ห่างหายไปนานแบบนานมาก วันนี้ขอกลับมาเล่าแบบสั้น ๆ สำหรับความรู้สึกที่สัมผัสได้เกี่ยวกับสิ่งที่เราเคารพบูชา
ณ ปัจจุบันตัวเราเองอาศัยอยู่ต่างประเทศได้ 3 ปีแล้ว ซึ่งก่อนจะเดินทางมาก็ได้ไปกราบไหว้ขอพรเกี่ยวกับการเดินทางให้ปลอดภัยกับพระแม่กวนอิม
เดิมทีนับถือสวดมนต์อย่างเดียวไม่เคยไปไหว้ตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี เลยปักหมุดสถานที่ที่ใกล้กรุงเทพที่สุดก็คือ เขาสามมุข
จ.ชลบุรี ตีตั๋วนอนค้างหนึ่งคืนกับแม่ที่โรงแรมในตัวเมืองเผื่อเที่ยวทะเลต่อ
เช้าออกเดินทางจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่ จ.ชลบุรี แล้วตามป้ายขึ้นเขาไปเขาสามมุข แต่ด้วยความที่ไม่เคยมา รู้สึกว่าขับรถวนขึ่นลงเขาอยู่แบบนั้นหลายรอบมากจนได้จอดข้างทางแล้วลิงก็มากระโดดเกาะที่รถเป็นฝูง เราเลยรู้สึกท้อใจแลัวตัดสินใจขับกลับลงมา แม่ก็บอกว่าไหน ๆ ก็มาถึงแล้วทำไมไม่วนหาให้เจอ แต่เรารู้สึกเหนื่อยมากและคิดว่าไม่เป็นไรหรอกระลึกถึงอย่างเดียวก็พอแล้วล่ะ จากนั้นจึงขับรถลงเขาแล้วไปเที่ยวต่อจนกระทั่งกลับเข้าโรงแรม
เช้าตรู่ของอีกวันก่อนที่เราจะตื่น (เอ๊ะ งงไหม) คือเรารู้สึกตัวตอนเช้าว่ามีคนมาจับแขนเราแล้วดึงกระตุกเบา ๆ แบบปลุกให้ตื่นไม่ได้ดึงแรง
พอเราลืมตาก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงกำลังดึงแขนเราอยู่แล้วบอกว่าให้รีบตื่นแต่เช้าแล้วกลับไปหาเราอีกรอบนะ แล้วภาพที่อยู่ตรงหน้าก็หายไป
แต่แขนเรายังลอยขึ้นค้างไว้เหมือนมีคนมาจับไว้ เราเลยเด้งตัวรีบลุกขึ้นแล้วอาบน้ำแต่งตัวบอกแม่ว่ากลับไปเขาสามมุขอีกรอบเถอะแม่
ไหน ๆ ก็มาอยู่ใกล้ขนาดนี้แล้วก็ต้องทำให้สำเร็จหน่อยนะ จากนั้นพวกเราก็ขับรถกลับไปเขาสามมุขอีกรอบแล้วในที่สุดก็เจอกับ
ศาลเจ้าแม่เขาสามมุข ซึ่งก็งงกับตัวเองเหมือนกันว่าเมื่อวานก็ขับมาเส้นทางนี้แต่หาไม่เจอ แต่อาจจะไม่ชินเส้นทางเลยทำให้เลี้ยวผิดเลี้ยวถูก
เมื่อมาถึงสถานที่แล้วก็ทำการสักการะบูชาเจ้าแม่เขาสามมุขและพระแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตามตั้งใจรวมถึงได้ทำโรงทานด้วย
เรื่องนี้จะจบลงแค่ตรงนี้ ถ้าไม่มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นอีกสี่เดือนตามมา
หลังจากนั้นสี่เดือนเราได้เดินทางมาเรียนที่ต่างประเทศ โดยในคืนแรกของการเข้าพักในห้องพักนั้น เราได้นอนรวมกับรูมเมทต่างชาติคนหนึ่ง
ซึ่งในห้องนอนมี 2 เตียง นอนแยกกันคนละมุมแล้วปลายเท้าชนกัน ก่อนนอนเราได้ตั้งจิตสวดมนต์ระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพ พระแม่กวนอิม
และน้อง ให้ช่วยปกปักรักษาให้นอนหลับสบายในที่ต่างถิ่นต่างเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ เรารู้สึกว่ามีคนมาจับแขนแล้วดึงเบา ๆ
เราเลยหรี่ตาขึ้นมาดูแต่ก็ลืมตาได้ไม่สุดเพราะมีแสงสีขาวสว่างจ้าเหมือนมีใครกำลังเปิดไฟใส่หน้า แล้วแสงสีขาวก็ค่อย ๆ จางลง
จนเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าว่าเป็นผู้หญิงกำลังจับแขนเราแล้วดึงกระตุกเบา ๆ เหมือนปลุกให้ตื่นแล้วถามเราว่า เป็นยังไงบ้างหลับสบายไหม
พอสิ่นสุดเสียงภาพก็หายวับไปในพริบตาแล้วก็กลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้งเพราะตอนนั้นยังเป็นเวลากลางคืนห้องมืดสนิท เราเลยหยิบโทรศัพท์
แล้วส่องไฟไปยังปลายเท้าก็เห็นรูมเมทกำลังนอนหลับอยุ่ ระหว่างนั้นก็พยายามครุ่นคิดว่าเอ๊ะฝันหรือไม่ฝันทำไมห้องถึงได้สว่างจ้าแล้วอยู่ดี ๆ
ก็มืดสนิททันที ระหว่างนี้ก็ได้แต่ครุ่นคิดแล้วคิดว่าทำไมบังเอิญเป็นผู้หญิงคนเดิม และเอ๊ะ ทำไมมาหาเรา และเอ๊ะ แต่ก็รู้สึกดีนะ
ไม่กลัวไม่ขนลุกแต่รู้สึกปลอดภัยอิ่มเอม พอได้จังหวะรูมเมทขยับตัวเราเลยถามเลยว่า เพิ่งตื่นหรอ
(ตลกไหม... เขาคงงงว่าก็เพิ่งตื่นจะถามทำไมว่าเพิ่งตื่น) จากนั้นเราเลยถามไปว่าเธอได้มาจับแขนเราหรือเปล่า รูมเมทก็ตอบว่าไม่ได้จับ
และเราก็ไม่กล้าถามเขามากไปกว่านี้กลัวเขาจะมองว่าเราเพ้อเจ้อ
สรุปเลยแล้วกันเรื่องนี้ มันเป็นความรู้สึกดีที่ได้ระลึกถึงบางสิ่งแล้วเรารู้สึกว่าเราสัมผัสได้ถึงการตอบรับกลับมาทางอ้อม
ถึงจะไม่มีคำอธิบายว่าเราอาจจะฝันไปหรือผู้หญิงที่เราเห็นเป็นใครแต่เราก็ไม่ได้รู้สึกกลัว
กลับรู้สึกอุ่นใจและอิ่มเอมทุกครั้งที่สัมผัสได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อุ่นใจทุกครั้งที่นึกถึง
ณ ปัจจุบันตัวเราเองอาศัยอยู่ต่างประเทศได้ 3 ปีแล้ว ซึ่งก่อนจะเดินทางมาก็ได้ไปกราบไหว้ขอพรเกี่ยวกับการเดินทางให้ปลอดภัยกับพระแม่กวนอิม
เดิมทีนับถือสวดมนต์อย่างเดียวไม่เคยไปไหว้ตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี เลยปักหมุดสถานที่ที่ใกล้กรุงเทพที่สุดก็คือ เขาสามมุข
จ.ชลบุรี ตีตั๋วนอนค้างหนึ่งคืนกับแม่ที่โรงแรมในตัวเมืองเผื่อเที่ยวทะเลต่อ
เช้าออกเดินทางจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่ จ.ชลบุรี แล้วตามป้ายขึ้นเขาไปเขาสามมุข แต่ด้วยความที่ไม่เคยมา รู้สึกว่าขับรถวนขึ่นลงเขาอยู่แบบนั้นหลายรอบมากจนได้จอดข้างทางแล้วลิงก็มากระโดดเกาะที่รถเป็นฝูง เราเลยรู้สึกท้อใจแลัวตัดสินใจขับกลับลงมา แม่ก็บอกว่าไหน ๆ ก็มาถึงแล้วทำไมไม่วนหาให้เจอ แต่เรารู้สึกเหนื่อยมากและคิดว่าไม่เป็นไรหรอกระลึกถึงอย่างเดียวก็พอแล้วล่ะ จากนั้นจึงขับรถลงเขาแล้วไปเที่ยวต่อจนกระทั่งกลับเข้าโรงแรม
เช้าตรู่ของอีกวันก่อนที่เราจะตื่น (เอ๊ะ งงไหม) คือเรารู้สึกตัวตอนเช้าว่ามีคนมาจับแขนเราแล้วดึงกระตุกเบา ๆ แบบปลุกให้ตื่นไม่ได้ดึงแรง
พอเราลืมตาก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงกำลังดึงแขนเราอยู่แล้วบอกว่าให้รีบตื่นแต่เช้าแล้วกลับไปหาเราอีกรอบนะ แล้วภาพที่อยู่ตรงหน้าก็หายไป
