนภาพ,เสียงในใจ,สัมผัสในใจ,ฯลฯ ในเรื่องผี
และโดยจริตของชาวบ้านจำนวนมากมักเกิดอุปาทานตามมาอีก โดยย่อมยึดมั่นยึดถือต่อผัสสะเวทนาภายในดังกล่าว แล้วมันจะก่อให้จมอยู่ในโลกในภพภายในหรือภาวะจิตใจต่างๆ เช่น ตกอยู่ในภาวะหวาดกลัว ภาวะหลงเชื่อมั่นเป็นจริงเป็นจัง หลอนเป็นภาพเสียงกลิ่นหรือสัมผัสผีในใจไปต่างๆนานา หลงมุทะลุฮึกเหิมปราบผี(ลุคตัวตนแบบนี้เป็นหมอผีได้แน่) หลงพลีหรือตรากตรำเพื่อสังเวยบูชาผี หลงยึดเหนี่ยวเคารพศรัทธาหรือจำนนต่อผี หลงคลั่งไคล้ผี(คงเป็นผีรุ่นใหม่ที่ชวนให้รู้สึกโดนหรือจี๊ดในใจ!) ฯลฯ
การเห็นธรรม
ในขั้นต้น คือการมีทิฏฐิจิตใจตระหนักในหลักธรรมสิ่งดีได้โดยหลักใหญ่หรือโดยพื้นฐาน หรือมีสัมมาทิฏฐิ(ภาวนาจิต,ทิฏฐุชุกรรม,จิตอุเบกขาผ่องใสพ้นทุกข์พ้นกิเลสสมุทัยในใจ,ฯลฯ)ในขั้นต้น โดยเป็นลักษณะแบบโสดาบันหรือสกิทาคามี
การเป็นผู้เห็นธรรมหรือเป็นอริยบุคคลในขั้นต้นนั้นบางคนอาจเกิดสัมมาทิฏฐิขั้นต้นได้จากหลักการเรียนรู้แบบพื้นฐานอันเป็นสุตตมยปัญญา หรือบางคนได้จากการเรียนรู้ขั้นสูงยิ่งขึ้นอันเป็นการคิดวิเคราะห์ที่ดียิ่งหรือจินตมยปัญญา ซึ่งเป็นสัมมาสังกัปปะที่ดียิ่งที่เอื้อให้เขาเกิดสัมมาทิฏฐิขั้นต้นเป็นอริยบุคคลขั้นต้นตามมาได้(ขึ้นอยู่กับเหตุอันเป็นทิฏฐิจิตใจของแต่ละคนเป็นสำคัญว่าจะไปได้สูงแค่ไหน) และนอกจากนี้การเรียนรู้ในขั้นจินตมยปัญญาหรือสัมมาสังกัปปะที่ดียิ่ง นั้นก็เอื้อหรือส่งเสริมหรือพัฒนาจูงใจให้บางคนเกิดสัมมาทิฏฐิในขั้นสูงหรือบรรลุสู่อริยบุคลขั้นสูงได้อีกเช่นกัน(เป็นอนิจจังไม่เที่ยงแท้ตายตัวในสังขารธรรม) ขอเพียงเป็นคนมีพื้นฐานจิตใจหรือทิฏฐิจิตใจที่สูงมากพอ
ในขั้นสูง คือการมีสัมมาทิฏฐิ(ภาวนาจิต,ทิฏฐุชุกรรม,จิตอุเบกขาผ่องใสพ้นทุกข์พ้นกิเลสสมุทัยในใจ,อาสวักขยญาณ,ฯลฯ)อย่างสูงล้ำ ซึ่งเป็นเหตุที่มาของภาวนามยปัญญาอันเป็นญาณอภิญญาใดๆทั้งปวง และจะเป็นมหาญาณหรือญาณอันยิ่งตามหลักสังขารธรรมหรือเป็นสังขารญาณ(ซึ่งจะสูงล้ำละเอียดอ่อนเหนือจินตมยปัญญาหรือสังกัปปะหรือวิญญาณที่ดียิ่งทั่วไป) จึงสามารถล่วงรู้ข้อเท็จจริงในสังขารธรรมทั่วไปที่ลึกล้ำยิ่งยวดเป็นอวิญญาณหรืออจินไตยได้แล้ว
โดยทั่วไปนั้นการล่วงรู้เห็นในธรรมได้อย่างยิ่งเช่นนี้จะเป็นผลปัจจัย(ผลกรรม)ของการเกิดในอัตภาพภพภูมิขั้นสูงยิ่งในสังขารธรรม หรืออาจเป็นคุณสมบัติของอรหัตมรรคในโลกภพภูมิใดๆตามเหตุของการปฏิบัติภาวนาโดยมีจิตใจสูงละเอียดอ่อนยิ่ง หรือเป็นสงฆ์สาวก หรือเป็นโพธิสัตว์ที่ย่อมมีสภาพจิตเป็นสัมมาทิฏฐิหรืออุคฆติตัญญูติดตัวอย่างสูงยิ่ง แม้จะมีในบางเศษกรรมเอื้อให้เกิดในอัตภาพที่เป็นทุคติภูมิอันหนัก หรือเป็นเดรัจฉาน หรือในอัตภาพภพภูมิที่เป็นเนยยะต่างๆใดๆก็ตาม
