สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ต้องการความคิดเห็นจากทุกคนค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
อยากจะขอเล่าสตอรี่ในชีวิตให้ทุกคนได้อ่าน เพราะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจและไม่ค่อยเล่าให้ใครฟังเท่าไหร่คะ ขอโทษในการพิมพ์เยอะนะ
อาจจะพิมพ์งงๆหน่อยนะคะ ไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้เลยค่ะ
เรากับแฟนคบกันมา2ปีกว่าๆแล้วค่ะ (พ่อแม่เรารู้ตั้งแต่คุยกันเลยค่ะ) แต่ก่อนเราจะโกหกพ่อแม่ของเราเพื่อไปหาเขา โดยที่เขาก็ไม่ได้บอกพ่อแม่เขาว่าเราไปค่ะ เรียกง่ายๆก็คือแอบเข้าบ้านเขาค่ะ ซึ่งแรกๆเรารู้สึกเฉยๆนะคะ เพราะว่าตอนนั้นเราก็ยังเรียนไม่จบ เลยมีความคิดว่าถ้าเราคบกันได้ยันเรียนจบและมีงานทำแล้วเราก็จะไม่โกหกพ่อแม่เวลาไปหา พอผ่านมาได้ปีกว่าๆ เราก็เรียนจบค่ะ มีงานทำแล้วตั้งแต่เรียนจบเลยค่ะ(งานธุรการ) แล้วแฟนเราก็มาฝึกงานใกล้ๆบ้าน(แฟนยังเรียนอยู่ค่ะ) เราเลยตัดสินใจบอกพ่อแม่ของเราเวลาไปหาแฟน เพราะคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเราโกหกพ่อแม่มากเกินไป เราทำผิดมากๆ จนไม่กล้าโกหกพ่อแม่ได้ต่อ(ถึงจะสำนึกและคิดได้ช้าแต่มัคงไม่สายไปใช่ไหมคะ) ทุกครั้งที่ไปหาจะบอกพ่อแม่ตลอดตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ แต่เวลาเราไปหาแฟน แฟนไม่เคยบอกพ่อแม่เขาเลยค่ะ เวลาพ่อแม่เขาโทรมาเราก็ต้องอยู่เงียบๆเหมือนไม่มีตัวตนในจุดนั้น ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าเขายังเรียนไม่จบกลัวพ่อแม่มองไม่ดีและกลัวว่าจะเป็นเหมือนแแฟนเก่าของเขาค่ะ เราเริ่มคิดมากขึ้นตั้งแต่เรียนจบมาระยะเวลา1ปีแล้วค่ะ เรารู้สึกคิดได้ถึงการให้เกียรติกันในเรื่องนี้มากขึ้น แต่ก่อนแฟนมักจะบอกให้เราสอบราชการให้ติดเพื่อที่คนอื่นจะได้มองว่าเราดูมีงานการที่มั่นคง พ่อแม่เขาจะได้ไม่เป็นห่วงทั้งตัวเขาและตัวเรา(ในทางฐานะครอบครัวบ้านเราอยู่ในระดับกลางๆ บ้านแฟนค่อนข้างมีเงินค่ะ) เราก็รู้นะคะว่าเขาหวังดีอยากให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่แฟนเราจะชอบบอกว่างานเอกชนเดี๋ยวเขาก็ไล่ออก แต่การใช้คำพูดของแฟนกลับทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนเราไร้อนาคตทำงานเอกชนชีวิตไม่ดีขึ้น เรารู้สึกด้อยค่าตัวเองมากและรู้สึกว่าเรายังไม่มีอะไรดีซักอย่างเลย