ทำไมพิธาจึงไม่มีสิทธิได้รับการตีความตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเหมือนอย่างอดีต รมต. ค้าแป้ง ครับ

กรณีอดีต รมต. ค้าแป้ง  กรณีมีประเด็นต้องตีความว่า อดีต รมต. ค้าแป้ง เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกหรือไม่  ถ้าเคย  ก็จะหลุดจากตำแหน่ง รมต. ทันที

รัฐธรรมนูญ มาตรา 162  บัญญัติไว้ว่า รัฐมนตรีต้อง 
(7) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

รัฐธรรมนูญเขียนไว้เท่านี้เอง  ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีนี้ตามลายลักษณ์อักษร  ตรงไปตรงมา  รมต. ค้าแป้ง ก็จะต้องถือว่า มีคุณสมบัติต้องห้ามทันที และต้องหลุดจากตำแหน่ง รมต. ในขณะนั้นทันที

ในคดีหุ้นไอทีวีของพิธา  ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายโดยตัดสินตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเหมือนอย่างที่ศาลฎีกาตัดสินไว้ในคดีของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์  ว่าการถือหุ้น จะต้องถือในลักษณะที่สามารถครอบงำ ควบคุมหรือบงการสื่อได้เหมือนอย่างเจ้าของ   

ถ้าเป็นอย่างนี้  ต่อให้ไอทีวีถือเป็นสื่อ (ตามที่มีความพยายามจะปลุกผีไอทีวีให้คืนชีพกลับมาเป็นสื่อให้ได้)  พิธาก็จะไม่มีความผิดเลย เพราะถือหุ้นในจำนวนน้อยเพียง 42,000 หุ้นจากจำนวนทั้งหมด 800 ล้านกว่าหุ้น ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะบงการสื่อได้

โดยหลักการ  ควรจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญมากกว่าที่จะต้องตัดสินคดีตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ  แต่นี่กลายเป็นว่า กลายเป็นศาลฎีกาที่ยึดถือเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมากกว่า ศาลรัฐธรรมนูญเอง

แต่ทำไมในคดีของ อดีต รมต.ค้าแป้ง  ศาลรัฐธรรมนูญ กลับสามารถตัดสินคดีตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญได้

หรือว่า ส.ส. ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่มีสิทธิที่จะได้รับสิทธิในการตีความตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเหมือนอย่าง ส.ส. ของรัฐบาลเผด็จการ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่