
“CP” ให้โอกาสเด็กไทย “THEBLACKSEA” ประกาศความสำเร็จ!!
“เป้าหมายของเรา คือ ส่งออก Soft Power ของไทยสู่เวทีโลก และต้องการปั้นลิซ่า(Blackpink) คนที่ 2 ให้ได้ โดยความยากไม่ใช่เรื่องการฝึกร้องหรือฝึกเต้นให้เก่ง แต่อยู่ที่การสร้างและปลูกฝัง mindset ให้เขา (คนรุ่นใหม่) กล้าล่าฝัน และชินกับความผิดหวัง ซึ่งมันยากมากว่า เราจะทำได้อย่างไร เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมองแค่เรื่องความสำเร็จที่เห็น ไม่ค่อยมองว่า กว่าจะมาถึงจุดนั้นได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง”
.
‘พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา’ Chief Content Strategy ,Investment and Partnership Officer เครือซีพี เล่าถึงความท้าทายในการบรรลุภารกิจสำคัญของ THE BLACKSEA บริษัทที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง ‘เครือซีพี’ กับ THE BLACK LABEL ของ Teddy Park โปรดิวเซอร์คนดังและผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินระดับโลกหลายต่อหลายคน
.
กว่าจะเกิดเป็น THE BLACKSEA ทางเครือซีพีใช้เวลาเจรจากับ Teddy Park นานเกือบปี เพราะเขาเป็นคนที่เนื้อหอมมาก ใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วย อันเนื่องจาก Teddy Park เป็นคนที่ Cross Culture และสร้างการพัฒนาศิลปินในทิศทางใหม่
.
เพราะในอดีตที่ผ่านมาผู้บุกเบิก K-Pop ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น ‘ลี ซูมาน’ ผู้ก่อตั้ง SM Entertainment หรือ ‘ยาง ฮยอนซอก’ ผู้ก่อตั้ง YG Entertainment ฯลฯ จะเป็นคนที่เกิดและเติบโตในเกาหลี การพัฒนาศิลปินจะเริ่มจากการตอบโจทย์ตลาดในประเทศก่อน แล้วค่อยขยายไปต่างประเทศทีหลัง
.
ขณะที่ Teddy Park เกิดในเกาหลีแต่ไปเติบโตในสหรัฐอเมริกา ทำให้เขามีมุมมองในการพัฒนาศิลปินในทิศทางใหม่และแตกต่าง โดยจะเน้นส่งออกสู่ระดับโลก หรือจะเรียกว่า เขาเป็นผู้พัฒนา G-Pop ที่ย่อมาจาก Global Pop นั่นเอง
.
“ตอนคุยกับเขา (Teddy Park) เราสะท้อนความจริงใจในเรื่องที่ต้องการสนับสนุนและเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่บนเวทีระดับโลก ไม่ได้คุยเรื่องค้าขายอย่างเดียว เพราะเราเชื่อในพลังของ Soft Power ของไทย ตอนนี้มี J-Pop มี K-Pop มีบอลีวู้ดแล้ว แล้วทำไมจะมี T-Pop Thailand pop ไม่ได้
.
“แต่อย่างที่บอกการบรรลุเป้าหมายและการปั้นลิซ่าคนที่ 2 ก็ยากเหมือนกัน มันสำคัญอยู่ที่จะสร้าง Inspiration ให้คนรุ่นใหม่ของไทยกล้าล่าความฝันให้ไกลได้อย่างไร เพราะจริงๆ ถ้าคุณอยากร้องเพลงเก่ง คุณหาครูฝึกได้ หรือมีเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ร้องดีขึ้น อยากเต้นเก่งก็เข้าคอร์สฝึก แต่ความกล้าล่าฝันเป็นสิ่งต้องปลูกฝังตั้งแต่สร้าง mindset ซึ่งลิซ่าถือเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศในเรื่องนี้ เพียงแต่คนจะสัมผัสได้และเข้าใจหรือเปล่า”
.
สำหรับกิจกรรมแรกอย่างเป็นทางการในนาม THEBLACKSEA นั่นคือ THEBLACKLABEL’S FIRST THAILAND AUDITION (พีรธนบอกเราว่า จะดึง ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ แห่งวง Blackpink เข้ามามีส่วนร่วมด้วย) โดยคนไทยที่ได้รับการคัดเลือกจากกิจกรรมดังกล่าว จะได้เป็นเด็กฝึกหัดในค่าย THEBLACK LABEL ในประเทศเกาหลีใต้ และมีโอกาสเป็นศิลปินระดับโลกต่อไป
.