ในขั้นอนุตระ คือการมีสัมมาทิฏฐิ(ภาวนาจิต,ทิฏฐุชุกรรม,จิตอุเบกขาผ่องใสพ้นทุกข์พ้นกิเลสสมุทัยในใจ,อาสวักขยญาณ,ฯลฯ)อย่างบริสุทธิ์จริงแท้ เป็นสภาพภาวนามยปัญญาอันเป็นญาณอภิญญาใดๆในขั้นอนุตรญาณ หรือสัพพัญญุตาญาณ หรือโลกุตรญาณอันเหนือโลกสังขารญาณใดๆ ฯลฯ เป็นลักษณะภายในที่ละเอียดอ่อนสิ้นเชิงเป็นอนัตตาหรืออนันตาของอรหัตผล เป็นสภาพอสังขารญาณหรือการเข้าถึงอสังขารธรรมภายในอันเป็นอนัตตาหรืออนันตาภายใน พ้นจากสังขารตัวตนจิตใจที่เคยเวียนว่ายมีมาแต่ปางใด สามารถล่วงรู้ธรรมทั้งปวงได้โดยอนันต์สิ้นเชิง
ทั้งการเห็นผี,เห็นธรรม,หรือถ้ามีญาณอภิญญาเป็นทิพพจักขุญาณ,ทิพพโสตญาณ,ฯลฯ จะเป็นการเห็นในทางสังขารภายในหรือทางจิตใจ และที่เป็นการเห็นในทางอสังขารภายในของอรหัตผลโดยเป็นอุเบกขาสิ้นเชิง ไม่มีอาการผัสสะรับรู้ในใจและอีก 10 อาการทางสังขารภายใน โดยทั้งหมดจะไม่ใช่การเห็นทางดวงตาหรือหูหรืออวัยวะทางร่างกาย
ก็คือการมีกิเลสอวิชชา มีสังขารภายในหรือทิฏฐิตัวตนจิตใจแบบผู้คนทั่วไปซึ่งจะมีโลกธรรมเรื่องผีๆเข้ามาเกาะตัวตนภายในหรือจิตกันได้ตามประสา แล้วดำเนินมาสู่วิญญาณภายในอันเป็นการมโนนึกคิดเรื่องผีกันไป ก่อเกิดสิ่งนามธรรมในใจแบบผีๆ แล้วดำเนินมาสู่อายตนะภายในอันเป็นลักษณะผีที่ตกผลึกหรือคุกรุ่นในใจ สู่ผัสสะภายในการรับรู้ในใจกันตามประสา โดยมีได้ทั้งมโนภาพ,เสียงในใจ,สัมผัสในใจ,ฯลฯ ในเรื่องผี
และโดยจริตของชาวบ้านจำนวนมากมักเกิดอุปาทานตามมาอีก โดยย่อมยึดมั่นยึดถือต่อผัสสะเวทนาภายในดังกล่าว แล้วมันจะก่อให้จมอยู่ในโลกในภพภายในหรือภาวะจิตใจต่างๆ เช่น ตกอยู่ในภาวะหวาดกลัว ภาวะหลงเชื่อมั่นเป็นจริงเป็นจัง หลอนเป็นภาพเสียงกลิ่นหรือสัมผัสผีในใจไปต่างๆนานา หลงมุทะลุฮึกเหิมปราบผี(ลุคตัวตนแบบนี้เป็นหมอผีได้แน่) หลงพลีหรือตรากตรำเพื่อสังเวยบูชาผี หลงยึดเหนี่ยวเคารพศรัทธาหรือจำนนต่อผี หลงคลั่งไคล้ผี(คงเป็นผีรุ่นใหม่ที่ชวนให้รู้สึกโดนหรือจี๊ดในใจ!) ฯลฯ
การเห็นธรรม
ในขั้นต้น คือการมีทิฏฐิจิตใจตระหนักในหลักธรรมสิ่งดีได้โดยหลักใหญ่หรือโดยพื้นฐาน หรือมีสัมมาทิฏฐิ(ภาวนาจิต,ทิฏฐุชุกรรม,จิตอุเบกขาผ่องใสพ้นทุกข์พ้นกิเลสสมุทัยในใจ,ฯลฯ)ในขั้นต้น โดยเป็นลักษณะแบบโสดาบันหรือสกิทาคามี
