หมอชลน่าน ชี้พรรคร่วมฯ ไม่ได้หารือปมคุณสมบัติ พิธา ประเมินผลกระทบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7709061
 
 
‘ชลน่าน’ เผย พรรคร่วมฯ จะหารือปม ‘พิธา’ โดน กกต.สอบมาตรา 151 ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกล พรรคร่วมฯ ได้แค่ประเมินสถานการณ์ทางการเมือง
 
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาให้ความเห็นกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถูกกกต. ตั้งกรรมการไต่สวนเอาผิดตามมาตรา 151 ซึ่งมีโอกาสสะเทือนไปถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี และจะมีผลให้คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหมดลงทันที
 
ทางพรรคร่วมจะมีการหารือเพื่อหาทางออกป้องกันเกิดทางตันไว้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เนื่องด้วยประเด็นนี้เป็นประเด็นกรณีเฉพาะ ต้องคุยในมุมข้อกฎหมาย ซึ่งทางพรรคร่วมไม่ได้ยกมาเป็นประเด็นในการหารือหลัก แต่มีการนำมาประเมินสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะมีผลกระทบอะไร และไม่ได้เจาะลึกอะไร โดยคนที่จะสามารถกำหนดประเด็นการหารือได้อยู่ที่พรรคแกนนำหลักว่าจะนำมาเป็นประเด็นหารือหรือไม่

---

โรม ชี้ ‘พิธา’ โดนไต่สวน ม.151 หวังเตะตัดขา สกัดนั่งนายกฯ มั่นใจ ไม่ซ้ำรอย ‘อนาคตใหม่’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4023906

โรม ชี้ ‘พิธา’ โดนไต่สวน ม.151 หวังเตะตัดขา สกัดนั่งนายกฯ มั่นใจ ไม่ซ้ำรอย ‘อนาคตใหม่’
 
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ออกมาให้ความเห็นกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิดเดตนายกรัฐมนตรี ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งกรรมการไต่สวนเอาผิดตามมาตรา 151 ซึ่งมีโอกาสสะเทือนไปถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี ถ้าติดมาตรา 151 จะมีผลให้คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหมดลงทันที ทางพรรคร่วมจะมีการหารือเพื่อหาทางออกป้องกันเกิดทางตันไว้หรือไม่ ว่า เบื้องต้นยังมองว่า เป็นกรณีที่พยายามเตะตัดขาและฉายหนังซ้ำเหมือนกรณีพรรคอนาคตใหม่ ต้องยอมรับว่าการทำแบบนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับพรรคอนาคตใหม่ บริบททางการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว พรรคก้าวไกลยืนยันได้เลยว่า สถานการณ์ทางการเมืองในครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ยิ่งเตะตัดขายิ่งกลั่นแกล้ง ประชาชนก็จะยิ่งสนับสนุนเรามากขึ้น

ดังนั้นในการต่อสู้คดีต่างๆ เราพร้อมและมีการเตรียมการไว้ เรามั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางเป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งของพรรคก้าวไกลอย่างแน่นอน โดยมองว่ากรณีการดำเนินคดีตามมาตรา 151 ก็ต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้นขั้นตอนดังกล่าวไม่สามารถมาขัดขวางไม่ให้นายพิธาขึ้นเป็นนายกฯได้

---

“ชูวิทย์” ฟาด ร.ต.อ.หญิง เพื่อนร่วมรุ่นผู้กองแคท วันๆงานการไม่ทำ ขับลัมโบร์โฉบไปมา ร่อนตามผับ
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4023968

‘ชูวิทย์’ ฟาดอีก ร.ต.อ.หญิง รุ่นเดียวกับผู้กองแคท วันๆ งานการไม่ทำ ขับลัมโบร์โฉบไปมา ร่อนตามผับ
 
จากกรณีกระแสดราม่า “ผู้กองแคท” ร.ต.อ.อาทิติยา เบ็ญจะปัก นักร้องลูกทุ่ง ที่เลื่อนยศจาก ส.ต.ต.เป็น ร.ต.อ.ในเวลาอันรวดเร็วนั้น

ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยกล่าวหาว่า มีตำรวจร่วมรุ่นกับผู้กองแคท วันๆ ไม่ทำอะไร ขับแต่ลัมโบร์กีนีโฉบไปมา โดยระบุว่า 

นี่ก็อีกคน 
 
ตำรวจสายแฟชั่น กอส. ชื่อย่อ “ณ” รุ่นเดียวกับร้อยตำรวจเอกนักร้องนางงาม รุ่นนี้ ยศขึ้นเร็ว เพิ่งปิดไอจีหนี วันๆ ขับลัมโบร์โฉบไปมา
 
งานการไม่มีทำ ร่อนตามผับ ไปต่างประเทศทุกเดือน หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมหรู แต่งตัวเหมือนหลุดออกมาจากแคตวอล์ก ไม่ทราบว่าอยู่กองไหน? หรืออยู่ “กองแฟชั่น สตช.”?
 
