ทำไมหน่วยงานข้าราชการไทย ถึงชอบเก็บคนไม่ดีไว้ทำร้ายคนทำงาน

เรามีเพื่อนทำงานรับราชการ อยู่ในจังหวัดหนึ่ง เพื่อนกับเราสนิทกันมาก มีปัญหาอะไรจะเล่าสู่กันฟัง และให้คำปรึกษาอยู่เสมอ  วันหนึ่งเพื่อนได้ย้ายไปทำงานที่หนึ่ง ปัจจุบันอยู่มา 7 ปีแล้ว ในปีที่ 4 ที่เพื่อนอยู่มา มีผู้บริหารคนใหม่ได้ย้ายเข้ามา เป็นที่รู้จักเพราะขึ้นชื่อได้ว่า เป็นผู้บริหารไฟแรง แต่หลังจากอยู่มาได้ 1 ปี สถานที่ทำงานก็ลุกเป็นไฟ เนื่องจากคนในที่ทำงานกับผู้บริหารไม่ลงรอยกัน บาดหมางจนเป็นเรื่องเป็นราว ยื่นหนังสือถึงหน่วยงานที่สูงกว่า ฟังจากที่เพื่อนเล่า ปัญหา คือ
1. เพื่อนร่วมงานบางคนค่อนข้างมีอายุ ผู้บริหารคนที่ผ่านๆมา ค่อนข้างชิล ให้ทำงานอย่างสะดวกสบาย ไม่ได้เคร่งเครียดกับการทำงาน ไม่ได้มีข้อกำหนดจุกจิก แต่ผู้บริหารคนนี้ที่เข้ามา ปรับเปลี่ยนการทำงานของที่นี่ ให้มีแต่ความเครียด กดดัน มีข้อนู้นนี่นั่นเยอะแยะ จุกจิก จะเอาผลงานทุกอย่าง แต่ไม่ซัพพอร์ตคนในที่ทำงาน 
2. ผู้บริหารคนนี้ไม่ชอบให้คนในที่ทำงานพูดคุยกัน กินข้าวด้วยกัน หรือช่วยเหลืองานกันและกัน อ้างว่า การที่คนในที่ทำงานจับกลุ่มคุยกัน คือ การนินทาผู้บริหาร และแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย การเลือกไปกินข้าวกับใคร หรือกินข้าวกันโดยที่ไม่มีผู้บริหารอยู่ด้วย คือการแบ่งแยกการทำงาน แบ่งพรรคแบ่งพวก การที่คนที่ทำงานช่วยเหลือกัน จะทำให้งานของตัวเองไม่เสร็จ ถ้าใครคนนึงไปช่วยงานคนอื่นนอกเหนือจากงานที่ตนเองได้รับ จะถูกเรียกไปด่า ถูกเพ่งเล็ง และถูกแซะ ไปเที่ยวด้วยกัน ก็เป็นประเด็น 
3. ให้งานหนักแก่เพื่อนร่วมงานคนอื่น หรือคนที่มีปัญหาด้วย ส่วนคนที่ตัวเองดึงมาเป็นพวก ให้ทำงานสบาย นับชม.ได้น้อยจนน่าเกลียด ทุกครั้งที่มีการลงพื้นที่ หรือทำนู่นทำนี่ ที่ต้องมีการจัดเตรียมสถานที่ ไม่ว่าใครเสนอรายชื่อ เพื่อนร่วมงานคนนี้ ชื่อของเพื่อนคนนี้จะถูกตัดออก อ้างว่าให้ทำงานฝ่ายแล้ว งานฝ่ายเป็นงานหนัก แต่คนอื่นที่ได้รับงานฝ่ายเหมือนกัน สามารถใส่ในรายชื่อคณะทำงานและเอาไปทำงานได้ 
4. มีการข่มขู่ทุกครั้ง ไม่ว่าจะกระทบกระทั่งกันหรือไม่ เช่น ทำงานอยู่ดีๆ ก็เดินมาหาเรื่อง พูดคุย แซะ หรือต่อว่า ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิด โดยส่วนมากจะขุดเรื่องเก่ามาพูด ต่อว่า และข่มขู่ ตามด้วยประโยคสุดคลาสสิก ฉันจะจับตาดูเธอ และทุกครั้งที่เกิดปัญหาที่มาจากผู้รับบริการ หรือคนนอก ผู้บริหารคนนี้จะเอามาลงกับคนในที่ทำงาน 
5. ไม่รับผิดชอบงานบริหารของตน ทุกครั้งที่มีปัญหาที่เกิดขึ้นจากผู้รับบริการ ผู้บริหารไม่เคยมารับผิดชอบเพื่อนร่วมงาน ให้เพื่อนร่วมงานไปแก้ไข หาวิธีเอาเอง ไม่ซัพพอร์ตลูกน้อง เวลาที่ต้องทำผลงาน ที่เป็นในนามของที่ทำงาน เขาไม่เคยมาอยู่ช่วยเหลือ ไม่มาแสดงตัว ให้หัวหน้าองค์กรระดับสูงเห็น หนีประชุม ให้ลูกน้องคนอื่นเข้าประชุมแทน 
6. คณะกรรมการจากภายนอก ที่ต้องทำงานร่วมกัน ก็ไม่โอเคกับผู้บริหารคนนี้ เพราะความเยอะ และมีอะไรไม่เคยลงทุน จะขอทุน ขอรับบริจาคแต่กับคณะกรรมการเหล่านี้ ส่วนเงินที่ทำงาน แทบจะไม่หยิบยกไปไหน หรือเจียดออกมาใช้จ่าย เพื่อนร่วมงานจะเบิกงบไปใช้จ่ายในโครงการก็ยากเย็น บางโครงการก็ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ถ้าไม่อนุมัติ หรือบางครั้งก็ตัดงบในส่วนที่จำเป็นออกไป 
