JJNY : นิด้าโพล เชื่อมีส่วนรถบรรทุก│‘โรม’ลั่นก.ก. พร้อมสู้ม.151│ไข่ไก่แพงสุดรอบหลายสิบปี│เซเลนสกีเย้ยไม่รู้จักปูติน

นิด้าโพล เชื่อมีส่วนรถบรรทุกจริง ติงบรรทุกนน.เกินกำหนด
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_565161/
 
 
นิด้าโพล คนติงรถบรรทุกส่วนใหญ่บรรทุกน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนด เชื่อมีส่วนรถบรรทุกจริง
 
นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง “ส่วยสติกเกอร์ รถบรรทุก”ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 6-7 มิถุนายน 2566 จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องการบรรทุกน้ำหนักของรถบรรทุก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 82.90 ระบุว่า ส่วนใหญ่มีการบรรทุกเกินกว่าน้ำหนักที่กฎหมายกำหนด รองลงมา ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ส่วนใหญ่มีการบรรทุกไม่เกินกว่าน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดและร้อยละ 5.65 ระบุว่า ไม่มั่นใจ
 
เมื่อถามความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่า ส่วนใหญ่มีการบรรทุกเกินกว่าน้ำหนักที่กฎหมายกำหนด และผู้ที่ระบุว่าไม่มั่นใจ (จำนวน 1,160หน่วยตัวอย่าง) ถึงสาเหตุที่ทำให้รถบรรทุกมีการบรรทุกเกินกว่าน้ำหนักที่กฎหมายกำหนด พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 73.36 ระบุว่า เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่ง รองลงมา ร้อยละ 63.19 ระบุว่า เพื่อเพิ่มกำไรในธุรกิจขนส่ง ร้อยละ 27.07 ระบุว่า ขนาดน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไม่สะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบัน และร้อยละ 0.09 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ
 
สำหรับความเชื่อของประชาชนต่อข่าวส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 60.76 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 25.34ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 10.08 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 3.44 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย และร้อยละ 0.38 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ

เมื่อถามผู้ที่ระบุว่า เชื่อมาก ค่อนข้างเชื่อเกี่ยวกับข่าวส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก และไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ (จำนวน 1,133 หน่วยตัวอย่าง)ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 75.55 ระบุว่า เจ้าของรถบรรทุกยินดีจ่ายเพื่อความสะดวกในการดำเนินกิจการรองลงมา ร้อยละ 75.11 ระบุว่า ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องการหาผลประโยชน์ ร้อยละ 26.13 ระบุว่า ขนาดน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไม่สะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบัน และร้อยละ 0.35 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ
  
ท้ายที่สุดเมื่อถามผู้ที่ระบุว่า เชื่อมาก ค่อนข้างเชื่อเกี่ยวกับข่าวส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก และไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ (จำนวน 1,133หน่วยตัวอย่าง) ถึงความเชื่อของประชาชนว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกได้จริง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 30.36 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อ รองลงมา ร้อยละ 27.80 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 17.83 ระบุว่า เชื่อมาก และร้อยละ 0.35 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ



‘โรม’ ลั่น ก.ก. พร้อมสู้ ม.151 โวย กกต. สกัด ‘พิธา’ เกมเตะตัดขาโหวตนายก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4023165

‘โรม’ ลั่น ก.ก. พร้อมสู้ ม.151 โวย กกต. สกัด ‘พิธา’ เกมเตะตัดขาโหวตนายก
 
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติไม่รับคําร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก.ก. มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จากการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นความปรากฏ และตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนว่านายพิธาเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม แต่กลับสมัครรับเลือกตั้ง เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 42 (3) และมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พรรค ก.ก.มีความกังวลหรือไม่ว่า ไม่กังวล เราพร้อมต่อสู้คดี เรื่องดังกล่าวเป็นกระบวนการที่ชัดเจนว่าพยายามจะเตะตัดขาไม่ให้มีรัฐบาลพรรค ก.ก. สกัดกั้นไม่ให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ก็พร้อมสู้ตามกระบวนการกฎหมายเต็มที่ และเชื่อมั่นในฉันทามติของประชาชนที่ได้มอบผ่านการเลือกตั้ง ว่าต้องการเห็นนายพิธาเป็นนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลได้

นายรังสิมันต์กล่าวว่า อยากจะพูดไปถึงคนที่พยายามทำกระบวนการเหล่านี้ทั้งหมด ว่าสุดท้ายประชาชนทุกคนก็รู้ว่าที่ทำไปทั้งหมดเป็นเรื่องทางการเมือง ฉะนั้น อย่าคิดว่าผลลัพธ์ทั้งหมดที่ทําเอาไว้จะจบแบบเดิม และเล็งเห็นว่ากระบวนการนี้คงต้องใช้เวลา มั่นใจว่านายพิธาคงจะได้รับเลือกเป็นนายกฯก่อน หลังจากนั้นคงต้องสู้คดีกันต่อไป ใช้เวลาในการพิสูจน์หลักฐาน
 
