เศรษฐา แนะรบ.ใหม่จับมือการค้ากับ ‘อินเดีย’ มากขึ้น คานอำนาจศก. ลดพึ่งพาจีน-สหรัฐได้
https://www.matichon.co.th/economy/news_4030175
เศรษฐา ชี้ไทยจับมือการค้ากับอินเดียน้อย แนะรบ.ใหม่สานสัมพันธ์เพิ่มโอกาส คานอำนาจศก. ลดพึ่งพาจีน-สหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน สืบเนื่องจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ @TonsTweetings ได้ทวีตข้อความระบุว่า
“
ทุกอย่างที่จีนทำได้ อินเดียทำได้ จีนเป็นโรงงานผลิตสินค้าให้กับโลกได้ อินเดียทำได้ แต่สิ่งที่อินเดียทำได้ จีนทำไม่ได้ คือการเป็น back office ให้กับทั้งโลกได้ เพราะคนอินเดียมีความสามารถทางด้านภาษามากกว่าจีน”
กับเรื่องนี้ นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการทำการค้าระหว่างไทย-อินเดียว ด้วยว่า
“
ถ้าพูดถึงโอกาสแล้ว ประเทศเรายังทำการค้ากับอินเดียได้น้อยกว่าที่ควรเป็น ในอนาคตรัฐบาลใหม่น่าจะต้องประสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับอินเดีย เพื่อการแลกเปลี่ยนทางการค้าที่ดีกว่าปัจจุบัน และเป็นการคานอำนาจทางเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องพึ่ง จีนและสหรัฐฯ มากเท่าที่เป็นอยู่”
https://twitter.com/Thavisin/status/1669156528459505664
จาตุรนต์ แจงถูกพาดพิง ถอดวิชาปวศ.พ้นบทเรียน ลั่นสมัยนั่งรมว.ศึกษา ไม่เคยปรับหลักสูตร
https://www.matichon.co.th/politics/news_4030203
จาตุรนต์ แจงเฟคนิวส์ ถอดวิชาประวัติศาสตร์พ้นบทเรียน ลั่นสมัยนั่งรมว.ศึกษา ไม่เคยปรับหลักสูตร โอดเป็นได้ไม่ทันไรก็ถูกยุบสภา-รัฐประหาร
สืบเนื่องจากกรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอสอบถาม “เด็ก” รายหนึ่ง ซึ่งถามว่า
“
ใครสอนเอ็งว่า 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย” ซึ่งเยาวชนตอบว่า “
มาเลเซียเป็นของมาเลเซียอยู่แล้ว เป็นพวกอังกฤษก่อนแรกๆ” แล้วคนอัดคลิปได้ตอบกลับไปว่า” เขาไม่รู้หรอว่า มาเลเซียเคยเป็นของไทย แล้วอังกฤษมาตีแย่งไป”
ก่อนจะระบุเป็นตัวอักษรในคลิปว่า
“
มาฟังเสียงจากเด็ก 3 จังหวัดแท้ๆ กันครับ ข้อเสียของการที่วิชาประวัติศาสตร์เข้าไม่ถึง ไม่ว่าเขาจะสอนเอ็งมายังไงก็แล้วแต่ แต่ให้จำไว้ว่าเราล้วนเป็นคนไทยแท้ๆ โดยภาคภูมิ”
ส่งผลให้ในโลกออนไลน์มีผู้มาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความสำคัญของการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในวงกว้าง
กระทั่งมีคอมเมนต์หนึ่ง ระบุว่า “
สมัยโทนี่ล่ะที่เอาวิชาประวัติศาสตร์ออกจากการเรียนการสอน โอ้โห เด็กทุกวันนี้เลยรู้แค่งูๆปลาๆ สมควรที่จะเอากลับมาเรียนเต็มชั่วโมงได้แล้ว ไม่ใช่เอาไปแฝงรวมกับวิชาอื่น เรื่องนี้เคยเข้าชื่อตอนเอาวิชานี้ออกไปใหม่ๆ แต่เงียบ สมัยจาตุรนต์เป็นรัฐมนตรีเลยค่ะ”
ทำเอา นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง นักเศรษฐศาสตร์และนักการเมืองชาวไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, อดีตรองนายกรัฐมนตรี, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรักษาการ หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาชี้แจงทันทีว่า
“
