กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจัดการประกวด-มอบถ้วยพระราชทาน “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม”
เพื่อปลุกกระแสการอนุรักษ์สืบสาน และสร้างมูลค่าเพิ่ม
ให้กับศิลปะการแสดงท้องถิ่นภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานมอบรางวัลการประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พุทธศักราช 2566 “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” (ภาคเหนือ) เปิดเผยว่า การจัดประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้านฯ เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ทรงเป็นวิศิษฏศิลปิน และเพื่ออนุรักษ์ ส่งเสริม เผยแพร่ดนตรีและการแสดงพื้นบ้านให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และเกิดกระแสอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้แสดงความสามารถ รวมถึงยกระดับขีดความสามารถของดนตรี พัฒนาเทคนิคทางการแสดง ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณฯ พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศ ในการประกวดของแต่ละปีอย่างต่อเนื่อง
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ตระหนักในคุณค่าของศิลปะการแสดงพื้นบ้านซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าการแสดงพื้นบ้านถูกรุกโดยสื่อเทคโนโลยีอันหลากหลาย จึงทำให้คนรุ่นใหม่ละเลยหรือลดความสนใจในการแสดงเหล่านี้ แต่หากได้มีการพัฒนาฟื้นฟู และปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุคสมัยก็จะสามารถสร้างความนิยมและรายได้ให้แก่คณะนักแสดงได้อีกครั้ง ด้วยการแสดงพื้นบ้านแต่ละอย่างล้วนมีเสน่ห์และอัตลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ที่สำคัญการแสดงพื้นบ้านแต่ละประเภทจะเป็นเสมือนตัวแทนทางวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น นับได้ว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงมรดกภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่ได้สั่งสมมาเป็นเวลายาวนาน ทั้งนี้ การพัฒนาจะต้องไม่ละเลยและทอดทิ้งซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิมของการแสดงพื้นบ้านแต่ละท้องถิ่น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคณะนักแสดงและศิลปินทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วย
อธิบดี สวธ. กล่าวต่อว่า การประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” ได้จัดการประกวดครบทั้งหมด 4 ภาค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ภาคกลาง ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดร้อยเอ็ด ภาคใต้ จังหวัดสงขลา สำหรับที่จังหวัดเชียงใหม่นี้ถือเป็นภาคสุดท้ายของการประกวดในปีนี้ โดย สวธ.มีนโยบายส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้านในภูมิภาคต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้นับเป็นปีที่ 15 และยังคงมีต่อไปในปีหน้า เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่มีใจรัก ในการอนุรักษ์ สืบสานศิลปะการแสดงพื้นบ้านของตนเองในภูมิภาคต่าๆ ได้มีเวทีในการแสดงความสามารถต่อไป
อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในการประกวด “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม”
สำหรับคณะที่ได้รับรางวัลการประกวดรวมศิลป์ แผ่นดินสยาม พื้นบ้านภาคเหนือ มีดังนี้
รางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยพระราชทานฯ และเงินรางวัล ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่
คณะเอื้องคำหลวง จังหวัดเชียงใหม่
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๑ ได้รับถ้วยรางวัลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล ๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่
คณะช้างเผือกสามัคคี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๒ ได้รับถ้วยรางวัลปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่
คณะร่มบัวสวรรค์ จังหวัดปทุมธานี
รางวัลชมเชย ได้รับเงินรางวัลละ ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร จำนวน ๒ รางวัล ได้แก่
๑.
คณะคุ้มขันโตก จังหวัดเชียงใหม่
๒.
คณะกาสะลองเงิน จังหวัดเชียงใหม่
การแสดงของคณะเอื้องคำหลวง จังหวัดเชียงใหม่ (ชนะเลิศ)
การแสดงของคณะช้างเผือกสามัคคี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ (รองชนะเลิศ อันดับ 1)
การแสดงของคณะร่มบัวสวรรค์ จังหวัดปทุมธานี (รองชนะเลิศ อันดับ 2)
#รวมศิลป์แผ่นดินสยาม
การประกวด-มอบถ้วยพระราชทาน “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” ศิลปะการแสดงท้องถิ่นภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่
อธิบดี สวธ. กล่าวต่อว่า การประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน “รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” ได้จัดการประกวดครบทั้งหมด 4 ภาค เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ภาคกลาง ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดร้อยเอ็ด ภาคใต้ จังหวัดสงขลา สำหรับที่จังหวัดเชียงใหม่นี้ถือเป็นภาคสุดท้ายของการประกวดในปีนี้ โดย สวธ.มีนโยบายส่งเสริมศิลปะการแสดงพื้นบ้านในภูมิภาคต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้นับเป็นปีที่ 15 และยังคงมีต่อไปในปีหน้า เพื่อให้เด็กและเยาวชนที่มีใจรัก ในการอนุรักษ์ สืบสานศิลปะการแสดงพื้นบ้านของตนเองในภูมิภาคต่าๆ ได้มีเวทีในการแสดงความสามารถต่อไป
รางวัลชนะเลิศ ได้รับถ้วยพระราชทานฯ และเงินรางวัล ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะเอื้องคำหลวง จังหวัดเชียงใหม่
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๑ ได้รับถ้วยรางวัลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล ๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะช้างเผือกสามัคคี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๒ ได้รับถ้วยรางวัลปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ คณะร่มบัวสวรรค์ จังหวัดปทุมธานี
รางวัลชมเชย ได้รับเงินรางวัลละ ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร จำนวน ๒ รางวัล ได้แก่
๑. คณะคุ้มขันโตก จังหวัดเชียงใหม่
๒. คณะกาสะลองเงิน จังหวัดเชียงใหม่