ภรรยาขอลดสถานะเป็นแค่เพื่อน

ผมกับภรรยาแต่งงานมาประมาณ 15 ปี ปัจจุบันมีลูกด้วยกัน 2 คน คนโต 15 ปี คนเล็ก 9 ขวบ ปกติผมเป็นคนเงียบๆ ตอนเช้าออกไปทำงาน ตอนเย็นกลับบ้าน ไม่เคยออกไปเที่ยวกลางคืน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เมื่อวานภรรยาบอกว่าขอลดสถานะเป็นแค่เพื่อน ให้อยู่แบบพ่อแม่ ไม่ต้องอยู่แบบผัวเมีย ผมก็อึ้งว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถามภรรยา ได้คำตอบว่าเบื่อ ตอนนี้ไม่ได้รักผมแล้ว ผมไม่อบอุ่น ให้ความรักเขาในส่วนที่เขาขาดไม่ได้ ผมก็เลยบอกภรรยาว่า ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แต่งงานกันแล้ว เสมอต้นเสมอปลายเสมอ ภรรยาบอกว่า นั่นแหล่ะตอนนี้เขาเบื่อ ผมให้ความรักในส่วนที่เขาขาดไม่ได้ ไม่คอยดูแลเขา เขาโตมาในครอบครัวที่แม่เอาลูกบุญธรรมมาเลี้ยง แล้วรักลูกบุญธรรมมากกว่าลูกตัวเอง พ่อไม่มีปากเสียงแล้วแต่แม่ทุกอย่าง และผมก็ให้ความรักในส่วนที่เขาขาดไม่ได้ ผมก็เลยคิดว่าสาเหตุมาจากอะไรได้บ้างที่พอจะคิดและสรุปได้

1. เรื่องเซ็กซ์หรือป่าว ผมไม่เก่งเรื่องพวกนี้ จะเสร็จเร็วประมาณ 10-20 นาที แต่ก็จะมีวิธีจัดการกับตนเองเพื่อให้นานขึ้น แต่ภรรยาก็มักจะพูดว่า ถ้าหยุด ก็จะหมดอารมณ์แล้ว ภรรยามักพูดว่าไม่ศรัทธาในตัวผมแล้ว ไม่ได้รักแล้วนะ พูดบ่อยมาหลายเดือนแล้ว แต่ช่วงนั้นผมก็ไม่คิดอะไร ภรรยาบอกว่าไม่อยากมีชีวิตแบบครอบครัว ไม่มีความสุข ไม่อยากไปใหนแบบครับครัว(เรามักจะไปเที่ยวต่างจังหวัด 1 - 3 เดือน ไปเที่ยว 1 ครั้ง) 

2. ลูกดื้อ ตอนนี้ลูกคนโตเข้าวัยรุ่น ดื้อ มักพูดจาไม่เคารพพ่อแม่ พูดกับพ่อแม่เหมือนพูดกับเพื่อน บางครั้งพูดก้าวร้าวก็มี สอนทุกครั้งที่เขาพูดไม่ดี แต่ก็เหมือนลูกจะไม่ได้เอาคำพูดพ่อแม่ไปใส่ใจ เพราะครั้งต่อมาก็เป็นเหมือนเดิม ลูกคนโตมักหาเรื่องทะเลาะกับน้องบ่อยด้วยครับ

3.การเอาใจใส่ครอบครัว ปกติผมเป็นคนทำอาหารเอง เพราะภรรยาทำอาหารไม่เป็น ผมจะตื่นตี 5 ทำอาหาร ให้ลูกทาน เตรียมออกไปใส่บาตรทุกวัน แล้วส่งลูกไปโรงเรียน ห่อข้าวให้ภรรยาไปกินที่ทำงาน ผมทำงาน wfh อยู่บ้าน ผมจะแสดงออกเรื่องความรักกับลูกมากกว่าแสดงออกกับภรรยา แต่ก็ช่วยงานบ้านบ้าง ถ้ารู้สึกว่าสกปกแบบที่เราทนไม่ไหว แต่เรื่องการดูแลลูก ผมไม่ค่อยดูแลเท่าไร เช่นแต่งตัวหรือเป็นธุระก่อนลูกไปโรงเรียน หรือบังคับให้ลูกขึ้นนอนเพราะดึกแล้ว แต่ก็ช่วยบ้างตามสมควร ภรรยามักช่วยเหลือลูกคนเล็กเกือบทุกอย่าง เช่นอาบน้ำ แต่งตัว ตักข่าว ป้อนข้าวบ้าง บางครั้งที่ภรรยาไม่ได้ดั่งใจเมื่องานของลูกเยอะเข้า ก็จะด่าผม ว่างานเขาเยอะทำไม่ทัน ผมไม่ช่วยเลย ผมก็บอกว่างานของลูกควรให้ลูกทำเองบ้างนะ จะได้ไม่โหลดงานแม่