ข้อความนี้ไม่จริง เพราะไม่เคยมีรัฐบาลไหนยกเลิกการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนยกเลิกการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ส่วน ผมเป็นรมว.ศึกษา 2 ครั้ง ไม่ได้ปรับหลักสูตรเลย เป็นได้ไม่ทันไรก็ยุบสภา แล้วก็ตามด้วยรัฐประหารทั้งสองครั้ง นี่คือความจริง #วิชาประวัติศาสตร์” และว่า
“
ส่วนที่ชอบพูดกันว่าเด็กสมัยนี้ไม่มีความรู้ ไม่รู้จริงเพราะไม่เรียนวิชาประวัติศาสตร์ ก็ไม่จริง เด็กสมัยนี้มีความรู้มากกว่าเด็กสมัยก่อนและมากกว่าผู้ใหญ่ปัจจุบันหลายๆคนด้วยซ้ำ ส่วนเด็กที่เป็นนักกิจกรรมหลายๆคนมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ดีมาก ดีกว่าผู้ใหญ่ที่ไปตำหนิเด็กเยอะเลย #วิชาประวัติศาสตร์”
https://twitter.com/chaturon/status/1669199302747635712/history
https://twitter.com/chaturon/status/1669207192308944896/history
อังคณา ยก ‘อนุสัญญาสิทธิเด็ก’ ชี้เคสหยก ‘ผู้ปกครอง’ สำคัญ ควรออกมาปกป้อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4030110
อังคณา ชี้เคสหยก เครื่องแบบไม่ใช่ประเด็น ยก ‘อนุสัญญาสิทธิเด็ก’ ย้ำ ‘ผู้ปกครอง’ สำคัญ ควรออกมาปกป้องประโยชน์สูงสุดของเด็ก
จากกรณี น.ส.
ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี โพสต์ข้อความช่วงกลางดึกว่า ถูกไล่ออกจากโรงเรียน พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้รับแจ้งว่า จากนี้ไปตนคือบุคคลภายนอก กระทั่งทางโรงเรียน ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า “
แต่นักเรียนไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบ จึงไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในปีการศึกษา 2566” ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นาง
อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า
โพสต์นี้อาจไม่ถูกใจบางคน แต่ก็อยากจะพูดในฐานะคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนที่ต้องยืนยันหลักการ ตาม #แถลงการณ์ของโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2566 แสดงเหตุผลของโรงเรียนต่อกรณีสภาพการเป็นนักเรียนของหยก คือ การรายงานตัวที่ต้องมีผู้ปกครอง (ตามกฎหมาย) มาร่วมในการรายงานตัวเด็กที่โรงเรียนภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 แถลงการณ์ระบุว่า
“… แต่นักเรียนไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบ จึงไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในปีการศึกษา 2566”
หากดูใน live ที่หยกติดต่อกับผู้ปกครอง ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ใครคือผู้ปกครอง ทั้งนี้ ในส่วนของ “ผู้เยาว์ – minor” ตามกฎหมายไทย และกฎหมายระหว่างประเทศให้ความสำคัญกับ #ผู้ปกครอง มาก ในอารัมภบทของ #อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ขององค์การสหประชาชาติ (Convention on the Rights of the Child- #CRC) ย่อหน้าที่ 5 ระบุว่า
• “เชื่อว่า ครอบครัวในฐานะเป็นกลุ่มพ้นฐานของสังคมและเป็นสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ สำหรับการเจริญเติบโตและการกินดีอยู่ดีของสมาชิกทุกคนโดยเฉพาะเด็กควรได้รับการคุ้มครองและการช่วยเหลือที่จำเป็น เพื่อที่จะสามารถมีความรับผิดชอบในชุมชนของตนได้เต็มที่”