“ก้าวแรกจะเริ่มที่ไทย แล้วต่อไปจะขยายฐานไปอาเซียน และในอนาคตเราจะได้เห็นกิจกรรมหรือศิลปินของ THEBLACK LABEL อาทิ แทยัง(อดีตสมาชิก Bigbang) และ พัคโบกอม ฯลฯ มาไทยมากขึ้น รวมถึงจะเกิด Business Model ใหม่ๆ ที่เราจะทำร่วมกัน”
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 12 ปีก่อนหน้านี้ ทางเครือซีพีได้มีการร่วมทุนกับ SM Entertainment หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีก่อตั้งบริษัท SM true ขึ้นมาในไทย
.
ทำให้เราเกิดคำถามว่า แล้วเหตุใดถึงต้องร่วมมือกับ THEBLACK LABEL ตั้งบริษัท THEBLACKSEA ขึ้นมาอีก?
.
พีรธนให้คำตอบว่า เพราะเครือซีพีต้องการส่งออก Soft Power ไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมดนตรีมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างทั้งซิกเนเจอร์และไลฟ์สไตล์ ดังนั้นเพื่อให้ตอบโจทย์ใหญ่ที่วางไว้ จำเป็นต้องมีหลายแพลตฟอร์มที่เข้าไปเติมเต็ม
.
มากไปกว่านั้น หากต้องการสร้างจุดเปลี่ยนและผลักดันให้ Soft Power ของไทยเติบโต ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การสร้างและพัฒนาคน แต่ที่ผ่านมาธุรกิจของเครือซีพีในอุตสาหกรรมนี้จะมีเฉพาะปลายน้ำ ยกตัวอย่างเช่น SM true ที่เป็นการนำศิลปินเกาหลีเข้ามาในไทย ไม่ได้มีการนำศิลปินไทยไปเกาหลี
.
ส่วนความร่วมมือกับ THEBLACK LABEL เป็นธุรกิจต้นน้ำ เน้น ‘สร้าง’ เพื่อ ‘ส่งออก’ ซึ่งถือเป็นการสร้าง ecosystem ให้ครบเพื่อสร้างอิมแพ็คในวงกว้าง และในอนาคตจะมีการขยายความร่วมมือใหม่ๆ อีก ขอให้ติดตามดูต่อไป
https://web.facebook.com/photo/?fbid=635112948647744&set=a.633364228822616
THEBLACKSEA เป้าหมายของเรา คือ ส่งออก Soft Power ไทยสู่เวทีโลก และต้องการปั้นลิซ่า(Blackpink) คนที่ 2 ให้ได้
“CP” ให้โอกาสเด็กไทย “THEBLACKSEA” ประกาศความสำเร็จ!!
“เป้าหมายของเรา คือ ส่งออก Soft Power ของไทยสู่เวทีโลก และต้องการปั้นลิซ่า(Blackpink) คนที่ 2 ให้ได้ โดยความยากไม่ใช่เรื่องการฝึกร้องหรือฝึกเต้นให้เก่ง แต่อยู่ที่การสร้างและปลูกฝัง mindset ให้เขา (คนรุ่นใหม่) กล้าล่าฝัน และชินกับความผิดหวัง ซึ่งมันยากมากว่า เราจะทำได้อย่างไร เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมองแค่เรื่องความสำเร็จที่เห็น ไม่ค่อยมองว่า กว่าจะมาถึงจุดนั้นได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง”
.
‘พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา’ Chief Content Strategy ,Investment and Partnership Officer เครือซีพี เล่าถึงความท้าทายในการบรรลุภารกิจสำคัญของ THE BLACKSEA บริษัทที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง ‘เครือซีพี’ กับ THE BLACK LABEL ของ Teddy Park โปรดิวเซอร์คนดังและผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินระดับโลกหลายต่อหลายคน
.
กว่าจะเกิดเป็น THE BLACKSEA ทางเครือซีพีใช้เวลาเจรจากับ Teddy Park นานเกือบปี เพราะเขาเป็นคนที่เนื้อหอมมาก ใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วย อันเนื่องจาก Teddy Park เป็นคนที่ Cross Culture และสร้างการพัฒนาศิลปินในทิศทางใหม่
.
เพราะในอดีตที่ผ่านมาผู้บุกเบิก K-Pop ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น ‘ลี ซูมาน’ ผู้ก่อตั้ง SM Entertainment หรือ ‘ยาง ฮยอนซอก’ ผู้ก่อตั้ง YG Entertainment ฯลฯ จะเป็นคนที่เกิดและเติบโตในเกาหลี การพัฒนาศิลปินจะเริ่มจากการตอบโจทย์ตลาดในประเทศก่อน แล้วค่อยขยายไปต่างประเทศทีหลัง
.
ขณะที่ Teddy Park เกิดในเกาหลีแต่ไปเติบโตในสหรัฐอเมริกา ทำให้เขามีมุมมองในการพัฒนาศิลปินในทิศทางใหม่และแตกต่าง โดยจะเน้นส่งออกสู่ระดับโลก หรือจะเรียกว่า เขาเป็นผู้พัฒนา G-Pop ที่ย่อมาจาก Global Pop นั่นเอง
.
“ตอนคุยกับเขา (Teddy Park) เราสะท้อนความจริงใจในเรื่องที่ต้องการสนับสนุนและเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่บนเวทีระดับโลก ไม่ได้คุยเรื่องค้าขายอย่างเดียว เพราะเราเชื่อในพลังของ Soft Power ของไทย ตอนนี้มี J-Pop มี K-Pop มีบอลีวู้ดแล้ว แล้วทำไมจะมี T-Pop Thailand pop ไม่ได้
.
“แต่อย่างที่บอกการบรรลุเป้าหมายและการปั้นลิซ่าคนที่ 2 ก็ยากเหมือนกัน มันสำคัญอยู่ที่จะสร้าง Inspiration ให้คนรุ่นใหม่ของไทยกล้าล่าความฝันให้ไกลได้อย่างไร เพราะจริงๆ ถ้าคุณอยากร้องเพลงเก่ง คุณหาครูฝึกได้ หรือมีเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ร้องดีขึ้น อยากเต้นเก่งก็เข้าคอร์สฝึก แต่ความกล้าล่าฝันเป็นสิ่งต้องปลูกฝังตั้งแต่สร้าง mindset ซึ่งลิซ่าถือเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศในเรื่องนี้ เพียงแต่คนจะสัมผัสได้และเข้าใจหรือเปล่า”
.
สำหรับกิจกรรมแรกอย่างเป็นทางการในนาม THEBLACKSEA นั่นคือ THEBLACKLABEL’S FIRST THAILAND AUDITION (พีรธนบอกเราว่า จะดึง ‘ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล’ แห่งวง Blackpink เข้ามามีส่วนร่วมด้วย) โดยคนไทยที่ได้รับการคัดเลือกจากกิจกรรมดังกล่าว จะได้เป็นเด็กฝึกหัดในค่าย THEBLACK LABEL ในประเทศเกาหลีใต้ และมีโอกาสเป็นศิลปินระดับโลกต่อไป
.
“ก้าวแรกจะเริ่มที่ไทย แล้วต่อไปจะขยายฐานไปอาเซียน และในอนาคตเราจะได้เห็นกิจกรรมหรือศิลปินของ THEBLACK LABEL อาทิ แทยัง(อดีตสมาชิก Bigbang) และ พัคโบกอม ฯลฯ มาไทยมากขึ้น รวมถึงจะเกิด Business Model ใหม่ๆ ที่เราจะทำร่วมกัน”
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 12 ปีก่อนหน้านี้ ทางเครือซีพีได้มีการร่วมทุนกับ SM Entertainment หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีก่อตั้งบริษัท SM true ขึ้นมาในไทย
.
ทำให้เราเกิดคำถามว่า แล้วเหตุใดถึงต้องร่วมมือกับ THEBLACK LABEL ตั้งบริษัท THEBLACKSEA ขึ้นมาอีก?
.
พีรธนให้คำตอบว่า เพราะเครือซีพีต้องการส่งออก Soft Power ไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมดนตรีมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างทั้งซิกเนเจอร์และไลฟ์สไตล์ ดังนั้นเพื่อให้ตอบโจทย์ใหญ่ที่วางไว้ จำเป็นต้องมีหลายแพลตฟอร์มที่เข้าไปเติมเต็ม
.
มากไปกว่านั้น หากต้องการสร้างจุดเปลี่ยนและผลักดันให้ Soft Power ของไทยเติบโต ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การสร้างและพัฒนาคน แต่ที่ผ่านมาธุรกิจของเครือซีพีในอุตสาหกรรมนี้จะมีเฉพาะปลายน้ำ ยกตัวอย่างเช่น SM true ที่เป็นการนำศิลปินเกาหลีเข้ามาในไทย ไม่ได้มีการนำศิลปินไทยไปเกาหลี
.
ส่วนความร่วมมือกับ THEBLACK LABEL เป็นธุรกิจต้นน้ำ เน้น ‘สร้าง’ เพื่อ ‘ส่งออก’ ซึ่งถือเป็นการสร้าง ecosystem ให้ครบเพื่อสร้างอิมแพ็คในวงกว้าง และในอนาคตจะมีการขยายความร่วมมือใหม่ๆ อีก ขอให้ติดตามดูต่อไป
https://web.facebook.com/photo/?fbid=635112948647744&set=a.633364228822616