การเป็นผู้เห็นธรรมหรือเป็นอริยบุคคลในขั้นต้นนั้นบางคนอาจเกิดสัมมาทิฏฐิขั้นต้นได้จากหลักการเรียนรู้แบบพื้นฐานอันเป็นสุตตมยปัญญา หรือบางคนได้จากการเรียนรู้ขั้นสูงยิ่งขึ้นอันเป็นการคิดวิเคราะห์ที่ดียิ่งหรือจินตมยปัญญา ซึ่งเป็นสัมมาสังกัปปะที่ดียิ่งที่เอื้อให้เขาเกิดสัมมาทิฏฐิขั้นต้นเป็นอริยบุคคลขั้นต้นตามมาได้(ขึ้นอยู่กับเหตุอันเป็นทิฏฐิจิตใจของแต่ละคนเป็นสำคัญว่าจะไปได้สูงแค่ไหน) และนอกจากนี้การเรียนรู้ในขั้นจินตมยปัญญาหรือสัมมาสังกัปปะที่ดียิ่ง นั้นก็เอื้อหรือส่งเสริมหรือพัฒนาจูงใจให้บางคนเกิดสัมมาทิฏฐิในขั้นสูงหรือบรรลุสู่อริยบุคลขั้นสูงได้อีกเช่นกัน(เป็นอนิจจังไม่เที่ยงแท้ตายตัวในสังขารธรรม) ขอเพียงเป็นคนมีพื้นฐานจิตใจหรือทิฏฐิจิตใจที่สูงมากพอ
ในขั้นสูง คือการมีสัมมาทิฏฐิ(ภาวนาจิต,ทิฏฐุชุกรรม,จิตอุเบกขาผ่องใสพ้นทุกข์พ้นกิเลสสมุทัยในใจ,อาสวักขยญาณ,ฯลฯ)อย่างสูงล้ำ ซึ่งเป็นเหตุที่มาของภาวนามยปัญญาอันเป็นญาณอภิญญาใดๆทั้งปวง และจะเป็นมหาญาณหรือญาณอันยิ่งตามหลักสังขารธรรมหรือเป็นสังขารญาณ(ซึ่งจะสูงล้ำละเอียดอ่อนเหนือจินตมยปัญญาหรือสังกัปปะหรือวิญญาณที่ดียิ่งทั่วไป) จึงสามารถล่วงรู้ข้อเท็จจริงในสังขารธรรมทั่วไปที่ลึกล้ำยิ่งยวดเป็นอวิญญาณหรืออจินไตยได้แล้ว
โดยทั่วไปนั้นการล่วงรู้เห็นในธรรมได้อย่างยิ่งเช่นนี้จะเป็นผลปัจจัย(ผลกรรม)ของการเกิดในอัตภาพภพภูมิขั้นสูงยิ่งในสังขารธรรม หรืออาจเป็นคุณสมบัติของอรหัตมรรคในโลกภพภูมิใดๆตามเหตุของการปฏิบัติภาวนาโดยมีจิตใจสูงละเอียดอ่อนยิ่ง หรือเป็นสงฆ์สาวก หรือเป็นโพธิสัตว์ที่ย่อมมีสภาพจิตเป็นสัมมาทิฏฐิหรืออุคฆติตัญญูติดตัวอย่างสูงยิ่ง แม้จะมีในบางเศษกรรมเอื้อให้เกิดในอัตภาพที่เป็นทุคติภูมิอันหนัก หรือเป็นเดรัจฉาน หรือในอัตภาพภพภูมิที่เป็นเนยยะต่างๆใดๆก็ตาม
ในขั้นอนุตระ คือการมีสัมมาทิฏฐิ(ภาวนาจิต,ทิฏฐุชุกรรม,จิตอุเบกขาผ่องใสพ้นทุกข์พ้นกิเลสสมุทัยในใจ,อาสวักขยญาณ,ฯลฯ)อย่างบริสุทธิ์จริงแท้ เป็นสภาพภาวนามยปัญญาอันเป็นญาณอภิญญาใดๆในขั้นอนุตรญาณ หรือสัพพัญญุตาญาณ หรือโลกุตรญาณอันเหนือโลกสังขารญาณใดๆ ฯลฯ เป็นลักษณะภายในที่ละเอียดอ่อนสิ้นเชิงเป็นอนัตตาหรืออนันตาของอรหัตผล เป็นสภาพอสังขารญาณหรือการเข้าถึงอสังขารธรรมภายในอันเป็นอนัตตาหรืออนันตาภายใน พ้นจากสังขารตัวตนจิตใจที่เคยเวียนว่ายมีมาแต่ปางใด สามารถล่วงรู้ธรรมทั้งปวงได้โดยอนันต์สิ้นเชิง
ทั้งการเห็นผี,เห็นธรรม,หรือถ้ามีญาณอภิญญาเป็นทิพพจักขุญาณ,ทิพพโสตญาณ,ฯลฯ จะเป็นการเห็นในทางสังขารภายในหรือทางจิตใจ และที่เป็นการเห็นในทางอสังขารภายในของอรหัตผลโดยเป็นอุเบกขาสิ้นเชิง ไม่มีอาการผัสสะรับรู้ในใจและอีก 10 อาการทางสังขารภายใน โดยทั้งหมดจะไม่ใช่การเห็นทางดวงตาหรือหูหรืออวัยวะทางร่างกาย
แสดงความคิดเห็น
เห็นผีกับเห็นธรรม ต่างกันตรงไหน