4. เรื่องปัญหาการเงิน ก็ไม่น่าใช่เพราะการเงินก็พอใช้จ่ายในครอบครัว ปีนี้ผ่อนบ้านหมดแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถึงแม้เป็นพนักงานบริษัท แต่ก็เพียงพอใช้จ่ายในทุกเดือน(อาจมีไม่พอบ้าง แต่ก็จะยืมเงินภรรยา แล้วคืนเขาภายหลัง) ผมกับภรรยาใช้เงินคนละประเป๋ากัน แต่ผมก็ให้เงินภรรยาทั้งหมด แล้วเบิกเอามาจ่าค่ายกับข้าวเป็นรายสัปดาห์ ส่วนตัวผมไม่ค่อยได้จ่ายอะไร 

เพิ่มเติมครับ ผมให้ภรรยาออกไปทำงานนอกบ้าน เป็นพนักงานบริษัท มาประมาณ 3 ปีได้ครับ ก่อนหน้านั้น ภรรยาเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ขายของเล็กๆน้อยๆที่บ้าน แต่ภรรยาผมก็ไม่ค่อยเต็มใจออกไปทำงานเท่าไร(ผมให้เหตุผลว่า เผื่อวันนึงผมตายไป อย่างน้อยจะได้มีรายได้บ้าง เพราะถ้าอายุมากขึ้นจะหางานยาก)

ผมไม่รู้จะปรึกษาใคร เหมือนถูกสะกด สงสารลูกที่ต้องเจออะไรแบบนี้ครับ ขอบคุณครับ
--------
เพิ่มเติมครับ ตัวผมเอง ไม่ใช่ว่าไม่เคยสนใจภรรยาเลย ก่อนที่จะให้ภรรยาเป็นคนบริหารจัดการเงินเดือนของผม เมื่อถึงเทศการเช่น วันเกิดเขา ตรุษจีน ผมจะมีของขวัญให้เขาเกือบทุกครั้ง น้อยบ้าง มากบ้าง เป็นเงินสด 2000 - 7000 ตามกำลังที่พอให้ได้ แล้วเหลือมีค่าใช้จ่ายในบ้าน เป็นทองคำบ้าง 1 สลึง 2 สลึง การกิน ภรรยาชอบอาหารแบบใหน เช่นอาหารทะเล ผมก็ทำให้ หรือซื้อให้เกือบทุกครั้ง เพราะเขาไม่ชอบกินหมู ไม่ชอบกินไก่ ดังนั้นผมจะทำหรือซื้ออาหารที่เขากินเท่านั้น ผลไม้ผมก็จะหั่น ปอก ใส่ตู้เย็น แช่ไว้ให้ภรรยาและลูก
แต่ 3 ปีที่ผ่านมา ผมให้ภรรยาจัดการเรื่องเงินของผม ทำให้ผมไม่มีเงินเก็บที่จะไปซื้อสิ่งเหล่านั้นให้เขา หรือมีเงินสดให้เขาตอนเทศการต่างๆ เพราะเขาถือเงินของผมอยู่ ในส่วนที่ผมคิดว่าผมไม่ค่อยถามภรรยาจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องการถามว่า สบายดีมั้ย ปวดหัว ตัวร้อนหรือป่าว อันนี้ผมยอมรับว่าไม่ค่อยได้ถามจริงๆครับ