[CR] รีวิว "Tibet Gate" ภัตตาคารทิเบต-ไทยและจีนตกแต่งร้านสไตล์ประตูพระราชวังโบราณตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33

เลื่อนมือถือเล่นสังคมโซเชียลเพื่อค้นหาข่าวสารข้อมูลต่างๆไปเรื่อยเปื่อยจนพบโฆษณาร้านอาหารทิเบตเพิ่งเปิดใหม่ล่าสุดตั้งอยู่ใจกลางซอยสุขุมวิท 33 ชื่อว่า "Tibet Gate" จุดเด่นนั่นก็คือตัวภัตตาคารตกแต่งสไตล์ศิลปะท้องถิ่นโบราณคล้ายเมืองลาซาซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,200 เมตรพร้อมลานเวทีกว้างขวางสำหรับฟังดนตรีสดและการแสดงโดยจัดเป็นรอบแห่งแรกในประเทศไทยอีกทั้งพ่อครัวกับพนักงานนั้นเดินทางลงมาจากพื้นที่ราบบริเวณ "หลังคาโลก" เก็บเกี่ยวเอาความรู้-เทคนิคเพื่อปรุงเมนูแต่ละจานตามแบบต้นตำรับแท้ๆ 100% ถ้าใช้รถยนต์ส่วนตัวเพียงปักหมุดค้นหาขับตามแผนที่จอดริมถนนด้านหน้าวันคู่-ฝั่งตรงข้ามเฉพาะวันคี่เท่านั้นหรือบนตึก UBC II อัตราค่าจอดจักรยานยนต์ครั้งละ 10 บาทรถยนต์ทุกๆขนาดคิดราคาชั่วโมงละ 50 บาท บริการขนส่งสาธารณะแนะนำว่าลง BTS สถานีพร้อมพงษ์บันไดทางออก 5 ฝั่งห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์เดินย้อนอีกหน่อยประมาณ 300 เมตรก็จะพบอาคารพาณิชย์สองคูหาสูง 4 ชั้นทาสีเหลืองสลับสีม่วงสดใสสร้างซุ้มประตูเมืองคล้ายพระราชวังจำลองตามวัฒนธรรมทิเบตสุดอลังการแลดูแปลกตาโดดเด่นไม่เหมือนตึกอื่นๆรอบด้าน ช่วงที่เรามารีวิวทางแบรนด์กำลัง Soft Opening ก่อนเปิดจริงวันที่ 17 มิถุนายน 66 เหลือแค่ติดตั้งระฆังยักษ์ใต้ชายคาเท่านั้นเข้าไปข้างในกันเลยครับผม

บรรยากาศด้านในร้าน "Tibet Gate" ซอยสุขุมวิท 33 ตกแต่งสไตล์พระราชวังโบราณจำลองเมืองหลวงลาซาบนเทือกเขาซึ่งอยู่บริเวณเขตปกครองตนเองมณฑลซีจ้างหรือทิเบตอันมีศิลปะวัฒนธรรมแนวจีนผสมภูฏานกลิ่นอายอินเดียและเนปาลเล็กน้อยสะท้อนวิถีชีวิตผู้คนไปจนถึงอาหารการกินต่างๆ โดยเฟอร์นิเจอร์พร้อมของประดับทุกชิ้นถูกส่งตรงจากแหล่งต้นกำเนิดสุดประณีตแลดูสวยงามอลังการงานสร้างออกแบบเวทีลานกว้างอยู่กึ่งกลางล้อมรอบด้วยโต๊ะวัสดุไม้แท้-เก้าอี้โครงเหล็กหนาแข็งแรงกับโซฟาหุ้มหนังนุ่มนั่งสบายสามารถมองเห็นการแสดงอย่างเด่นชัดไร้ศีรษะผู้อื่นขวางกั้นสายตา สำหรับกลุ่มเพื่อนฝูงถ้าต้องการหากิจกรรมสนุกทำร่วมกันเดินขึ้นมาบริเวณชั้น 2 เขามีบริการสนุกเกอร์วางอุปกรณ์ครบเปิดเล่นฟรีเฉพาะลูกค้าเท่านั้น (ปกติคิดราคารอบละ 20 บาท) สายดื่มแนะนำเดินลงไปชั้นล่างใต้บันไดจะพบเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มขนาดใหญ่เพราะเมื่อก่อนสถานที่แห่งนี้เป็นผับกลางคืนก่อนปรับโฉมใหม่ล่าสุดสั่งได้ทั้งค๊อกเทล/ม๊อกเทล/รัม/วอดก้า/จิน/เตกิล่า/วิสกี้/เบียร์สด/คราฟต์เบียร์/น้ำผลไม้/น้ำอัดลม/ซังกริอา สำหรับรายการอาหารเสิร์ฟเมนูตำรับทิเบต-ไทยเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายกดรับชมเล่มเต็มฉบับออนไลน์> https://citly.me/w9c2g <จะมีจานไหนอร่อยถูกปากบ้างเดี๋ยวรอชิมด้วยกันเลยครับผม

รายการแรกเราเลือกเมนูระดับพื้นฐานเมื่อชาวไทยหลายคนนึกถึงอาหารทิเบตมาลองชิมก่อนนั่นก็คือ "Kothey Momo" ราคา 250 บาท แผ่นแป้งเกี๊ยวทำเองตำรับโฮมเมดสอดไส้หมูสับซึ่งปรับเปลี่ยนได้เองตามใจลูกค้าเช่นเนื้อวัว/ไก่สับ/มังสวิรัติอยากเน้นกลิ่นกระเทียมหรือขิงสดชัดเจนก็ระบุกับพนักงานตอนออเดอร์ ห่อจับจีบอย่างสวยงามวางบนกระทะเหล็กเปิดไฟใส่น้ำมันเล็กน้อยพอให้พื้นผิวด้านนอกกรอบฟูแล้วราดน้ำซุปปิดฝาอบจนสุก 100% ก่อนจะยกเสิร์ฟ วิธีการรับประทานนำใส่เข้าปากทันทีเพื่อสัมผัสแป้งด้านนอกทะลักน้ำผสมไขมันหมูไหลฉ่ำทะลักเต็มๆคำถ้าเริ่มรู้สึกเลี่ยนแนะนำว่าควรจิ้มซอส "Tibetan Sepen" หรือน้ำมันพริกแห้งเจียวสมุนไพรหลากชนิดอันประกอบไปด้วยพริกป่น/กระเทียม/ขิง/ซวงเจีย/ยี่หร่า/เมล็ดผักชี/น้ำมันงารสชาติเค็มอมหวานกลมกล่อมแตะเพียงเล็กน้อยก็จี๊ดจ๊าดถูกใจคนชอบกินเผ็ดอย่างเราสุดๆ จานถัดไปวิธีการปรุงคล้ายกันแค่เปลี่ยนแป้งห่อภายนอกนิดหน่อยได้แก่ "Shabaleb" ราคา 250 บาท สอดไส้หมูสับล้วนเน้นกระเทียมเด่นชัดชิ้นจัมโบ้อวบอ้วนเต็มคำตัวแป้งแบ่งออกเป็นส่วนนอกกับข้างในคล้ายๆกะหรี่ปั๊บแห่งเมืองสระบุรีห่อบิดเกลียวรูปทรงเสี้ยวพระจันทร์ที่เราคุ้นเคยทอดจนสีเหลืองกรอบโอบอุ้มความอร่อยอัดแน่นเทราดน้ำมันพริกเพื่อสลับเปลี่ยนประสบการณ์ด้านรสชาติแบบใหม่ไม่มีเบื่อครับผม

ขยับจากเมนูกินเล่นเรียกน้ำย่อยทางเข้าสู่หมวดอาหารจานเดียวซึ่งชาวทิเบตมักปรุงเพื่อรับประทานกันตามครัวเรือนในชีวิตประจำวันได้แก่ "Mokthuk" ราคา 200 บาท ถ้าต้องนิยามก็เหมือนนำโมโม่มาใส่ในน้ำซุปใสกลมกล่อมคล้ายเกี๊ยวน้ำซึ่งเราสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นไส้ต่างๆเช่นหมูสับ/เนื้อวัว/ไก่บด/มังสวิรัติแต่สูตรนี้จะเน้นกลิ่นหอมขิงให้อารมณ์สไตล์ภัตตาคารจีนซึ่งได้รับความนิยมมากจนเผยแพร่เข้าสู่เนปาล-อินเดียตอนเหนือ วิธีฟินแค่ตักชิ้นเกี๊ยวซดพร้อมสต๊อกพื้นฐานสกัดจากผักหลากหลายชนิดจำนวนมากต้มเวลานานจนหวานอูมามิตามธรรมชาติเข้มข้นปรุงรสด้วยเกลือหิมาลายันพอกลมกล่อมเพิ่มกวางตุ้งฮ่องเต้ลวกเคี้ยวกรุบกรอบเหมาะแก่การยกซดร้อนบนภูเขาสูงช่วงอากาศหนาวจัดบริเวณพื้นที่อันถูกเรียกว่า "หลังคาโลก" รายการต่อไปส่วนตัวเพิ่งเคยลองชิมครั้งแรกแต่ตกหลุมรักทันทีนั่นก็คือ "Thenthuk" ราคา 220 บาท นำแป้งเหลือจากการห่อโมโม่ตำรับโฮมเมดทำเองของทางร้านจับรีดแผ่นบางๆตัดรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสต้มลงในน้ำซุปใสแบบชามก่อนจนสุกเหนียวนุ่มเหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่พิเศษ ท็อปปิ้งเนื้อวัวโคขุนตุ๋นส่วนสะโพกมัดกล้ามเนื้อแน่นไขมันแทรกน้อยหั่นชิ้นโตกับกวางตุ้งฮ่องกงโรยผักชีก่อนยกเสิร์ฟถ้ารู้สึกว่ายังไม่ค่อยโดนใจแนะนำว่าขอน้ำมันพริกแห้งคั่วสมุนไพรเทลงไปรับรองเผ็ดจี๊ดจ๊าดถูกปากคนไทยแน่นอนครับ

