วันนี้ขอแนะนำแนวคิดให้เจ้าของบ้านรับทราบว่า วิธีการหา ผ.ร.ม.หรือ บริษัทรับสร้างบ้าน
จากประสบการณ์ตัวเองที่ทำงานรับเหมามานานพอสมควร จึงพอมีความรู้บ้างเล็กน้อยจึงอยากจะขอแชร์ในมุมของ ผ.ร.ม. ที่ทำงานให้ลูกค้าจนเสร็จแทบทุกหลัง ทำไม ! ถึงมีบางหลังไม่เสร็จ เพราะ ในการทำงานอาจพบเจอปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสำหรับผมเองนั้น ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวผมเอง ไว้ว่างๆจะมาเล่าให้ฟัง ..
ขอเริ่มจาก เจ้าของบ้าน หลายๆคนอาจเคยได้ยินถึงเรื่องราว ผ.ร.ม.ขี้โกงมาบ้าง ทิ้งงาน ยกเลิกสัญญา ปัจจัยของเรื่องนี้ ผมมองว่าเกิดจาก
ผู้รับเหมาที่เป็น มิจฉาชีพ อันนี้เจตนา ตั้งใจมาโกงโดยเฉพาะ
ผู้รับเหมาที่ไม่มีประสบการณ์ในการคำนวณงบประมาณการก่อสร้าง ทำให้คิดคำนวนค่าใช้จ่ายผิด จนไม่สามารถทำงานต่อจนเกิดปัญหาทิ้งงาน หรือปัญหาทะเลาะกับเจ้าของบ้าน
ปัญหาที่เกิดจาก เจ้าของบ้านต้องการเปลี่ยนแบบ เพิ่มงาน แต่ไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่าย และต้องการให้ ผ.ร.ม.แถมงานมากเกินเหตุ
ดังนั้นปัญหาต่างๆเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมา คงต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน
ผมขอยกตัวอย่างสำหรับช่างที่ดี เวลาเสนอราคาส่วนใหญ่คงจะเสนอราคาที่ ทางผู้ประกอบการสามารถทำได้ พอมีกำไร ไปเลี้ยงครอบครัวได้ แต่ด้วยความไม่รู้ของเจ้าของบ้าน มักจะมองว่าแพง จึงมองหา ผ.ร.ม.หลายๆเจ้าเพื่อให้ได้ราคาที่ถูก คุ้มค่ามากที่สุด แต่พอได้ราคาถูกแล้ว กลับโดนทิ้งงาน และอาจได้งานที่ไม่ดีด้วยซ้ำ ซึ่งปัญหาลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดกับ ผ.ร.ม.ประเภทที่ตั้งใจมาโกง กับ ผ.ร.ม. ที่ไม่มีประสบการณ์ จึงเกิดปัญหาขึ้น
สำหรับช่างมืออาชีพจริงๆ การคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายในการรับงาน มักจะต้องคำนึงถึงว่า ค่าใช้จ่ายมันอยู่ที่เท่าไร ผลประกอบการควรต้องต้องอยู่ตรงไหน ทำแล้วจะอยู่ได้ไหม บางทีเจ้าของบ้านมักจะเอาตัวเลขว่า โห ..หลังนี้ ผ.ร.ม. กำไรตั้ง 3 แสน เยอะไปมั๊ย .. แต่มูลค่าของค่าใช้จ่าย ต้องเอามาหารกับจำนวนเดือนที่ก่อสร้าง อาจจะเหลือเพียงแค่ 30,000 บาท / เดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายประมาณนี้ เมื่อเทียบกับความรับผิดชอบบ้านทั้งหลัง ถ้ายังคิดว่าแพงอีก ควร ลงมือสร้างเอง จ้างช่างเองคุมงานเองทั้งหมด แต่ถ้าไปเปรียบเทียบกับบริษัทใหญ่ที่ผลประกอบการมากกว่านี้ คงต้องดูค่าใช้จ่ายบริษัทที่มากกว่า นั่นคือเงินค่าใช้จ่ายทั้งนั้นดังนั้นก่อนที่จะหา ผ.ร.ม. หรือ บริษัท เพือมาสร้างบ้าน ไม่ควรนึกถึงว่า ฉันจะเลือกราคาที่ถูกเท่านั้น คงต้องดูในเรื่องของราคามาตรฐาน หรือราคากลางเป็นส่วนประกอบที่สำคัญด้วย
แต่ผมไม่ได้หมายความว่า ผ.ร.ม. หรือบริษัท ที่รับราคาที่แพงกว่าจะไม่โกงนะครับ อันนี้คงขึ้นกับ สันดานบุคคลนั้นๆ อย่าไปเหมารวมว่า ผ.ร.ม. จะต้องเป็นอย่างนั้นทั้งหมด แต่อย่างว่านะครับ เวลาที่เจ้าของบ้านโดนโกงมา มักจะเอา ผ.ร.ม.คนนั้น หรือบริษัทนั้นมาประจาน มากกว่าที่ เวลา ผ.ร.ม.เจอเจ้าของบ้านโกง 555 *** ผมเองก้อโดนเหมือนกัน ***
ก้อขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ว่าวิธีการคัดกรอง ผ.ร.ม. ที่จะเข้ามารับสร้างบ้านของเรา ที่เราคาดหวังว่าอยากมีบ้านดีๆไว้สักหลัง เพราะในชีวิตเราคงไม่ได้มีโอกาสสร้างบ้านกันบ่อยนัก
เบื้องต้นคงต้องบอกว่า เจ้าของบ้านควรต้องหาความรู้บ้างจะดีมาก
- ประเภท ราคากลางในการสร้างบ้าน หาได้จากในกูเกิ้ล
- ชนิดของรายละเอียดของวัสดุ / ราคา ที่เราต้องการ เพื่อประกอบการ พิจารณากับราคาที่ ผ.ร.ม. เสนอมา
- หลักการมาตรฐานในการทำงานของช่าง เพื่อที่จะได้ไม่เสียรู้ช่างที่เข้ามา ทำงานให้เรา
ผมเชื่อว่าถ้าคุณพอมีความรู้บ้างอย่างน้อย คงไม่ถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน และได้บ้านที่ตรงตามความต้องการ และไม่โดนช่างหลอก
การคัดเลือก ผ.ร.ม. หรือ บริษัทรับสร้างบ้าน ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง อันดับแรกคือความน่าเชื่อถือ สำหรับเรื่องนี้ คงแนะนำให้ใช้ บริษัท หรือ ผ.ร.ม. ในพื้นที่ หรือบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียง (แต่แพงกว่า) เพื่อสร้างความมั่นใจว่า ไม่ทิ้งงานแน่ๆ เช่น
รู้จักบ้าน ผ.ร.ม. มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน
มีหน้างานจริง ที่สามารถเข้าชมไซส์งานได้
ควรดูถึงวิธีการทำงานของช่างที่จะเข้ามาสร้างบ้านให้เรา เช่น การทำงานต่างๆเรียบร้อยไหม
ราคาเหมาะสม กับราคากลาง (ต้องดูรายการวัสดุ)