• “ยอมรับว่า เพื่อให้พัฒนาบุคลิกภาพได้อย่างกลมกลืนและเต็มที่ เด็กควรจะเติบโตในสิ่งแวดล้อมของครอบครัว ..” (ย่อหน้าที่ 6) และ
• “คำนึงถึงว่า ตามที่ได้ระบุในปฏิญญาว่าด้วยสิทธิเด็กนั้น เด็กโดยเหตุที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ทั้งทางร่างกายและจิตใจ จึงต้องการการพิทักษ์และดูแลเป็นพิเศษ รวมถึงต้องการการคุ้มครองทางกฎหมายที่เหมาะสมทั้งก่อนและหลังการเกิด” (ย่อหน้า 9)
ผู้ปกครอง (พ่อแม่) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินการต่างๆต่อเด็ก (อายุต่ำกว่า 18 ปี) ไม่ใช่ให้ใครก็ได้มาเป็นผู้ปกครองแทน ซึ่งตามกฎหมายผู้ปกครอง คือ พ่อแม่ หากพ่อแม่ไม่มีความสามารถ หรือเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หรือกรณีที่เด็กไม่มีพ่อแม่ รัฐมีหน้าที่ต้องให้ความคุ้มครองต่อเด็ก
ในส่วนการศึกษา เด็กมีสิทธิปฏิเสธระบบการศึกษาของรัฐ โดยผู้ปกครองสามารถจัดการศึกษาตามความต้องการและเหมาะสมกับเด็กได้ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาทางเลือก เช่น home school รวมถึงการศึกษาในรูปแบบเรียนรู้อื่นๆ ที่เด็กๆหลายคนมีความสุขและประสบความสำเร็จกับการศึกษาที่เหมาะสมกับตัวเอง …
กรณีของหยกผู้ปกครอง (แม่) ควรออกมาการปกป้องสิทธิเด็ก และดำเนินการต่างๆเพื่อ #ประโยชน์สูงสุดของเด็ก (best interest of the child) #เครื่องแบบนักเรียน ไม่ใช่ปัญหา
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid0QRCLj7PZS7nzHrn8WqGxTx7KZC6LgRYDfNyqa1agzRGDeRUm9xWe4WpP4ATgpvqYl
JJNY : เศรษฐา แนะจับมือการค้า ‘อินเดีย’มากขึ้น│จาตุรนต์แจงถูกพาดพิง│อังคณา ยก ‘อนุสัญญาสิทธิเด็ก’│หนุ่มสาวจีนว่างงานมาก
https://www.matichon.co.th/economy/news_4030175
เศรษฐา ชี้ไทยจับมือการค้ากับอินเดียน้อย แนะรบ.ใหม่สานสัมพันธ์เพิ่มโอกาส คานอำนาจศก. ลดพึ่งพาจีน-สหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน สืบเนื่องจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ @TonsTweetings ได้ทวีตข้อความระบุว่า
“ทุกอย่างที่จีนทำได้ อินเดียทำได้ จีนเป็นโรงงานผลิตสินค้าให้กับโลกได้ อินเดียทำได้ แต่สิ่งที่อินเดียทำได้ จีนทำไม่ได้ คือการเป็น back office ให้กับทั้งโลกได้ เพราะคนอินเดียมีความสามารถทางด้านภาษามากกว่าจีน”
กับเรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการทำการค้าระหว่างไทย-อินเดียว ด้วยว่า
“ถ้าพูดถึงโอกาสแล้ว ประเทศเรายังทำการค้ากับอินเดียได้น้อยกว่าที่ควรเป็น ในอนาคตรัฐบาลใหม่น่าจะต้องประสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับอินเดีย เพื่อการแลกเปลี่ยนทางการค้าที่ดีกว่าปัจจุบัน และเป็นการคานอำนาจทางเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องพึ่ง จีนและสหรัฐฯ มากเท่าที่เป็นอยู่”
https://twitter.com/Thavisin/status/1669156528459505664
จาตุรนต์ แจงถูกพาดพิง ถอดวิชาปวศ.พ้นบทเรียน ลั่นสมัยนั่งรมว.ศึกษา ไม่เคยปรับหลักสูตร
https://www.matichon.co.th/politics/news_4030203
