รู้เท่าทันตลาดหุ้นไทย1 กระทู้แรก เริ่มจากประเด็นร้อนๆกันเลยดีกว่า “OTO”

หลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเริ่มจากการแปลงวอแรน + หุ้นของรายใหญ่ที่เอาไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ถึง 200 กว่าล้านหุ้น ข้อมูลทั้ง 2อย่างนี้มันก็เป็นข้อมูลที่เปิดเผยแหละ แต่สำหรับคนที่จะทำให้มันลงขนาดนี้ได้มันต้องรู้อะไรมากกว่านั้น อาจจะรู้ไส้รู้พุงของรายใหญ่คนที่เอาหุ้นไปค้ำอยู่เลยก็ได้ว่าในพอร์ทมีตัวไหนบ้าง หลักทรัพย์ค้ำประกันเหลือเท่าไหร่ และเงินสดในมือเหลือเท่าไหร่ ที่พอจะกล้าทุบหุ้นตัวนึงได้เละขนาดนี้ สำหรับผมมันไม่ใช่แค่หุ้นแปลงวอแรนจะเข้ามาเทรดแล้วเอาไม่อยู่หรอก ส่วนจะ Naked Short หรือไม่ มันก็ต้องพึ่งผู้มีอำนาจแล้วแหละ หรือเป็นการยืมหุ้นมา short ธรรมดาๆ แต่ถ้าเป็นแต่การยืมหุ้นมา short ธรรมดา แสดงว่ารายใหญ่นั้นโง่มาก กล้าได้ยังไงเอาหุ้นมาวางให้คนอื่นยืมมากขนาดนี้ เพื่อทุบหุ้นตัวเอง เรื่องนี้ให้เช็คเลยครับว่าหุ้นตัวไหนที่โดนเอาไปค้ำอยู่เยอะๆ ให้เลี่ยงเลยครับ เพราะเหตุการณ์นี้เกิดอีกแน่นอนครับ ส่วนตัวดีในเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นคนที่รู้ข้อมูลทั้งหมดของลูกค้า ซึ่งจะไม่พูดนะครับว่าใคร555

https://www.set.or.th/th/market/statistics/market-statistics/margin-accounts ลิ้งครับ

ส่วนคนที่อยู่ในสถานการณ์นี้มีดังนี้
1.) มีหุ้น และมี warrant และใช้สิทธิแปลง สำหรับคนกลุ่มนี้ ณ วันได้สิทธิแปลง คือ ขายหุ้นออกให้เท่าจำนวนที่แปลงเพื่อ take profit และ จำกัดความเสี่ยงออกไปก่อน เพราะต่างรู้กันดีว่า แปลงแล้วกว่าหุ้นจะเข้า ใช้เวลา 45-60 วันครับ สำหรับกรณีนี้ ผมแนะนำให้จำกัดความเสี่ยงซะตั้งแต่วันที่ได้สิทธิเลย และแนะนำให้ทำกับทุกตัวครับ ยิ่งกับหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำยิ่งต้องทำ ถ้าอยากลุ้นก็ลุ้นแค่ เท่าที่แปลงมาครับ กรณีนี้ถ้าคุณไม่ทำ รายใหญ่เค้าก็ทำครับ หยุดตกเป็นเหยื่อของรายใหญ่ + ความโลภครับ เคสนี้บางคนคิดไม่ได้นะครับ ยิ่งคนที่ไม่ได้คลุกคลียิ่งคิดไม่ถึงครับ

2.) มีแค่หุ้น สำหรับคนกลุ่มนี้ ต้องคัทหุ้นอย่างเดียว เมื่อหลุดจุดคัท

3.) มีวอแรน และแปลง อันนี้ซวยครับ หุ้นเข้าตอนนี้ก็ยับแล้ว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่