7. กดดันเพื่อนร่วมงานทางคำพูด หรือใช้คำพูดทำร้ายเพื่อนร่วมงาน เช่น พูดเรื่องส่วนตัว ว่ากล่าวในปมด้อย ดุด่าแม้ทำผิดในเรื่องเล็กน้อย ชอบแซะ เย้ยหยันคนในที่ทำงาน ข่มขู่คุกคาม หากเพื่อนร่วมงานทำงานไม่ถูกใจผู้บริหาร ขู่ว่าจะไม่ให้ผ่านเกณฑ์การประเมิน เบ่งว่ามีพรรคพวกเยอะ รู้จักคนเยอะ และเป็นคนมีอำนาจ และบางครั้งก็กลั่นแกล้งลูกน้องอย่างไม่เป็นธรรม
    ซึ่งจากที่ฟังเพื่อนมาในหลายๆเรื่อง เราว่ามันก็ค่อนข้างเป็นสังคมการทำงานที่ไม่โอเค ในที่ทำงานนั้นจึงรวมตัวกันร้องเรียนไปยังหน่วยงานระดับสูงกว่า มีการมาตรวจสอบข้อเท็จจริงตลอดทุกวัน กินระยะเวลาเป็นเดือน ๆ จนในที่สุด จบลงตรงที่ว่า ู  ผู้บริหารหน่วยงานระดับสูงคนนั้น ประกาศตัวว่าจะไม่มาสนใจและไม่มาเหยียบองค์กรนี้อีก เพื่อนร่วมงานหลายคนที่ไม่โอเคในตอนนั้น ย้ายออกไปหน่วยงานอื่น บางคนอีกแค่ปี สองปีเกษียณ ก็ยอมลาออกไป ดีกว่าทนทำงานอยู่แบบนี้  ส่วนเพื่อนเรายังอยู่เพราะว่าที่ทำงานใกล้บ้าน และยังรักในที่ทำงานนี้ ถึงแม้จะเจอผู้บริหารแบบนี้ แต่ก็ยังจะสู้ ด้วยความที่เพื่อนเป็นคนที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงอะไรอยู่แล้ว คิดแค่ว่าทำงานของตัวเองไปให้ดีที่สุด ถึงแม้จะโดนด่า โดนหาเรื่อง โดนใช้งานหนัก ก็จะพยายามอดทนให้ถึงที่สุด 
    ปัจจุบัน ผู้บริหารคนนี้ทำตัวดีขึ้นนิดหน่อย ตรงที่ว่า ไม่ปะทะ และไม่ชน กับคนในที่ทำงานเหมือนเดิม แต่ความ Toxic ยังคงอยู่เหมือนเดิม และเพิ่มเติม คือมีเรื่องชู้สาว ที่เปิดตัวชัดเจนมากขึ้น ก็คือสาวที่ทำงานฝ่ายคนนั้น ทุกคนในที่ทำงานรับรู้แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ เช่น จะออกไปทำธุรกรรมต่างๆด้วยกัน ด้วยรถผู้บริหาร และกลับมาอีกทีตอนเย็น หรือไม่กลับมาอีก งานที่เป็นงานหลักของเพื่อนร่วมงานคนนั้น ที่ไม่ใช่งานฝ่าย โยนให้เพื่อนร่วมงานอีกคนนึงทำ เมื่อมีโอกาสไปทานข้าวร่วมกันในที่ทำงาน ทั้งสองเลือกที่จะไปด้วยกัน กลับด้วยกัน และเมื่อมีการไปดูงานนอกสถานที่ หรือไปเที่ยวในที่ทำงาน ก็จะมาด้วยกัน กลับด้วยกัน  ทั้งๆที่ต่างฝ่ายต่างแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ซ้ำร้ายผู้บริหาร ยังให้อำนาจแก่เพื่อนร่วมงานคนนั้น ได้มีสิทธิ์ มีปากมีเสียง ได้เอาเปรียบเพื่อนร่วมงานคนอื่น และถูกเพื่อนร่วมงานคนนั้นควบคุมไว้เสมอ เช่น หากต้องการสิ่งใด ผู้บริหารคนนี้จะต้องปรึกษากับเพื่อนร่วมงานคนนี้ ถ้าเพื่อนร่วมงานคนนี้ไม่โอเค เพื่อนร่วมงานคนอื่นจะไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้ช่วยเหลืออะไรได้ เรียกง่ายๆว่า บริหารแทนไปแล้วนั่นเอง 
    ทุกวันนี้เพื่อนร่วมงานคนอื่น พยายามเขียนย้าย และอยากลาออก เด็กที่เข้ามาทำงานใหม่ เจอพิษสงไป ก็อยากลาออกหมด แต่ติดตรงที่ว่า การสอบเข้ามารับราชการตรงนี้ก็ยากเหลือเกิน จึงทำได้แค่อดทนกันไป เราจึงสงสัยและอยากแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆชาวพันทิปว่า มีความคิดเห็นกันยังไง กับเรื่องแบบนี้ และอยากถามไปถึงผู้บริหารระดับสูงต่างๆ ว่าคุณไม่คิดจะแก้ไขปัญหาอะไรเลยหรือ หลายครั้งที่เราดูข่าว ที่คนในวงราชการทำผิด ต่อให้ร้ายแรงขนาดไหน อย่างมากก็แค่ย้าย ไม่ไล่ออก หรือปลดออก และเพิกเฉยต่อการกระทำที่ไม่สมควร ปล่อยคนไม่ทำงานทำร้ายคนทำงาน แล้วแบบนี้องค์กรมันจะก้าวหน้าไปทางไหน ???? 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่