จาตุรนต์ แจงเฟคนิวส์ ถอดวิชาประวัติศาสตร์พ้นบทเรียน ลั่นสมัยนั่งรมว.ศึกษา ไม่เคยปรับหลักสูตร โอดเป็นได้ไม่ทันไรก็ถูกยุบสภา-รัฐประหาร
สืบเนื่องจากกรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอสอบถาม “เด็ก” รายหนึ่ง ซึ่งถามว่า
“ใครสอนเอ็งว่า 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย” ซึ่งเยาวชนตอบว่า “มาเลเซียเป็นของมาเลเซียอยู่แล้ว เป็นพวกอังกฤษก่อนแรกๆ” แล้วคนอัดคลิปได้ตอบกลับไปว่า” เขาไม่รู้หรอว่า มาเลเซียเคยเป็นของไทย แล้วอังกฤษมาตีแย่งไป”
ก่อนจะระบุเป็นตัวอักษรในคลิปว่า
“มาฟังเสียงจากเด็ก 3 จังหวัดแท้ๆ กันครับ ข้อเสียของการที่วิชาประวัติศาสตร์เข้าไม่ถึง ไม่ว่าเขาจะสอนเอ็งมายังไงก็แล้วแต่ แต่ให้จำไว้ว่าเราล้วนเป็นคนไทยแท้ๆ โดยภาคภูมิ”
ส่งผลให้ในโลกออนไลน์มีผู้มาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความสำคัญของการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในวงกว้าง
กระทั่งมีคอมเมนต์หนึ่ง ระบุว่า “สมัยโทนี่ล่ะที่เอาวิชาประวัติศาสตร์ออกจากการเรียนการสอน โอ้โห เด็กทุกวันนี้เลยรู้แค่งูๆปลาๆ สมควรที่จะเอากลับมาเรียนเต็มชั่วโมงได้แล้ว ไม่ใช่เอาไปแฝงรวมกับวิชาอื่น เรื่องนี้เคยเข้าชื่อตอนเอาวิชานี้ออกไปใหม่ๆ แต่เงียบ สมัยจาตุรนต์เป็นรัฐมนตรีเลยค่ะ”
ทำเอา นายจาตุรนต์ ฉายแสง นักเศรษฐศาสตร์และนักการเมืองชาวไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, อดีตรองนายกรัฐมนตรี, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรักษาการ หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาชี้แจงทันทีว่า
“ข้อความนี้ไม่จริง เพราะไม่เคยมีรัฐบาลไหนยกเลิกการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนยกเลิกการสอนวิชาประวัติศาสตร์ ส่วน ผมเป็นรมว.ศึกษา 2 ครั้ง ไม่ได้ปรับหลักสูตรเลย เป็นได้ไม่ทันไรก็ยุบสภา แล้วก็ตามด้วยรัฐประหารทั้งสองครั้ง นี่คือความจริง #วิชาประวัติศาสตร์” และว่า
“ส่วนที่ชอบพูดกันว่าเด็กสมัยนี้ไม่มีความรู้ ไม่รู้จริงเพราะไม่เรียนวิชาประวัติศาสตร์ ก็ไม่จริง เด็กสมัยนี้มีความรู้มากกว่าเด็กสมัยก่อนและมากกว่าผู้ใหญ่ปัจจุบันหลายๆคนด้วยซ้ำ ส่วนเด็กที่เป็นนักกิจกรรมหลายๆคนมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ดีมาก ดีกว่าผู้ใหญ่ที่ไปตำหนิเด็กเยอะเลย #วิชาประวัติศาสตร์”
https://twitter.com/chaturon/status/1669199302747635712/history
https://twitter.com/chaturon/status/1669207192308944896/history
อังคณา ยก ‘อนุสัญญาสิทธิเด็ก’ ชี้เคสหยก ‘ผู้ปกครอง’ สำคัญ ควรออกมาปกป้อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4030110
อังคณา ชี้เคสหยก เครื่องแบบไม่ใช่ประเด็น ยก ‘อนุสัญญาสิทธิเด็ก’ ย้ำ ‘ผู้ปกครอง’ สำคัญ ควรออกมาปกป้องประโยชน์สูงสุดของเด็ก
จากกรณี น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี โพสต์ข้อความช่วงกลางดึกว่า ถูกไล่ออกจากโรงเรียน พร้อมเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้รับแจ้งว่า จากนี้ไปตนคือบุคคลภายนอก กระทั่งทางโรงเรียน ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า “แต่นักเรียนไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบ จึงไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในปีการศึกษา 2566” ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า