แต่แขนเรายังลอยขึ้นค้างไว้เหมือนมีคนมาจับไว้ เราเลยเด้งตัวรีบลุกขึ้นแล้วอาบน้ำแต่งตัวบอกแม่ว่ากลับไปเขาสามมุขอีกรอบเถอะแม่
ไหน ๆ ก็มาอยู่ใกล้ขนาดนี้แล้วก็ต้องทำให้สำเร็จหน่อยนะ จากนั้นพวกเราก็ขับรถกลับไปเขาสามมุขอีกรอบแล้วในที่สุดก็เจอกับ
ศาลเจ้าแม่เขาสามมุข ซึ่งก็งงกับตัวเองเหมือนกันว่าเมื่อวานก็ขับมาเส้นทางนี้แต่หาไม่เจอ แต่อาจจะไม่ชินเส้นทางเลยทำให้เลี้ยวผิดเลี้ยวถูก
เมื่อมาถึงสถานที่แล้วก็ทำการสักการะบูชาเจ้าแม่เขาสามมุขและพระแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตามตั้งใจรวมถึงได้ทำโรงทานด้วย
เรื่องนี้จะจบลงแค่ตรงนี้ ถ้าไม่มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นอีกสี่เดือนตามมา
หลังจากนั้นสี่เดือนเราได้เดินทางมาเรียนที่ต่างประเทศ โดยในคืนแรกของการเข้าพักในห้องพักนั้น เราได้นอนรวมกับรูมเมทต่างชาติคนหนึ่ง
ซึ่งในห้องนอนมี 2 เตียง นอนแยกกันคนละมุมแล้วปลายเท้าชนกัน ก่อนนอนเราได้ตั้งจิตสวดมนต์ระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพ พระแม่กวนอิม
และน้อง ให้ช่วยปกปักรักษาให้นอนหลับสบายในที่ต่างถิ่นต่างเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ เรารู้สึกว่ามีคนมาจับแขนแล้วดึงเบา ๆ
เราเลยหรี่ตาขึ้นมาดูแต่ก็ลืมตาได้ไม่สุดเพราะมีแสงสีขาวสว่างจ้าเหมือนมีใครกำลังเปิดไฟใส่หน้า แล้วแสงสีขาวก็ค่อย ๆ จางลง
จนเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าว่าเป็นผู้หญิงกำลังจับแขนเราแล้วดึงกระตุกเบา ๆ เหมือนปลุกให้ตื่นแล้วถามเราว่า เป็นยังไงบ้างหลับสบายไหม
พอสิ่นสุดเสียงภาพก็หายวับไปในพริบตาแล้วก็กลับเข้าสู่ความมืดอีกครั้งเพราะตอนนั้นยังเป็นเวลากลางคืนห้องมืดสนิท เราเลยหยิบโทรศัพท์
แล้วส่องไฟไปยังปลายเท้าก็เห็นรูมเมทกำลังนอนหลับอยุ่ ระหว่างนั้นก็พยายามครุ่นคิดว่าเอ๊ะฝันหรือไม่ฝันทำไมห้องถึงได้สว่างจ้าแล้วอยู่ดี ๆ
ก็มืดสนิททันที ระหว่างนี้ก็ได้แต่ครุ่นคิดแล้วคิดว่าทำไมบังเอิญเป็นผู้หญิงคนเดิม และเอ๊ะ ทำไมมาหาเรา และเอ๊ะ แต่ก็รู้สึกดีนะ
ไม่กลัวไม่ขนลุกแต่รู้สึกปลอดภัยอิ่มเอม พอได้จังหวะรูมเมทขยับตัวเราเลยถามเลยว่า เพิ่งตื่นหรอ
(ตลกไหม... เขาคงงงว่าก็เพิ่งตื่นจะถามทำไมว่าเพิ่งตื่น) จากนั้นเราเลยถามไปว่าเธอได้มาจับแขนเราหรือเปล่า รูมเมทก็ตอบว่าไม่ได้จับ
และเราก็ไม่กล้าถามเขามากไปกว่านี้กลัวเขาจะมองว่าเราเพ้อเจ้อ
สรุปเลยแล้วกันเรื่องนี้ มันเป็นความรู้สึกดีที่ได้ระลึกถึงบางสิ่งแล้วเรารู้สึกว่าเราสัมผัสได้ถึงการตอบรับกลับมาทางอ้อม
ถึงจะไม่มีคำอธิบายว่าเราอาจจะฝันไปหรือผู้หญิงที่เราเห็นเป็นใครแต่เราก็ไม่ได้รู้สึกกลัว
กลับรู้สึกอุ่นใจและอิ่มเอมทุกครั้งที่สัมผัสได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง