เมื่อข้าพเจ้าได้บรรจุราชการตอน 40+

// จุดเริ่มต้นของความปรารถนา //
 
หลังจากที่ตกงาน และพบว่าตนเองไม่มีความถนัดในเรื่องการค้าขายเลย ดิฉันจึงตัดสินใจเบนเข็มมาหางานทำเพื่อเริ่มต้นชีวิตมนุษย์เงินเดือนอีกครั้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
แต่เส้นทางการหางานของคนในวัย 40+ นั้นช่างยากเย็น โดยเฉพาะในวันที่โควิดมาเยือนแบบนี้ แม้แต่งานคัดข้าวโพดกระป๋องในโรงงานที่สมัครไว้ ก็ไม่เคยมีสัญญาณตอบรับกลับมา..
 
จนปลายปี 63 ดิฉันได้ยินเรื่องการเปิดสอบรับราชการท้องถิ่นโดยบังเอิญ จึงศึกษาหาความเป็นไปได้ที่จะเข้ารับราชการบ้าง
 
เกณฑ์การสอบภาค ก ของข้าราชการท้องถิ่นคือ 60% ของทุกวิชารวมกัน ดูแล้วดิฉันน่าจะ มีโอกาสผ่านมากกว่า ภาค ก กพ. ที่ต้องผ่าน 60% ในแต่ละวิชา แต่ก็ยังมีคนโพสต์ตัดกำลังใจในเพจติวสอบเพจหนึ่งว่า ..ถ้าไม่อ่านหนังสือจนมีแสง ก็ควรลดวุฒิไปสอบระดับที่ต่ำกว่าปริญญาตรี ไม่ต้องภาคภูมิใจอะไรกับปริญญาโท ปริญญาเอกที่ตนเองมีในตอนนี้หรอก ถ้าอยากรอดตายจากการตกงาน.. ดิฉันถึงกับน้ำตาไหลหลังอ่านข้อความนั้น ..
 
 
 
ดิฉันอยากสอบตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนมาก และเชื่อมั่นว่าตัวเองมีวินัยในการอ่านหนังสือ แต่การสอบราชการมันยากหรือง่ายแค่ไหนกัน ณ ตอนนั้นมันมืดมนจริงๆ ประเมินความสามารถของตัวเองไม่ถูกเลย
 
ช่วงนั้นได้แต่มองคนใส่ชุดข้าราชการด้วยความชื่นชมปนอิจฉา.. อดคิดไม่ได้จริงๆว่าพวกเขาต้องอัจฉริยะกันขนาดไหน โดยเฉพาะสนามสอบ กพ. ที่มีคนผ่านคราวละไม่ถึง 8%
 
 
// รองแม็ก สอบท้องถิ่น //
 
จนกระทั่งดิฉันได้รู้จักกับติวเตอร์กฏหมายท้องถิ่นท่านหนึ่งในยูทูป คือ รองแม็ก สอบท้องถิ่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
รองแม็กสอนกฎหมายสนุกมาก และรับติวในราคาที่คนตกงานอย่างดิฉันเข้าถึงได้ ทั้งยังคอยแนะนำเป็นกำลังใจให้ดิฉันฮึดสู้อยู่เสมอ ดิฉันจึงไม่คิดจะลดวุฒิ และลองลงสอบสนามพนักงานราชการของสำนักงานปลัดกระทรวงแห่งหนึ่งในตำแหน่งนักวิเคราะห์ฯเพื่อทดสอบตนเอง
 
 
 
และแสงสว่างก็เริ่มปรากฏขึ้นเมื่อดิฉันสอบได้ลำดับที่สอง ได้รายงานตัวรอบแรก.. 
 
 
 
แต่ดิฉันก็ตัดสินใจสละสิทธิ์ไป ด้วยเหตุผลที่อยากทุ่มเทให้การสอบบรรจุราชการเท่านั้น ท่ามกลางเสียงคัดค้านของใครหลายคน ที่บอกว่าการเป็นข้าราชการไม่ใช่เรื่องง่าย ทำไมไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ดิฉันอาจจะต้องตกงานตลอดไปเลยก็ได้ ..
 