สามารถแจ้ง BOQ หรือแจกแจงรายละเอียดได้ หรือตรงกับรายการวัสดุที่สถาปนิก วิศวกรออกแบบมา เพื่อที่จะได้ตามที่ต้องการกับวัสดุต่างๆ ว่าราคาเหมาะสมกับราคาที่เสนอมาไหม
พอได้ ผ.ร.ม.ที่จะมาสร้างบ้านให้เรา ขั้นตอนต่อไปคือเรื่องการตรวจสอบการทำงาน การตรวจงานว่าถูกต้องไหม ในกรณีที่เราไม่สามารถทำได้ อาจจ้างบริษัทที่รับตรวจสอบโครงสร้าง มาตรวจดู จนถึงตรวจบ้านหลังก่อสร้างเสร็จ
ขั้นตอนการตรวจสอบเหล่านี้ เราควรมีระบุในการทำสัญญาด้วย จะดีมากๆ เพราะ ผ.ร.ม. บางรายอาจไม่ชอบให้มีบริษัทมาตรวจสอบการทำงาน แต่ก้อขึ้นอยู่กับว่าเราไว้วางใจ ผ.ร.ม.ขนาดไหน และการจ้างบริษัทตรวจสอบต้องมีค่าใช้จ่ายแน่ๆ กรณีที่ ผ.ร.ม. ปฏิเสธการตรวจ นั่นหมายถึง คุณอาจเจอการ ลักไก่ หรือหมกเม็ดในงานได้ ซึ่งควรต้องคุยกันก่อนทำสัญญา
การทำสัญญา ควรต้องดูให้รัดกุม ไม่เสียเปรียบทั้งสองฝ่าย สอบถามจากผู้มีประสบการณ์ หรือค้นหาจากอินเตอร์เน็ต
สัญญา ควรแบ่งชำระเป็นงวดงาน โดยปกติการทำสัญญา จะต้องมีเงินวางมัดจำ อาจอยู่ที่ 10-50% ขึ้นอยู่กับงาน และสายป่านของ ผ.ร.ม. นั้นๆ ส่วนตัว รับอยู่ที่ 20-25%
ส่วนงวดงาน คงต้องดูงานว่าในแต่ละงวดงานทำงานอะไรบ้าง ควรชำระเมื่อจบงวดเท่านั้น และควรกำหนดระยะเวลาการก่อสร้างให้สมเหตุผล และมีค่าปรับสำหรับงานล่าช้า
ปัญหาที่เจอกันบ่อยๆ ควรปรึกษาทางบ้านให้แน่นอนว่า จะสร้าง-ต่อเติมอะไรบ้างสำหรับงานนี้ จะได้ระบุในสัญญาให้ชัดเจน เพื่อกำหนดระยะเวลาการก่อสร้างได้แน่นอน ผ.ร.ม.จะได้ทำงานตามที่ตกลงในสัญญา ไม่ใช่มาเพิ่มงานภายหลัง แต่อายุสัญญายังเท่าเดิมกรณีที่เกิดปัญหา ในทางกฏหมายอาจมีปัญหาในการโต้เถียงกันได้
ส่วนปัญหาของ ผ.ร.ม. ประเภท พ่อแม่ตาย ญาติพี่น้องเกิดอุบัติเหตุ หรือปัญหาส่วนตัวอื่นๆของ ผ.ร.ม. เพื่อขอเบิกงวดงานล่วงหน้านั้น แนะนำให้ยืนกรานไม่ให้เท่านั้น หรือในกรณีที่เกิดปัญหาจริงๆ อาจอนุโลมให้บางส่วนในกรณีที่ทำงานเกินงวดงานไปบ้างแล้ว
อีกกรณีที่คุณอาจเจอได้ นั่นคือ คนงานมาร้องห่มร้องไห้ บอกเราว่า ผ.ร.ม.ไม่จ่ายเงิน พึงระลึกไว้อย่างนึงคือ คู่สัญญาเราคือ ผ.ร.ม. ไม่ใช่คนงานซับ หรือคนงานเขา ดังนั้นไม่ควรใจอ่อน จ่ายเงินให้คนงานเขาเพราะไม่ใช่หน้าที่เรา แต่ถ้าคนงานเขาบอกไม่มีข้าวกิน ด้วยมนุษยธรรมคุณอาจจัดหาอาหารให้ไปทาน แต่ไม่ควรให้เงินเพื่อให้เขาไปซื้อข้าวกิน เพราะส่วนใหญ่ เขาจะซื้อเหล้า แต่ไม่ซื้อข้าว
