สติ คือ ความแหลมคม
สมาธิ คือ ความหนักแน่น
หากมีกำลังสมาธิเยอะ แต่กำลังสติน้อย เมื่อนั่งสมาธิจิตเกิดรวมเป็นสมาธิ กำลังสติรู้ไม่เท่าทันสมาธิ เกิดจิตวูบ เหมือนตกตึกหรือเล่นรถไฟเหาะ บางครั้งจิตก็ดิ่งลงไปในความว่าง เหมือนวูบดับไปเหมือนนอนหลับ ไม่มีสติรู้ทันความว่างนั้น
ในชีวิตประจำวัน ผู้มีกำลังสมาธิมาก จะรับรู้อารมณ์และกระแสจิตผู้อื่นได้ดี หากกำลังสติน้อยจะรู้ไม่เท่าทันอารมณ์และกระแสจิตที่เข้ามากระทบทำให้ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ
สาเหตุเกิดจาก นั่งสมาธิอย่างเดียวไม่ฝึกสติ
วิธีแก้ ฝึกสติรู้ตัวระหว่างวัน โดยเอาสติมาไว้ที่กลางกาย รู้อารมณ์ที่มากระทบจิตและเดินจงกรม 30 นาที ถึง 1 ชม. ก่อนนั่งสมาธิ
คนที่มีกำลังสติมาก แต่สมาธิน้อย จะเกิดอาการ รู้ทันอารมณ์ ความรู้สึกของตนเองตลอดทั้งวัน รู้ว่าสุข ทุกข์ โกรธ ดีใจ เสียใจ แต่ไม่มีกำลังพอจะหยุดอารมณ์นั้นได้ เพราะขาดความหนักแน่นและอุเบกขาจากสมาธิ ทำให้ไม่รู้เห็นตามความเป็นจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์และล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปแม้แต่อารมณ์ที่มากระทบจิต เราเป็นเพียงผู้รู้ ผู้ดูไม่คล้อยตามไปกับอารมณ์และกระแสที่มากระทบจิต
สาเหตุเกิดจาก ฝึกสติรู้ตัวตลอดเวลาแต่ไม่ฝึกสมาธิ ควรฝึกสมาธิด้วย
สมาธิเป็นเหมือนเท้าขวา สติเป็นเหมือนเท้าซ้าย จะเดินไปข้างหน้าได้ต้องฝึกเดินทั้งเท้าขวาและเท้าซ้าย
เมื่อฝึกสติและสมาธิมากๆ จะเกิด มีสติรู้เท่าทันอารมณ์และกระแสที่มากระทบจิต และมีกำลังในการวางเฉย อุเบกขาในอารมณ์นั้น จนเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เห็นอย่างนั้นเรื่อยๆ จิตจะเกิด “ปัญญา”
สมาธิเป็นเหมือนเท้าขวา สติเป็นเหมือนเท้าซ้าย
สมาธิ คือ ความหนักแน่น
หากมีกำลังสมาธิเยอะ แต่กำลังสติน้อย เมื่อนั่งสมาธิจิตเกิดรวมเป็นสมาธิ กำลังสติรู้ไม่เท่าทันสมาธิ เกิดจิตวูบ เหมือนตกตึกหรือเล่นรถไฟเหาะ บางครั้งจิตก็ดิ่งลงไปในความว่าง เหมือนวูบดับไปเหมือนนอนหลับ ไม่มีสติรู้ทันความว่างนั้น
ในชีวิตประจำวัน ผู้มีกำลังสมาธิมาก จะรับรู้อารมณ์และกระแสจิตผู้อื่นได้ดี หากกำลังสติน้อยจะรู้ไม่เท่าทันอารมณ์และกระแสจิตที่เข้ามากระทบทำให้ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ
สาเหตุเกิดจาก นั่งสมาธิอย่างเดียวไม่ฝึกสติ
วิธีแก้ ฝึกสติรู้ตัวระหว่างวัน โดยเอาสติมาไว้ที่กลางกาย รู้อารมณ์ที่มากระทบจิตและเดินจงกรม 30 นาที ถึง 1 ชม. ก่อนนั่งสมาธิ
คนที่มีกำลังสติมาก แต่สมาธิน้อย จะเกิดอาการ รู้ทันอารมณ์ ความรู้สึกของตนเองตลอดทั้งวัน รู้ว่าสุข ทุกข์ โกรธ ดีใจ เสียใจ แต่ไม่มีกำลังพอจะหยุดอารมณ์นั้นได้ เพราะขาดความหนักแน่นและอุเบกขาจากสมาธิ ทำให้ไม่รู้เห็นตามความเป็นจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกฏไตรลักษณ์และล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปแม้แต่อารมณ์ที่มากระทบจิต เราเป็นเพียงผู้รู้ ผู้ดูไม่คล้อยตามไปกับอารมณ์และกระแสที่มากระทบจิต
สาเหตุเกิดจาก ฝึกสติรู้ตัวตลอดเวลาแต่ไม่ฝึกสมาธิ ควรฝึกสมาธิด้วย
สมาธิเป็นเหมือนเท้าขวา สติเป็นเหมือนเท้าซ้าย จะเดินไปข้างหน้าได้ต้องฝึกเดินทั้งเท้าขวาและเท้าซ้าย
เมื่อฝึกสติและสมาธิมากๆ จะเกิด มีสติรู้เท่าทันอารมณ์และกระแสที่มากระทบจิต และมีกำลังในการวางเฉย อุเบกขาในอารมณ์นั้น จนเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เห็นอย่างนั้นเรื่อยๆ จิตจะเกิด “ปัญญา”