 
// เอาชนะวิชาเลข //
 
ปลายปี 63 เป็นช่วงเวลาที่สภาพจิตใจของดิฉันค่อนข้างย่ำแย่ เนื่องจากกังวลใจเกี่ยวกับอนาคตตัวเอง และถูกทำร้ายด้วยคำพูดจากคนในครอบครัวอยู่บ่อยๆ ดิฉันตัดสินใจ social detox ด้วยการลบเพื่อนทุกคนออกจากเฟสบุค มีมันไว้เพื่อตามเพจติวสอบ และบันทึกความพยายามของตัวเองเท่านั้น เพื่อจะมีสมาธิกับหนังสือตรงหน้าให้มากที่สุด ไม่วอกแวก ฟุ้งซ่าน หรือเอาแต่น้อยใจโชคชะตาอีก
 
       
 
ดิฉันอ่อนวิชาเลขมาก เพราะจบสายภาษามา ตอนเรียน ป.โท มีการทำสมการง่ายๆ ดิฉันถึงกับต้องซื้อหนังสือเรียนระดับม.ต้นมาฝึกทำ เพื่อให้เข้าใจสมการข้อนั้นเพียงข้อเดียว
 

 
// ครูศักดิ์ชัย เกิดพิทักษ์ //
 
ดิฉันกังวลใจจนอดคิดไม่ได้ว่าคงไม่มีทางเอาชนะวิชาเลขในสนาม กพ. ได้แน่ๆ ทุกอย่างดูยากไปหมด จนกระทั่งได้มาพบกับ ครูศักดิ์ชัย เกิดพิทักษ์ ในยูทูป ครูผู้แสนประเสริฐที่สอนเรื่องยากๆให้เข้าใจง่าย ปลุกดิฉันให้ตื่นจากความท้อแท้ ลุกขึ้นอ่านวิชาเลขด้วยความหวังอีกครั้ง  
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 ดูเหมือนชีวิตดิฉันช่วงเวลานั้นจะได้พบกับครูดีมีกำลังใจล้นเหลือ แต่ในอีกมุมนึง ดิฉันก็ถูกทอดทิ้งและโดนคนใกล้ชิดเหยียดหยามจนหัวใจแหลกสลายเช่นกัน..
 

// ความว้าเหว่ และคำดูถูก //
 
เช้าวันนึง อากาศสดใสมาก ดิฉันได้เจอกับคนรักที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด เราขับรถไปเที่ยวเขื่อนแห่งหนึ่งด้วยกัน อากาศหนาวจนดิฉันเผลอสั่นกอดตัวเองแน่น ทันใดนั้น เขาก็โยนเสื้อกันหนาวของตัวเองมาคลุมหัวดิฉันอย่างแรง และตำหนิเสียงห้วนๆว่า รู้ว่าหนาวทำไมไม่รู้จักเตรียมเสื้อผ้ามา..
 
ดิฉันเสียใจมาก ที่เขาหยาบกระด้างเช่นนั้น แต่ก็ฝืนหัวเราะกลับไป ระหว่างเดินเที่ยว เขาพูดโน้มน้าวดิฉันตลอดเวลาว่าหยุดคิดเรื่องการจะเป็นข้าราชการสักทีเถอะ มันไม่มีทางเป็นไปได้ ดิฉันอายุมากแล้ว ทั้งยังไม่มีเส้นสายอะไรอีกด้วย ดูแล้วเพ้อเจ้อเสียเวลาเปล่าๆ
 
'แม้ว่าหนูจะอ่านหนังสือหนักแค่ไหน หนูก็ไม่สามารถสอบบรรจุราชการได้หรือคะ' ดิฉันสะอื้นถามทั้งน้ำตา 
 
'ใช่ ต้องปาฏิหาริย์เท่านั้น ถึงจะได้เป็นข้าราชการ' 
 
คำพูดของเขามันบาดใจเหลือเกิน เขาพูดมันออกมาด้วยความรู้สึกอย่างไรกันนะ ต้องเป็นคนใจร้ายขนาดไหน จึงทำลายความหวังเล็กๆที่เหลืออยู่ของคนตกงานคนหนึ่งได้ ต้องเกลียดดิฉันแค่ไหน จึงพรากเอาความภาคภูมิใจจากความทุ่มเทแรงกายแรงใจในการอ่านหนังสือของดิฉันไปได้อย่างหยาบคายเช่นนี้
 
เขาคงหมดรักดิฉันนานแล้ว..
 
คืนนึงเขาเคยตกใจกับผมของดิฉันที่ร่วงเยอะจนมากผิดปกติ 
 
อีกคืนนึงเขาเคยหน้าบึ้งพูดกับดิฉันว่า ผมเป็นใคร ทำไมต้องมาอยู่กับยายป้าแก่ๆแบบนี้ด้วย
 
จริงของเขานะ เขาเป็นใคร ทำไมต้องมารับเคราะห์กรรมของดิฉันด้วย ในเมื่อ ันเป็นโชคร้ายของดิฉันเอง ที่ ตกงาน ป่วย เครียดจนผมร่วง ร่างกายทรุดโทรม ดิฉันควรจะจัดการมันด้วยตนเอง อย่าได้เป็นภาระเขาด้วยการมาให้กำลังใจหรือสนับสนุนอะไรคนไร้ค่าอย่างดิฉันเลย
 
 
 

// ครูป้อย //
 
นอกจากตามเรียนเลขจากยูทูปของครูศักดิ์ชัยแล้ว ดิฉันตามเพจครูป้อยอยู่สองเพจด้วย เพจหนึ่งครูสอนโจทย์เงื่อนไขสัญลักษณ์ และเงื่อนไขภาษา ส่วนอีกเพจครูสอนคณิตทั่วไป (เน้นสอบตำรวจ) ครูป้อยสร้างกลุ่มไว้สำหรับให้ทุกคนเข้ามาตั้งโจทย์เลขที่สงสัยไว้ และถึงแม้จะมีคนเก่งๆมาตอบให้เสมอ ครูก็จะหยิบเอาโจทย์เหล่านั้นมา live เฉลยให้ตอนดึกๆประจำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 ดิฉันมีความสุขกับการเรียนเลขกับครูทั้งสองท่านมาก และจะไม่มีวันลืมพระคุณท่านเลย
 
 
// วันสอบ กพ. //
 
ในที่สุด วันสอบ กพ. ก็มาถึงในเดือนเมษายน ปี 64 ดิฉันอ่านหนังสือหนักจนคอเคล็ด ต้องไปสอบทั้งที่คอแข็งแบบนั้น ในขณะที่นั่งรอกรรมการเรียกขึ้นไปสอบบนห้อง ความทรงจำต่างๆเกี่ยวกับที่ทำงานเก่าก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว ดิฉันเห็นภาพเพื่อนร่วมงานที่ไม่ได้ถูก  lay off มีความสุขและก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ในขณะที่ดิฉันกำลังเริ่มต้นใหม่หมดทุกอย่าง ดิฉันอาจจะล้มตั้งแต่ก้าวนี้ก็ได้ แต่ดิฉันจะไม่ละทิ้งความภาคภูมิใจในตัวเองเด็ดขาด 
 
ถ้าจะแพ้ในสนามนี้ ดิฉันก็ทำทุกอย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว ดิฉันจะกอดปลอบใจตัวเอง พูดดีๆกับตัวเองว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ดิฉันจะรักตัวเองให้มาก เพราะดิฉันคือที่พึ่งเดียวของตัวเองที่เหลืออยู่
 
ขณะที่ทำข้อสอบนั้นกดดันเหลือเกิน ดิฉันเกือบถอดใจตอนเจอโจทย์ยากๆ และเลือกคำตอบมั่วๆไปเพื่อจะรีบออกจากห้องอันแสนอึดอัดนั้นเสียที แต่การผ่อนลมหายใจยาวๆช่วยให้สติกลับมาและตั้งใจ ทำข้อสอบต่อไปได้
 
ขอบคุณลมหายใจครั้งนั้น  ที่ชุบชีวิตเส็งเคร็งของดิฉันให้กลับมาสดใสได้ เพราะดิฉันสอบผ่าน กพ. มาด้วยความโล่งใจ ยิ่งเมื่อครูศักดิ์ชัยพูดถึงดิฉันในเพจของท่านเพื่อเป็นกำลังใจให้คนอื่นๆ ดิฉันก็มีความสุข เหมือนแสงสว่างของชีวิตเริ่มปรากฏขึ้นรำไร