ตอนนั้นเราเริ่มคิดมากขึ้นมากที่สุดค่ะจนเรากดดันตัวเอง ชีวิตหมองหมน บางทีน้ำตาก็ไหลเองแบบอัตโนมัติ ความหวังดีนี้มันเหมือนทำร้ายตัวเรา ทำให้เราทะเลาะกันและเราก็พูดความรู้สึกทั้งหมดในตอนนั้นเพราะหวังว่าถ้ามันปรับกันไม่ได้ก็อยากจบกันไว้ตรงนั้น เราพูดกับแฟนไปตรงๆเลยว่าเรากดดันชีวิตของเรามากๆและการที่เราไม่ทำงานราชการมันทำให้เราดูแย่ในสายตาของคนอื่นขนาดนั้นเลยหรอ ซึ่งมันเหมือนเอาไฟเจอไฟเลยค่ะ พอเราเหมือนจะเลิกกันแฟนเราก็บอกว่าเขาจะไม่พูดแบบนั้นกับเรา จะไม่กดดันชีวิตเรา มันเลยทำให้เรายังคบกันมาได้ต่อค่ะ
ในระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกที่คุยกันจนคบกันเราเจออะไรมามากเลยค่ะ แต่ก่อนเราเป็นคนที่ใจเย็นมากๆ และเขาเป็นคนใจร้อนมากๆ การที่เขาใจร้อนมากๆ มันก็เลยเถิดในการทะเลาะกันในช่วง2ครั้งใหญ่ๆ ซึ่งไม่ขอลงรายละเอียดเพราะคิดว่ามันคงเป็นสิ่งที่ทุกเพศไม่ควรโดนกระทำ เราสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก แล้วเขาก็ไม่ทำแบบนั้นจริงๆตั้งแต่ตอนนั้น เราก็มองว่ามันดีนะกับการที่เขาใจเย็นลงเพราะมันจะส่งผลดีต่อเขาเอง แต่แล้วเราก็มาเจอเหตุการณ์ที่รู้สึกเป็นเรื่องที่รับไม่ได้คือการนอกใจถึงขั้นไปมีอะไรกัน เรายอมรับว่าตอนนั้นทั้งรักทั้งโกรธ แต่แบบไม่รู้อะไรมันทำให้คิดว่าเราขาดเขาไม่ได้ ถ้าย้อนเวลากลับไปอยากจะตัดขาดกับเขาไปเลยค่ะ พอมีเหตุการณ์นี้เราก็เริ่มทำตัวแย่ลง ใจร้อน เถียงทุกครั้ง และประชด เพราะเราคิดว่าที่ผ่านมาเราเจ็บจนถึงจุดที่เราไม่ได้แคร์อะไรเท่าไหร่ค่ะ ตอนนี้เราคิดนะคะว่าถ้ามีอีกเราไม่รู้สึกเสียใจเลยค่ะ เราเริ่มมีแผนสำรองในวันที่ไม่มีเขา เราเริ่มอยากมีชีวิตในแบบของเราชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น ชีวิตที่ไม่มีใครให้คอยรายงาน ชีวิตที่ได้พาแม่ไปเที่ยว(ตั้งแต่คบกันมาพาแม่ไปเที่ยวน้อยลงมากๆ) เหมือนเรารักตัวเองมากขึ้นแบบมากๆเลยค่ะ แบบที่เราคิดว่าถ้าเราเลิกกับเขาจริงๆเราคงไม่อยากมีใครไปอีกนาน อยากทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงคือการได้ไปเที่ยวคนเดียว(ไม่สามารถทำได้ถ้าเรายังมีกันอยู่)