กระบวนการเหล่านี้เป็นคนละส่วนกับการเลือกนายกรัฐมนตรี อย่าเอามาใช้เป็นข้ออ้างในการไม่โหวตเลือกนายกฯ เรื่องคดีเมื่อถึงที่สุด ตามรัฐธรรมนูญก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ นั่นหมายความว่าต่อให้นายพิธาถูกดำเนินการในเรื่องนี้ ก็ต้องสันนิษฐานไว้ว่านายพิธาเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น จะต้องไม่เอามาปะปนกับการเลือกนายกฯ สิ่งที่อยากให้มันเกิดขึ้นมากที่สุดคือ ทุกฝ่ายในสังคมตอนนี้ต้องเคารพต่อมติมหาชน ตามที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงผ่านการเลือกตั้ง แล้วอย่ามาใช้กระบวนการใดๆ ในทางการเมืองเพื่อทำลายมติมหาชนนี้” นายรังสิมันต์กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลว่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการไม่โหวตให้นายพิธาหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า เชื่อว่าไม่ใช่ ส.ว.ทุกคนที่จะคิดแบบเดียวกัน อาจจะมีบางคนที่สร้างกระบวนการแบบนี้ แต่ต้องเรียนตามตรงว่าถึงที่สุดเรื่องคดีก็ต้องว่ากันไป แต่ตอนนี้นายพิธาคือผู้บริสุทธิ์ ต้องว่ากันไปตามหลักการที่ว่า บุคคลที่ถูกดำเนินคดีในทางอาญาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันเป็นที่สุด

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า หวยออก 151 เป็นบวกหรือลบต่อพิธา การยกคำร้องคดีถือหุ้น แต่กลับเตรียมดำเนินคดีอาญาฐานรู้ว่าขาดคุณสมบัติแต่ยังมาสมัคร ส.ส.ของพิธานั้น เป็นบวกหรือลบ 

1. คดีอาญานั้น ต้องฟ้องศาลอาญา ซึ่งมีกระบวนการที่ยาวนาน เป็นปี และเป็นหลักประกันความยุติธรรมว่าต้องผิดจริงจึงถูกลงโทษ ไม่สามารถเอาผิดโดยง่าย แต่โทษรุนแรงกว่า เพราะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และตัดสิทธิทางการเมืองถึง 20 ปี 
2. การที่ กกต.ฟ้องดำเนินคดีอาญา แม้ยังอยู่ในขั้นกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น แต่ก็เป็นวัตถุดิบเพียงพอต่อเหล่า ส.ว.ที่ตั้งใจไม่เลือกพิธาเป็นนายก ไม่ยกมือให้ โดยมีข้ออ้างแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ 
3. การยกคำร้องคดีถือหุ้นสื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ตายสนิท มีโอกาสฟื้นโดยใช้ ส.ส. 50 คน หรือ ส.ว. 25 คน หรือยื่นโดย กกต.เองในฐานะความปรากฏ หลังจากการรับรอง ส.ส. โดยใช้สิทธิตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ 
4. อาวุธหนักต่างๆ กำลังลำเลียงสู่สมรภูมิสนามรบ และไม่จบแค่ปืนต่อสู้อากาศยาน 151 แต่แพ้ชนะกลับอยู่ที่ฝ่ายเสนาธิการผู้วางแผน
 
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายและอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติรับเรื่องกรณีปมถือหุ้นไอทีวีของนายพิธาไว้พิจารณาตามมาตรา 151 ตอนหนึ่งว่า “ต่อให้สรุปผลไต่สวนว่าผิด ก็สอยหนุ่มพิธาตกสวรรค์ไม่ได้ เพราะเป็นคดีอาญา ไม่ใช่คดีสอย ส.ส. ซึ่งตีตกเวทีไปแล้ว แต่กว่าจะรู้ว่าผิดหรือไม่ก็ต้องรออีก 6-7 ปี ตอนนั้นหนุ่มพิธาอาจจะเป็นน้าพิธาแล้ว
 
นายไพศาลยังระบุว่า เรื่องถือหุ้นไอทีวีคาดว่าจบแล้ว เพราะจะไม่มีใครไปเป็นพยานยืนยันว่านายพิธาถือหุ้น (เพราะโอนมรดกไปแล้ว) และไม่มีใครกล้าไปเบิกความยืนยันว่าไอทีวีเป็นธุรกิจสื่อมวลชน เพราะใครๆ ก็รู้ว่าไอทีวีเลิกธุรกิจสื่อมา 20 ปีแล้ว และศาลก็ตัดสินเรื่องนี้มาก่อนแล้วว่าไอทีวีเลิกธุรกิจสื่อแล้ว จะมีใครหน้าไหนกล้าบังอาจไปตัดสินแทนศาลท่านได้อีก เพราะต่อให้ค่าจ้างเท่าใด ก็ไม่คุ้มกับค่าติดคุกฐานเบิกความเท็จ หรือให้การเท็จ