โพสต์นี้อาจไม่ถูกใจบางคน แต่ก็อยากจะพูดในฐานะคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนที่ต้องยืนยันหลักการ ตาม #แถลงการณ์ของโรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2566 แสดงเหตุผลของโรงเรียนต่อกรณีสภาพการเป็นนักเรียนของหยก คือ การรายงานตัวที่ต้องมีผู้ปกครอง (ตามกฎหมาย) มาร่วมในการรายงานตัวเด็กที่โรงเรียนภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2566 แถลงการณ์ระบุว่า
“… แต่นักเรียนไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบ จึงไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในปีการศึกษา 2566”
หากดูใน live ที่หยกติดต่อกับผู้ปกครอง ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ใครคือผู้ปกครอง ทั้งนี้ ในส่วนของ “ผู้เยาว์ – minor” ตามกฎหมายไทย และกฎหมายระหว่างประเทศให้ความสำคัญกับ #ผู้ปกครอง มาก ในอารัมภบทของ #อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ขององค์การสหประชาชาติ (Convention on the Rights of the Child- #CRC) ย่อหน้าที่ 5 ระบุว่า
• “เชื่อว่า ครอบครัวในฐานะเป็นกลุ่มพ้นฐานของสังคมและเป็นสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ สำหรับการเจริญเติบโตและการกินดีอยู่ดีของสมาชิกทุกคนโดยเฉพาะเด็กควรได้รับการคุ้มครองและการช่วยเหลือที่จำเป็น เพื่อที่จะสามารถมีความรับผิดชอบในชุมชนของตนได้เต็มที่”
• “ยอมรับว่า เพื่อให้พัฒนาบุคลิกภาพได้อย่างกลมกลืนและเต็มที่ เด็กควรจะเติบโตในสิ่งแวดล้อมของครอบครัว ..” (ย่อหน้าที่ 6) และ
• “คำนึงถึงว่า ตามที่ได้ระบุในปฏิญญาว่าด้วยสิทธิเด็กนั้น เด็กโดยเหตุที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ทั้งทางร่างกายและจิตใจ จึงต้องการการพิทักษ์และดูแลเป็นพิเศษ รวมถึงต้องการการคุ้มครองทางกฎหมายที่เหมาะสมทั้งก่อนและหลังการเกิด” (ย่อหน้า 9)
ผู้ปกครอง (พ่อแม่) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินการต่างๆต่อเด็ก (อายุต่ำกว่า 18 ปี) ไม่ใช่ให้ใครก็ได้มาเป็นผู้ปกครองแทน ซึ่งตามกฎหมายผู้ปกครอง คือ พ่อแม่ หากพ่อแม่ไม่มีความสามารถ หรือเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หรือกรณีที่เด็กไม่มีพ่อแม่ รัฐมีหน้าที่ต้องให้ความคุ้มครองต่อเด็ก
ในส่วนการศึกษา เด็กมีสิทธิปฏิเสธระบบการศึกษาของรัฐ โดยผู้ปกครองสามารถจัดการศึกษาตามความต้องการและเหมาะสมกับเด็กได้ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาทางเลือก เช่น home school รวมถึงการศึกษาในรูปแบบเรียนรู้อื่นๆ ที่เด็กๆหลายคนมีความสุขและประสบความสำเร็จกับการศึกษาที่เหมาะสมกับตัวเอง …
กรณีของหยกผู้ปกครอง (แม่) ควรออกมาการปกป้องสิทธิเด็ก และดำเนินการต่างๆเพื่อ #ประโยชน์สูงสุดของเด็ก (best interest of the child) #เครื่องแบบนักเรียน ไม่ใช่ปัญหา
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid0QRCLj7PZS7nzHrn8WqGxTx7KZC6LgRYDfNyqa1agzRGDeRUm9xWe4WpP4ATgpvqYl