แนะนำให้ไปเที่ยว “ผับจีน” ชื่อ Madrix แถวรัชดา ซ.18 เปิดกันยันเช้า รับรองว่าจีนเทาให้เข้า เพราะไม่รู้ว่าเป็นตำรวจแน่นอน หน่วยใหม่ตั้งชื่อว่า “กองแฟชั่น” ของ สตช. เพื่อไว้รับแขกบ้านแขกเมือง ให้ฮือฮาว่า “นี่คือตำรวจไทยเมืองท่องเที่ยว” หรือเอาไว้เป็น “สายลับ” จารกรรมข้อมูลจีนเทาที่บุกยึดกรุงเทพฯ ไม่ต้องปลอมตัว ทำประโยชน์ให้สังคมอย่างนี้ดีกว่า ไม่ใช่มียศถึง ร.ต.อ. ประดับ 3 ดาว แต่ไม่ได้ทำงานอะไร
 
ตำรวจอื่นๆ เขาทำงานยันแก่ยังไม่ได้ยศ “ผู้กอง” เด็กเส้น เด็กนาย เด็กฝาก สารพัดตั๋ว พอกันที ให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทำงานด้วยเถอะ เจ้าประคุณ
 
https://web.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/pfbid0qQ5sDjG2v5wH7nfNg7nXNguoSBAPW6je9ifTy9kLDND9HQS9UCvpaCSfT3sxBQQql
 

---

 
คนไทยผ่อนต่อไม่ไหว แค่ 5 เดือน ไฟแนนซ์ยึดรถแล้ว 9 หมื่นคัน คาดทั้งปีพุ่ง 2.5 แสนคัน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4023913

คนไทยผ่อนต่อไม่ไหว ผ่านไป 5 เดือน ไฟแนนซ์ยึดรถแล้ว 9 หมื่นคัน คาดทั้งปีพุ่ง 2.5 แสนคัน
 
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ ประชาชาติธุรกิจ ถึงแนวโน้มรถยึดมีทิศทางเพิ่มขึ้น 5 เดือนแรกของปี 2566 ว่ามียอดรถยึดไหลเข้ามาในลานประมูลแล้ว 8-9 หมื่นคัน หากเทียบตัวเลขไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 3-5% คาดว่าปีนี้จะมียอดรถถูกยึด ราว 2-2.5 แสนคัน จากปกติยอดรถยึดจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7-1.8 แสนคัน หลังจากหมดมาตรการพักชำระหนี้ทยอยครบตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2565 และไม่สามารถชำระหนี้ได้ และกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทำให้สถาบันการเงินทยอยยึดรถ
ในส่วนของบริษัท ยอดรถยึดช่วง 5 เดือนแรกมียอดขายประมาณ 200 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 10-12% คาดว่าทั้งปียังคงเป็นไปตามเป้าหมาย 500 ล้านบาท หรือมียอดรถยึดเข้ามาประมูลราว 8-9 หมื่นคัน ถือเป็นอันดับ 2 ของตลาด
 
ปัจจุบันมีพันธมิตรราว 80-90 ราย ที่นำส่งรถยึดเข้าลานประมูล ถือว่าครอบคลุมตลาดมากกว่า 90% เช่น สถาบันการเงิน, Captive Finance, บริษัทรถเช่า, ประกันภัย รวมถึงบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ เป็นต้น
 
ด้าน แหล่งข่าวผู้ประกอบการเช่าซื้อ เปิดเผยว่า สถานการณ์รถยึดในส่วนของรถจักรยานยนต์ หากดูยอดขายในปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 1.7-1.8 ล้านคัน เป็นการซื้อเงินสดราว 20% และไฟแนนซ์อีก 80% หรือคิดเป็นประมาณ 1.4 ล้านคัน ซึ่งจากข้อมูลโดยปกติยอดยึดรถจักรยานยนต์แต่ละปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2.5-2.8 แสนคัน
 
แหล่งข่าวระบุว่า ขณะที่ปี 2566 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนหนึ่งมาจากการอั้นในปี 2563-2564 เพราะมีมาตรการช่วยเหลือและชะลอการยึดรถ แต่ภายหลังหมดมาตรการจะเห็นการไหลเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากผ่อนชำระไม่ไหว หรือปล่อยให้สถาบันการเงินยึดรถ