เรื่องระยะเวลาช่วงการทำงาน ควรดูให้เหมาะสมกับงวดงานที่เราว่าไม่ช้าจนเกินเหตุ เช่นมาทำงาน อาทิตย์นึง หยุดไป 2 อาทิตย์ เราควรต้องพิจารณาด้วย
กรณีที่ตกลงทำสัญญาไปแล้ว นั่นหมายถึง ผ.ร.ม. ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นผู้เสนอราคา ไม่ใช่มาขอเพิ่มภายหลัง อ้างว่าขาดทุน แต่ถ้าเราศึกษามาบ้างแล้ว และรู้ว่าราคาเหมาะสมแล้ว ควรให้ทำตามที่ตกลงเท่านั้น
ข้อสุดท้าย คือ จ่ายค่างวดตามที่ตกลงในสัญญาเท่านั้น และแนะนำให้ทำสัญญาทุกๆงานไม่ว่า งานจะเล็กหรือใหญ่ เพื่อเป็นหลักฐาน กรณีที่มีปัญหาภายหลัง
แนะนำให้ชำระค่างวด ด้วยการโอนเงินเท่านั้น ไม่ควรชำระเป็นเงินสด และให้ออกใบรับเงินโดยมี ผู้ที่เซ็นต์สัญญา เป็นผู้รับเงินเท่านั้น กรณีที่เป็นผู้อื่นรับมอบแทน เพื่อผลทางกฏหมายควรมีใบมอบอำนาจของคู่สัญญาให้บุคคลนั้นๆด้วย
ยาวหน่อยนะครับ เอาเท่าที่นึกออกนะครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆคน ส่วนตัวไม่ได้รับงานแล้วครับ เพราะเบื่อปัญหาหลายๆอย่างที่เจอมา ประกอบกับปัญหาทางด้านสุขภาพเป็นหลัก ยังไงก้อขอให้ได้บ้านกันทุกๆคนนะครับ มาช่วยกันกำจัด ผ.ร.ม.ขี้โกงให้ออกจากวงการให้หมด เพื่อตัวเรา และบ้านของเราครับ
วิธี หา ผ.ร.ม. สร้างบ้าน จะได้ไม่โดนหลอก
จากประสบการณ์ตัวเองที่ทำงานรับเหมามานานพอสมควร จึงพอมีความรู้บ้างเล็กน้อยจึงอยากจะขอแชร์ในมุมของ ผ.ร.ม. ที่ทำงานให้ลูกค้าจนเสร็จแทบทุกหลัง ทำไม ! ถึงมีบางหลังไม่เสร็จ เพราะ ในการทำงานอาจพบเจอปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสำหรับผมเองนั้น ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวผมเอง ไว้ว่างๆจะมาเล่าให้ฟัง ..
ขอเริ่มจาก เจ้าของบ้าน หลายๆคนอาจเคยได้ยินถึงเรื่องราว ผ.ร.ม.ขี้โกงมาบ้าง ทิ้งงาน ยกเลิกสัญญา ปัจจัยของเรื่องนี้ ผมมองว่าเกิดจาก
ผู้รับเหมาที่เป็น มิจฉาชีพ อันนี้เจตนา ตั้งใจมาโกงโดยเฉพาะ
ผู้รับเหมาที่ไม่มีประสบการณ์ในการคำนวณงบประมาณการก่อสร้าง ทำให้คิดคำนวนค่าใช้จ่ายผิด จนไม่สามารถทำงานต่อจนเกิดปัญหาทิ้งงาน หรือปัญหาทะเลาะกับเจ้าของบ้าน
ปัญหาที่เกิดจาก เจ้าของบ้านต้องการเปลี่ยนแบบ เพิ่มงาน แต่ไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่าย และต้องการให้ ผ.ร.ม.แถมงานมากเกินเหตุ
ดังนั้นปัญหาต่างๆเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมา คงต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน
ผมขอยกตัวอย่างสำหรับช่างที่ดี เวลาเสนอราคาส่วนใหญ่คงจะเสนอราคาที่ ทางผู้ประกอบการสามารถทำได้ พอมีกำไร ไปเลี้ยงครอบครัวได้ แต่ด้วยความไม่รู้ของเจ้าของบ้าน มักจะมองว่าแพง จึงมองหา ผ.ร.ม.หลายๆเจ้าเพื่อให้ได้ราคาที่ถูก คุ้มค่ามากที่สุด แต่พอได้ราคาถูกแล้ว กลับโดนทิ้งงาน และอาจได้งานที่ไม่ดีด้วยซ้ำ ซึ่งปัญหาลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดกับ ผ.ร.ม.ประเภทที่ตั้งใจมาโกง กับ ผ.ร.ม. ที่ไม่มีประสบการณ์ จึงเกิดปัญหาขึ้น
สำหรับช่างมืออาชีพจริงๆ การคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายในการรับงาน มักจะต้องคำนึงถึงว่า ค่าใช้จ่ายมันอยู่ที่เท่าไร ผลประกอบการควรต้องต้องอยู่ตรงไหน ทำแล้วจะอยู่ได้ไหม บางทีเจ้าของบ้านมักจะเอาตัวเลขว่า โห ..หลังนี้ ผ.ร.ม. กำไรตั้ง 3 แสน เยอะไปมั๊ย .. แต่มูลค่าของค่าใช้จ่าย ต้องเอามาหารกับจำนวนเดือนที่ก่อสร้าง อาจจะเหลือเพียงแค่ 30,000 บาท / เดือน ซึ่งค่าใช้จ่ายประมาณนี้ เมื่อเทียบกับความรับผิดชอบบ้านทั้งหลัง ถ้ายังคิดว่าแพงอีก ควร ลงมือสร้างเอง จ้างช่างเองคุมงานเองทั้งหมด แต่ถ้าไปเปรียบเทียบกับบริษัทใหญ่ที่ผลประกอบการมากกว่านี้ คงต้องดูค่าใช้จ่ายบริษัทที่มากกว่า นั่นคือเงินค่าใช้จ่ายทั้งนั้นดังนั้นก่อนที่จะหา ผ.ร.ม. หรือ บริษัท เพือมาสร้างบ้าน ไม่ควรนึกถึงว่า ฉันจะเลือกราคาที่ถูกเท่านั้น คงต้องดูในเรื่องของราคามาตรฐาน หรือราคากลางเป็นส่วนประกอบที่สำคัญด้วย
แต่ผมไม่ได้หมายความว่า ผ.ร.ม. หรือบริษัท ที่รับราคาที่แพงกว่าจะไม่โกงนะครับ อันนี้คงขึ้นกับ สันดานบุคคลนั้นๆ อย่าไปเหมารวมว่า ผ.ร.ม. จะต้องเป็นอย่างนั้นทั้งหมด แต่อย่างว่านะครับ เวลาที่เจ้าของบ้านโดนโกงมา มักจะเอา ผ.ร.ม.คนนั้น หรือบริษัทนั้นมาประจาน มากกว่าที่ เวลา ผ.ร.ม.เจอเจ้าของบ้านโกง 555 *** ผมเองก้อโดนเหมือนกัน ***
ก้อขอเข้าเรื่องเลยนะครับ ว่าวิธีการคัดกรอง ผ.ร.ม. ที่จะเข้ามารับสร้างบ้านของเรา ที่เราคาดหวังว่าอยากมีบ้านดีๆไว้สักหลัง เพราะในชีวิตเราคงไม่ได้มีโอกาสสร้างบ้านกันบ่อยนัก
เบื้องต้นคงต้องบอกว่า เจ้าของบ้านควรต้องหาความรู้บ้างจะดีมาก
- ประเภท ราคากลางในการสร้างบ้าน หาได้จากในกูเกิ้ล