ร้านขายไข่อุทัยฯ โอด ไข่ไก่แพงสุดรอบหลายสิบปี หยุดขายไข่เบอร์ 0 ชั่วคราว ลูกค้าลดกำลังซื้อเหลือครั้งละ 5 ฟอง
https://www.matichon.co.th/region/news_4023310

ร้านขายไข่อุทัยฯ โอด ไข่ไก่แพงสุดรอบหลายสิบปี หยุดขายไข่เบอร์ 0 ชั่วคราว ลูกค้าลดกำลังซื้อเหลือครั้งละ 5 ฟอง
 
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านค้าขายไข่ไก่ ในเขตพื้นที่อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี อย่างที่ ร้านเล็กไข่สด ซึ่งเป็นร้านขายไข่ไก่ทั้งปลีกและส่ง ภายหลังจากที่พบว่า ไข่ไก่มีการปรับราคาจากทั้งหน้าฟาร์ม และร้านค้าส่งขึ้นมาหลายครั้ง นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เกือบครบ 1 เดือน พบว่า ไข่ไก่มีการปรับราคาขึ้นมาเฉลี่ยครั้งละ 2-6 บาทต่อแผง ส่งผลให้ราคาขายปลีกไข่ไก่ต่อแผง 30 ฟอง ขยับราคาขึ้นมาราว 5-10 บาท ต่อแผง จากเมนูไข่ไก่ที่เป็นอาหารให้คุณค่า ช่วยให้ทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีกำลังซื้อกินกันได้สบาย แต่ตอนนี้ ราคาไข่ไก่กลับแทบจะเท่ากับ ราคาเนื้อหมูเกือบ 1 กิโลกรัม (หมูเนื้อแดง 180/กก.)

โดยจากการสำรวจและเทียบราคาไก่ไข่ ที่ร้านเล็กไข่สด จากวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 กับวันที่ 11 มิถุนายน 2566 พบว่า ราคาไข่ไก่ ณ วันที่ 11 มิถุนายน นี้ ไข่ไก่เบอร์ 1 อยู่ที่แผงละ 140 บาท เบอร์ 2 แผงละ 130 บาท เบอร์ 3 แผงละ 125 บาท และ เบอร์ 4 แผงละ 120 บาท ส่วนราคาแบ่งขายปลีก 10 ฟอง จะอยู่ที่ 40 บาท ไปจนถึง 55 บาท ส่วนราคาไข่ไก่ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ไข่ไก่เบอร์ 1 อยู่ที่ราคาแผงละ 135 บาท เบอร์ 2 แผงละ 125 บาท เบอร์ 3 แผงละ 120 บาท และเบอร์ 5 แผงละ 90 บาท ส่งผลให้ทางร้านต้องปรับการรับไข่ไก่มาขาย โดยเฉพาะการงดรับไข่ไก่เบอร์ 0 ชั่วคราว เพื่อลดความเสี่ยงในด้านราคา
 
ซึ่ง นายโกศล นาดำ อายุ 36 ปี เจ้าของร้านเล็กไข่สด เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่าปีนี้ไข่ไก่ถือว่าแพงที่สุดเป็นประวัติการณ์เท่าที่เคยขายไข่ไก่มาหลายสิบปี ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำที่เคยซื้อไข่ไก่กินกันได้สบาย ตอนนี้ต้องลดปริมาณกันลง อย่างไข่ไก่คละหรือไข่ไก่ที่ประมาณเบอร์ 3 หน้าฟาร์มตอนนี้ ราคาขึ้นไปถึงฟองละ 3.80 บาทแล้ว และเร็วๆนี้จะปรับขึ้นเป็น 4 บาทอย่างแน่นอน ส่วนไข่ไก่ทุกเบอร์ก็ต้องขยับราคาขึ้นตามไปด้วย
 
ล่าสุด ไข่ไก่เบอร์ 0 ซึ่งเป็นไข่ไก่ที่มีราคาแพงที่สุด ตอนนี้ที่ร้านต้องหยุดรับมาขายก่อนชั่วคราว เพราะลูกค้าสู้ราคากันไม่ไหว ซึ่งตอนนี้ลูกค้าจะซื้อไข่ไก่ที่เบอร์เล็กกันเป็นหลัก โดยเฉพาะ พ่อค้า แม่ค้า อาหารตามสั่ง และร้านที่ทำขนมหวาน ส่วนชาวบ้านทั่วไป และที่มีรายน้อย ก็ยังคงซื้อไข่ไก่กันอยู่แต่ลดปริมาณลง จากเคยซื้อครั้งละ 1 แผง ก็จะลดการซื้อลงเหลือเพียงครั้งละ 5 – 10 ฟอง ส่วนสาเหตุที่ทำให้ที่ร้านยังปรับราคาไข่ไก่ขึ้นไปสูงมากนั้น เป็นเพราะหาซื้อจากเกษตรรายย่อยเข้ามาขายเสริมด้วย เพราะราคาจะมีราคาที่ถูกกว่าหน้าฟาร์ม นายโกศล กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่