การที่เรารักตัวเองมากขึ้น นึกถึงครอบครัวตัวเองมากขึ้น มันเลยทำให้เรานึกถึงการให้เกียรติกันเป็นส่วนใหญ่เพราะคิดว่าอายุ23จะ24(อายุทั้งแฟนและเรา) มันก็ควรคิดได้ถึงเรื่องนี้ค่ะ การให้เกียรติมันก็คือพื้นฐานที่คนเป็นแฟนกันควรให้กันได้ ปัจจุบันแฟนเราสามารถมาบ้านเราได้แบบปกติเลย แต่ในขณะที่แฟนยังให้เราแอบเข้าบ้านเขาอยู่(เราไม่ได้แอบไปตั้งแต่แฟนมาฝึกงานค่ะ จนถึงปัจจุบัน น่าจะเกือบๆ10เดือนได้ค่ะ) ตินนี้กำลังมีปัญหาที่ว่าแฟนอยากให้เราไปหาเขาบ้างแต่แอบเข้า เราไม่สบายใจมากๆค่ะ เพราะเราบอกพ่อแม่เวลาไปแต่เขาไม่รู้ว่าเราเข้าบ้านในแบบไหน ทำให้แฟนเหมือนเริ่มมีความคิดว่าเขามาหาแต่เรา เราไม่ไปหาเขาเลย แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่คบกันจนมาฝึกงานเราไปหาเขาตลอด ไปหาบ่อยมากๆ เรียกว่าไปเกือบทุกวันเลยก็ได้ค่ะ ขับรถวันละเกือบร้อยโลค่ะ จนเราก็คิดว่ามันถึงเวลาที่เขาควรมาหาเราบ้างแล้วหรือเปล่า แต่เขากลับคิดว่าเราใส่ใจเขาน้อยลงไม่ไปหาเหมือนแต่ก่อนค่ะ
เราคุยกันแล้วแต่มันก็ไม่เคลียร์ค่ะ เปิดใจคุยกันก็ดีได้แปปๆ สักพักก็เหมือนจะมีปัญหาอีกแล้วค่ะ
ทุกคนมีความคิดเห็นว่ายังไงคะ สามารถแสดงความคิดเห็นได้เลยนะคะ ไม่ต้องถนอมใจกันก็ได้ค่ะ(คงไม่มีอะไรเจ็บเท่าคำพูดที่ผ่านมา😂)
*ขอบคุณทุกคนที่แสดงความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่รับฟัง ขอบคุณทุกอย่างเลยค่ะไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีค่ะ
เวลาแฟนมาหาเราบอกพ่อแม่ตลอด แต่เวลาแฟนให้ไปหาเขากลับให้เราแอบเข้า ควรทำยังไงต่อคะ
อยากจะขอเล่าสตอรี่ในชีวิตให้ทุกคนได้อ่าน เพราะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจและไม่ค่อยเล่าให้ใครฟังเท่าไหร่คะ ขอโทษในการพิมพ์เยอะนะ
อาจจะพิมพ์งงๆหน่อยนะคะ ไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้เลยค่ะ
เรากับแฟนคบกันมา2ปีกว่าๆแล้วค่ะ (พ่อแม่เรารู้ตั้งแต่คุยกันเลยค่ะ) แต่ก่อนเราจะโกหกพ่อแม่ของเราเพื่อไปหาเขา โดยที่เขาก็ไม่ได้บอกพ่อแม่เขาว่าเราไปค่ะ เรียกง่ายๆก็คือแอบเข้าบ้านเขาค่ะ ซึ่งแรกๆเรารู้สึกเฉยๆนะคะ เพราะว่าตอนนั้นเราก็ยังเรียนไม่จบ เลยมีความคิดว่าถ้าเราคบกันได้ยันเรียนจบและมีงานทำแล้วเราก็จะไม่โกหกพ่อแม่เวลาไปหา พอผ่านมาได้ปีกว่าๆ เราก็เรียนจบค่ะ มีงานทำแล้วตั้งแต่เรียนจบเลยค่ะ(งานธุรการ) แล้วแฟนเราก็มาฝึกงานใกล้ๆบ้าน(แฟนยังเรียนอยู่ค่ะ) เราเลยตัดสินใจบอกพ่อแม่ของเราเวลาไปหาแฟน เพราะคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเราโกหกพ่อแม่มากเกินไป เราทำผิดมากๆ จนไม่กล้าโกหกพ่อแม่ได้ต่อ(ถึงจะสำนึกและคิดได้ช้าแต่มัคงไม่สายไปใช่ไหมคะ) ทุกครั้งที่ไปหาจะบอกพ่อแม่ตลอดตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ แต่เวลาเราไปหาแฟน แฟนไม่เคยบอกพ่อแม่เขาเลยค่ะ เวลาพ่อแม่เขาโทรมาเราก็ต้องอยู่เงียบๆเหมือนไม่มีตัวตนในจุดนั้น ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าเขายังเรียนไม่จบกลัวพ่อแม่มองไม่ดีและกลัวว่าจะเป็นเหมือนแแฟนเก่าของเขาค่ะ เราเริ่มคิดมากขึ้นตั้งแต่เรียนจบมาระยะเวลา1ปีแล้วค่ะ เรารู้สึกคิดได้ถึงการให้เกียรติกันในเรื่องนี้มากขึ้น แต่ก่อนแฟนมักจะบอกให้เราสอบราชการให้ติดเพื่อที่คนอื่นจะได้มองว่าเราดูมีงานการที่มั่นคง พ่อแม่เขาจะได้ไม่เป็นห่วงทั้งตัวเขาและตัวเรา(ในทางฐานะครอบครัวบ้านเราอยู่ในระดับกลางๆ บ้านแฟนค่อนข้างมีเงินค่ะ) เราก็รู้นะคะว่าเขาหวังดีอยากให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่แฟนเราจะชอบบอกว่างานเอกชนเดี๋ยวเขาก็ไล่ออก แต่การใช้คำพูดของแฟนกลับทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนเราไร้อนาคตทำงานเอกชนชีวิตไม่ดีขึ้น เรารู้สึกด้อยค่าตัวเองมากและรู้สึกว่าเรายังไม่มีอะไรดีซักอย่างเลย ตอนนั้นเราเริ่มคิดมากขึ้นมากที่สุดค่ะจนเรากดดันตัวเอง ชีวิตหมองหมน บางทีน้ำตาก็ไหลเองแบบอัตโนมัติ ความหวังดีนี้มันเหมือนทำร้ายตัวเรา ทำให้เราทะเลาะกันและเราก็พูดความรู้สึกทั้งหมดในตอนนั้นเพราะหวังว่าถ้ามันปรับกันไม่ได้ก็อยากจบกันไว้ตรงนั้น เราพูดกับแฟนไปตรงๆเลยว่าเรากดดันชีวิตของเรามากๆและการที่เราไม่ทำงานราชการมันทำให้เราดูแย่ในสายตาของคนอื่นขนาดนั้นเลยหรอ ซึ่งมันเหมือนเอาไฟเจอไฟเลยค่ะ พอเราเหมือนจะเลิกกันแฟนเราก็บอกว่าเขาจะไม่พูดแบบนั้นกับเรา จะไม่กดดันชีวิตเรา มันเลยทำให้เรายังคบกันมาได้ต่อค่ะ
ในระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกที่คุยกันจนคบกันเราเจออะไรมามากเลยค่ะ แต่ก่อนเราเป็นคนที่ใจเย็นมากๆ และเขาเป็นคนใจร้อนมากๆ การที่เขาใจร้อนมากๆ มันก็เลยเถิดในการทะเลาะกันในช่วง2ครั้งใหญ่ๆ ซึ่งไม่ขอลงรายละเอียดเพราะคิดว่ามันคงเป็นสิ่งที่ทุกเพศไม่ควรโดนกระทำ เราสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก แล้วเขาก็ไม่ทำแบบนั้นจริงๆตั้งแต่ตอนนั้น เราก็มองว่ามันดีนะกับการที่เขาใจเย็นลงเพราะมันจะส่งผลดีต่อเขาเอง แต่แล้วเราก็มาเจอเหตุการณ์ที่รู้สึกเป็นเรื่องที่รับไม่ได้คือการนอกใจถึงขั้นไปมีอะไรกัน