เนื่องจากบนภูเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,200 เมตรบริเวณที่ราบสูงตรงหลังคาโลกมีออกซิเจนเพียงแค่น้อยนิดชาวทิเบตจึงนิยมเลี้ยงปศุสัตว์มากกว่าการเกษตรเพราะปลูกพืชได้ไม่กี่ชนิดเอามาปรุงอาหารแบบง่ายๆแต่แลดูมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครนั่นก็คือ "Labsha" ราคา 260 บาท ต้นตำรับของแท้ต้องใช้เนื้อวัวเท่านั้นแต่เนื่องจากมีคนไทยบางกลุ่มงดเว้นจึงเพิ่มหมูเข้ามาใช้ส่วนสะโพก-สันนอกไขมันแทรกน้อยหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าตุ๋นพร้อมหัวไชเท้า/มันฝรั่งท่อนโตเคี้ยวเต็มคำจนน้ำซุปหวานเค็มอูมามิเข้มข้นซึมซับเข้าทุกส่วนของวัตถุดิบซดตอนร้อนๆช่วยให้อุ่นท้องเหมาะสำหรับช่วงฤดูอากาศหนาวเย็นสุดโหดร้ายแห่งเมืองลาซา รายการต่อไปเอาไว้กินรองท้องเล่นหรือรับประทานสไตล์กับแกล้มเพลินๆหน้าตาโดยรวมคล้ายภัตตาคารจีนแต่วิธีปรุงแตกต่างกันได้แก่ "Shogo Sipsip" ราคา 200 บาท หัวมันฝรั่งสายพันธุ์พิเศษสไลซ์แผ่นบางก่อนซอยเส้นขนาดเล็กคล้ายส้มตำแช่น้ำเพื่อกำจัดแป้งส่วนเกินออกทิ้งผัดลงในกระทะไฟแรงสูงปรุงรสชาติด้วยน้ำมันคั่วเมล็ดซวงเจียแห้ง (พริกไทยเสฉวน) เกลือหิมาลายัน/น้ำตาลทรายและน้ำส้มสายชูสะบัดแทนการใช้ตะหลิวเพื่อคงรูปร่างสวยงามจนสุกครบถ้วน 100% โรยต้นหอมซอยแล้ววางเสิร์ฟดูง่ายๆตอนเคี้ยวสัมผัสกรุบกรอบหอมไหม้ติดปลายจมูกแปลกใหม่ซึ่งไม่สามารถสั่งมือให้หยุดคีบเข้าปากได้ครับผม