- ชนิดของรายละเอียดของวัสดุ / ราคา ที่เราต้องการ เพื่อประกอบการ พิจารณากับราคาที่ ผ.ร.ม. เสนอมา
- หลักการมาตรฐานในการทำงานของช่าง เพื่อที่จะได้ไม่เสียรู้ช่างที่เข้ามา ทำงานให้เรา
ผมเชื่อว่าถ้าคุณพอมีความรู้บ้างอย่างน้อย คงไม่ถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน และได้บ้านที่ตรงตามความต้องการ และไม่โดนช่างหลอก
การคัดเลือก ผ.ร.ม. หรือ บริษัทรับสร้างบ้าน ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง อันดับแรกคือความน่าเชื่อถือ สำหรับเรื่องนี้ คงแนะนำให้ใช้ บริษัท หรือ ผ.ร.ม. ในพื้นที่ หรือบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียง (แต่แพงกว่า) เพื่อสร้างความมั่นใจว่า ไม่ทิ้งงานแน่ๆ เช่น
รู้จักบ้าน ผ.ร.ม. มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน
มีหน้างานจริง ที่สามารถเข้าชมไซส์งานได้
ควรดูถึงวิธีการทำงานของช่างที่จะเข้ามาสร้างบ้านให้เรา เช่น การทำงานต่างๆเรียบร้อยไหม
ราคาเหมาะสม กับราคากลาง (ต้องดูรายการวัสดุ)
สามารถแจ้ง BOQ หรือแจกแจงรายละเอียดได้ หรือตรงกับรายการวัสดุที่สถาปนิก วิศวกรออกแบบมา เพื่อที่จะได้ตามที่ต้องการกับวัสดุต่างๆ ว่าราคาเหมาะสมกับราคาที่เสนอมาไหม
พอได้ ผ.ร.ม.ที่จะมาสร้างบ้านให้เรา ขั้นตอนต่อไปคือเรื่องการตรวจสอบการทำงาน การตรวจงานว่าถูกต้องไหม ในกรณีที่เราไม่สามารถทำได้ อาจจ้างบริษัทที่รับตรวจสอบโครงสร้าง มาตรวจดู จนถึงตรวจบ้านหลังก่อสร้างเสร็จ
ขั้นตอนการตรวจสอบเหล่านี้ เราควรมีระบุในการทำสัญญาด้วย จะดีมากๆ เพราะ ผ.ร.ม. บางรายอาจไม่ชอบให้มีบริษัทมาตรวจสอบการทำงาน แต่ก้อขึ้นอยู่กับว่าเราไว้วางใจ ผ.ร.ม.ขนาดไหน และการจ้างบริษัทตรวจสอบต้องมีค่าใช้จ่ายแน่ๆ กรณีที่ ผ.ร.ม. ปฏิเสธการตรวจ นั่นหมายถึง คุณอาจเจอการ ลักไก่ หรือหมกเม็ดในงานได้ ซึ่งควรต้องคุยกันก่อนทำสัญญา
การทำสัญญา ควรต้องดูให้รัดกุม ไม่เสียเปรียบทั้งสองฝ่าย สอบถามจากผู้มีประสบการณ์ หรือค้นหาจากอินเตอร์เน็ต
สัญญา ควรแบ่งชำระเป็นงวดงาน โดยปกติการทำสัญญา จะต้องมีเงินวางมัดจำ อาจอยู่ที่ 10-50% ขึ้นอยู่กับงาน และสายป่านของ ผ.ร.ม. นั้นๆ ส่วนตัว รับอยู่ที่ 20-25%
ส่วนงวดงาน คงต้องดูงานว่าในแต่ละงวดงานทำงานอะไรบ้าง ควรชำระเมื่อจบงวดเท่านั้น และควรกำหนดระยะเวลาการก่อสร้างให้สมเหตุผล และมีค่าปรับสำหรับงานล่าช้า