เรายอมรับว่าตอนนั้นทั้งรักทั้งโกรธ แต่แบบไม่รู้อะไรมันทำให้คิดว่าเราขาดเขาไม่ได้ ถ้าย้อนเวลากลับไปอยากจะตัดขาดกับเขาไปเลยค่ะ พอมีเหตุการณ์นี้เราก็เริ่มทำตัวแย่ลง ใจร้อน เถียงทุกครั้ง และประชด เพราะเราคิดว่าที่ผ่านมาเราเจ็บจนถึงจุดที่เราไม่ได้แคร์อะไรเท่าไหร่ค่ะ ตอนนี้เราคิดนะคะว่าถ้ามีอีกเราไม่รู้สึกเสียใจเลยค่ะ เราเริ่มมีแผนสำรองในวันที่ไม่มีเขา เราเริ่มอยากมีชีวิตในแบบของเราชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น ชีวิตที่ไม่มีใครให้คอยรายงาน ชีวิตที่ได้พาแม่ไปเที่ยว(ตั้งแต่คบกันมาพาแม่ไปเที่ยวน้อยลงมากๆ) เหมือนเรารักตัวเองมากขึ้นแบบมากๆเลยค่ะ แบบที่เราคิดว่าถ้าเราเลิกกับเขาจริงๆเราคงไม่อยากมีใครไปอีกนาน อยากทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงคือการได้ไปเที่ยวคนเดียว(ไม่สามารถทำได้ถ้าเรายังมีกันอยู่)
การที่เรารักตัวเองมากขึ้น นึกถึงครอบครัวตัวเองมากขึ้น มันเลยทำให้เรานึกถึงการให้เกียรติกันเป็นส่วนใหญ่เพราะคิดว่าอายุ23จะ24(อายุทั้งแฟนและเรา) มันก็ควรคิดได้ถึงเรื่องนี้ค่ะ การให้เกียรติมันก็คือพื้นฐานที่คนเป็นแฟนกันควรให้กันได้ ปัจจุบันแฟนเราสามารถมาบ้านเราได้แบบปกติเลย แต่ในขณะที่แฟนยังให้เราแอบเข้าบ้านเขาอยู่(เราไม่ได้แอบไปตั้งแต่แฟนมาฝึกงานค่ะ จนถึงปัจจุบัน น่าจะเกือบๆ10เดือนได้ค่ะ) ตินนี้กำลังมีปัญหาที่ว่าแฟนอยากให้เราไปหาเขาบ้างแต่แอบเข้า เราไม่สบายใจมากๆค่ะ เพราะเราบอกพ่อแม่เวลาไปแต่เขาไม่รู้ว่าเราเข้าบ้านในแบบไหน ทำให้แฟนเหมือนเริ่มมีความคิดว่าเขามาหาแต่เรา เราไม่ไปหาเขาเลย แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่คบกันจนมาฝึกงานเราไปหาเขาตลอด ไปหาบ่อยมากๆ เรียกว่าไปเกือบทุกวันเลยก็ได้ค่ะ ขับรถวันละเกือบร้อยโลค่ะ จนเราก็คิดว่ามันถึงเวลาที่เขาควรมาหาเราบ้างแล้วหรือเปล่า แต่เขากลับคิดว่าเราใส่ใจเขาน้อยลงไม่ไปหาเหมือนแต่ก่อนค่ะ
เราคุยกันแล้วแต่มันก็ไม่เคลียร์ค่ะ เปิดใจคุยกันก็ดีได้แปปๆ สักพักก็เหมือนจะมีปัญหาอีกแล้วค่ะ
ทุกคนมีความคิดเห็นว่ายังไงคะ สามารถแสดงความคิดเห็นได้เลยนะคะ ไม่ต้องถนอมใจกันก็ได้ค่ะ(คงไม่มีอะไรเจ็บเท่าคำพูดที่ผ่านมา😂)
*ขอบคุณทุกคนที่แสดงความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่รับฟัง ขอบคุณทุกอย่างเลยค่ะไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีค่ะ