ตอนแรกคิดว่าคงมีแต่คนจีนบริเวณมณฑลเสฉวนที่นิยมรับประทานเมนูหม่าล่าแต่น้องพนักงานแจ้งว่าชาวทิเบตนั้นก็กินเช่นเดียวกันเพราะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นโดยมีสูตรค่อนข้างแตกต่างกันจึงอยากให้ลองชิมเลยออเดอร์มาเพิ่มอีกเป็น "Soen Laphing" ราคา 250 บาท เลือกใช้บะหมี่แก้วหรือวุ้นเส้นสกัดจากมันเทศลักษณะภายนอกโปร่งใสแต่สัมผัสเหนียวนุ่มสู้ฟันกัดขาดยากความหนาระดับปานกลางต้มในเครื่องเทศหม่าล่าก้อนเจียวน้ำมันวัว (พริกแห้ง/โต้วป้าน/กานพลู/กระเทียม/โป๊ยกั๊ก/กระวานดำ/ยี่หร่า/อบเชย/ซวงเจีย) ผสมต้นหอมน้ำมันงากับขิงสับจำนวนมากกลิ่นจึงเด่นชัดตั้งแต่ระยะไกลๆท็อปปิ้งถั่วลิสงทอด,ผักกวางตุ้งฮ่องเต้หมูสามชั้นหรือสะโพกโคขุนตุ๋นสไลซ์แผ่นบางเรียงเต็มชามน้ำซุปสีแดงฉานเข้มข้นแบบคลุกขลิกเผ็ดร้อนแสบลำไส้ชาลิ้นสะใจ รายการถัดไปอร่อยง่ายๆแถมยังได้ประโยชน์ถูกปากทั้งเด็กและผู้ใหญ่นั่นก็คือ "Chicken Munchurian" ราคา 220 บาท ส่วนสะโพกติดหนังชุบแป้งทอดกรอบผัดพริกระฆังหวานสามสีแดง/เหลือง/เขียวปรุงสุกพอหวานกรุบกรอบกำลังดี รสชาติซอสเค็มละมุนหอมน้ำมันงากลมกล่อมเหนียวข้นคล้ายเมนูราดหน้าเต้าซี่ตามภัตตาคารชื่อดังของประเทศไทยโรยต้นหอมซอย,งาขาวคั่วใหม่ๆ ต้นกำเนิดจากร้านอาหารจีนในอินเดียคิดค้นขึ้นช่วงประมาณปี 2518 ก่อนกระจายเต็มรอบภูมิภาคแห่งนี้ครับ

ติดใจก๋วยเตี๋ยวหม่าล่าแต่เหลือบไปเห็นในเล่มเมนูมีอีกรายการใช้วัตถุดิบคล้ายกันแต่ให้ปริมาณเยอะจุใจยิ่งกว่านั้นก็คือ "Tibetan Hot Pot" ราคา 280 บาท หรือมีอีกชื่อเฉพาะตัวเรียกว่า "Gyakhog" ปกติจะต้องเสิร์ฟอย่างอลังการบนหม้อไฟสไตล์โบราณใส่วัตถุดิบหลายอย่างอัดแน่นจัดเต็มสวยงามแต่ทางร้าน "Tibet Gate" ปรับขนาดใหม่ให้ปริมาณเหมาะสำหรับ 1-2 ท่านโดยใช้น้ำซุปหม่าล่าเหมือน "Soen Laphing" สูตรเผ็ดน้อยลงกลิ่นขิงยังจัดเต็มเปลี่ยนวุ้นเส้นมันเทศโปร่งใสเป็นบะหมี่ Thukpa (ทุกปา) นวดแป้งเส้นยืดเองฝีมือเชฟชาวทิเบตเหนียวนุ่มสู้ฟันด้านหลังครัวท็อปปิ้งเนื้อสะโพกวัวตุ๋นแทรกไขมันน้อย/แครอท/ถั่วงอก/กวางตุ้งฮ่องกง/ต้นหอมซอยละเอียดพร้อมจุดเตาแอลกอฮอล์เพื่อรักษาอุณหภูมิร้อนซดคล่องคอแสบลำไส้จนถึงคำสุดท้าย เมนูต่อจากนี้น้องพนักงานหนุ่มชาวทิเบตแท้หน้าตาดีคุ้นๆเพราะเคยเห็นบนวิดีโอโฆษณาค่อนข้างบ่อยหยิบจานแถมฟรีมาให้ลองชิม 2 อย่างเริ่มต้นกันที่ "Laphing" ปกติราคา 80 บาท แม้จัดอยู่ประเภทเส้นแต่ให้ปริมาณเล็กน้อยเหมาะสำหรับเรียกน้ำย่อยตัวเส้นนึ่งสุกผสมสีผสมอาหารเหลืองคลุกเคล้าแป้งนึ่งหั่นชิ้นเล็กแทนเนื้อสัตว์ปรุงซีอิ๊วขาว,น้ำส้มสายชู,กระเทียม,ต้นหอม,น้ำมันพริกคั่วเปรี้ยวเผ็ดเค็มชามเดียวไม่พอ / "Tingmo" ปกติละ 50 บาท คล้ายๆหมั่นโถวรีดแผ่นไว้กินแทนข้าวครับผม

******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:   Tibet Gate สุขุมวิท 33
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่