ปัญหาที่เจอกันบ่อยๆ ควรปรึกษาทางบ้านให้แน่นอนว่า จะสร้าง-ต่อเติมอะไรบ้างสำหรับงานนี้ จะได้ระบุในสัญญาให้ชัดเจน เพื่อกำหนดระยะเวลาการก่อสร้างได้แน่นอน ผ.ร.ม.จะได้ทำงานตามที่ตกลงในสัญญา ไม่ใช่มาเพิ่มงานภายหลัง แต่อายุสัญญายังเท่าเดิมกรณีที่เกิดปัญหา ในทางกฏหมายอาจมีปัญหาในการโต้เถียงกันได้
ส่วนปัญหาของ ผ.ร.ม. ประเภท พ่อแม่ตาย ญาติพี่น้องเกิดอุบัติเหตุ หรือปัญหาส่วนตัวอื่นๆของ ผ.ร.ม. เพื่อขอเบิกงวดงานล่วงหน้านั้น แนะนำให้ยืนกรานไม่ให้เท่านั้น หรือในกรณีที่เกิดปัญหาจริงๆ อาจอนุโลมให้บางส่วนในกรณีที่ทำงานเกินงวดงานไปบ้างแล้ว
อีกกรณีที่คุณอาจเจอได้ นั่นคือ คนงานมาร้องห่มร้องไห้ บอกเราว่า ผ.ร.ม.ไม่จ่ายเงิน พึงระลึกไว้อย่างนึงคือ คู่สัญญาเราคือ ผ.ร.ม. ไม่ใช่คนงานซับ หรือคนงานเขา ดังนั้นไม่ควรใจอ่อน จ่ายเงินให้คนงานเขาเพราะไม่ใช่หน้าที่เรา แต่ถ้าคนงานเขาบอกไม่มีข้าวกิน ด้วยมนุษยธรรมคุณอาจจัดหาอาหารให้ไปทาน แต่ไม่ควรให้เงินเพื่อให้เขาไปซื้อข้าวกิน เพราะส่วนใหญ่ เขาจะซื้อเหล้า แต่ไม่ซื้อข้าว
เรื่องระยะเวลาช่วงการทำงาน ควรดูให้เหมาะสมกับงวดงานที่เราว่าไม่ช้าจนเกินเหตุ เช่นมาทำงาน อาทิตย์นึง หยุดไป 2 อาทิตย์ เราควรต้องพิจารณาด้วย
กรณีที่ตกลงทำสัญญาไปแล้ว นั่นหมายถึง ผ.ร.ม. ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นผู้เสนอราคา ไม่ใช่มาขอเพิ่มภายหลัง อ้างว่าขาดทุน แต่ถ้าเราศึกษามาบ้างแล้ว และรู้ว่าราคาเหมาะสมแล้ว ควรให้ทำตามที่ตกลงเท่านั้น
ข้อสุดท้าย คือ จ่ายค่างวดตามที่ตกลงในสัญญาเท่านั้น และแนะนำให้ทำสัญญาทุกๆงานไม่ว่า งานจะเล็กหรือใหญ่ เพื่อเป็นหลักฐาน กรณีที่มีปัญหาภายหลัง
แนะนำให้ชำระค่างวด ด้วยการโอนเงินเท่านั้น ไม่ควรชำระเป็นเงินสด และให้ออกใบรับเงินโดยมี ผู้ที่เซ็นต์สัญญา เป็นผู้รับเงินเท่านั้น กรณีที่เป็นผู้อื่นรับมอบแทน เพื่อผลทางกฏหมายควรมีใบมอบอำนาจของคู่สัญญาให้บุคคลนั้นๆด้วย
ยาวหน่อยนะครับ เอาเท่าที่นึกออกนะครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆคน ส่วนตัวไม่ได้รับงานแล้วครับ เพราะเบื่อปัญหาหลายๆอย่างที่เจอมา ประกอบกับปัญหาทางด้านสุขภาพเป็นหลัก ยังไงก้อขอให้ได้บ้านกันทุกๆคนนะครับ มาช่วยกันกำจัด ผ.ร.ม.ขี้โกงให้ออกจากวงการให้หมด เพื่อตัวเรา และบ้านของเราครับ