 

 
 
 // บรรจุด้วยอันดับ 1 //
 
ผลสอบ กพ ออกมาก่อนผลสอบพนักงานราชการ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ดิฉันสละสิทธิ์พนักงานราชการไป และไม่ไปสอบท้องถิ่น เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับการอ่าน ภาค ข ในสนามที่หวังไว้
 
และ นั่นคือการตัดสินใจ ที่ถูกต้อง.. เมื่อดิฉันสอบบรรจุราชการสำนักงานปลัดกระทรวงอีกแห่งหนึ่งได้ในลำดับที่ 1 ได้เป็นนักวิเคราะห์นโยบายและแผนอย่างภาคภูมิใจ โดยไม่จำเป็นต้องมีเส้นสายใดๆทั้งสิ้น 
 
  
 
 ดิฉันทำงานด้วยความสุข มีโอกาสได้ส่งผลงานประกวดนวัตกรรมปรับปรุงการทำงาน ได้ออกแบบรูปเล่มรายงานประจำปีของหน่วยงานด้วยตัวเอง ได้สอนเพื่อนร่วมงานทำกราฟรูปแบบใหม่ๆ มีเรื่องราวดีๆผ่านเข้ามานับไม่ถ้วนตลอดระยะเวลาที่รับราชการอยู่ที่นั่น 1 ปี
 
ใช่ค่ะ ดิฉันมีโอกาสทำงานที่นั่นเพียงปีเดียวเท่านั้น ก็ต้องลาออกจากราชการ เพื่อไปบรรจุยังหน่วยงานใหม่ คือกรมศุลกากร ...
 
 
 

 
// ผลของความเพียรที่แสนหวานและชื่นใจ //
 
ดิฉันมีความสุขกับชีวิตในตอนนี้มาก เพราะดิฉันมีงานที่มั่นคง มีเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก ยิ้มชื่นใจทุกครั้งในยามที่ภาพเก่าๆครั้งเมื่อถูกเรียกไปรับซองขาวผุดขึ้นมา..
 
วันนั้นที่ดิฉันเฝ้าถามตัวเองอยู่ทุกวันว่าคนอย่างเรามีอนาคตกับเขาด้วยหรือ 
 
วันนั้นที่ตื่นตีห้ามาทำขนม กว่าจะได้พักร่างก็ห้าทุ่ม เหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่วันหนึ่งกลับพบว่าขายได้กำไรเพียงแค่สี่สิบบาท จึงต้องหยุด
 
วันนั้นที่โรงงานคัดฝักข้าวโพดไม่ต้องการ
 
วันนั้นที่มีน้ำตาเป็นเพื่อนอ่านหนังสือ ตื่นขึ้นมากลางดึก ร้องไห้ให้พอ เพื่อจะได้หลับต่อ 
 
ดิฉันต้องให้กำลังใจตัวเองอย่างแรงกล้า เพื่อเอาชนะคำดูถูกต่างๆ และมีสมาธิกับหนังสือตรงหน้า ดิฉันโดดเดี่ยว และต่อสู้อยู่เพียงลำพัง
 
ดิฉันไม่กล้าใช้เงินซื้อของที่อยากกิน ไม่มีเสื้อผ้าเครื่องสำอางใหม่ แม้เครื่องทำน้ำอุ่นในห้องพัง ราวกับตั้งใจจะทับถมกันตอนลำบาก ก็ไม่กล้าซื้อใหม่ แต่กล้าซื้อหนังสือเตรียมสอบทุกเล่มที่อยากได้ กล้าลงติวในวิชาที่อยากติว เพราะเชื่อหมดใจว่าความรู้คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด
 
ดิฉันเคยบอกกองหนังสือมหึมาตรงหน้าไว้ว่า "รอหน่อยนะความฝัน สักวันจะวิ่งไปหา" และตอนนี้ความฝันก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
 
ขอบคุณความพยายามที่ไม่เคยทรยศใคร..



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่