กระทู้ที่แล้ว เราพูดถึงการหาเป้าหมายการออม เมื่อเราได้เป้าหมายการออมแล้ว ต่อไปเราก็มาวางแผนเพื่อไปถึงเป้าหมายกันครับ
เมื่อเรามีเป้าหมายให้เดินแล้ว ต่อไปเราก็ดำเนินการเดินตามแผน เพื่อให้ไปสู่จุดหมายของเรากันนะครับ
กระทู้ที่แล้ว ผมให้เพื่อนๆวางแผนการออมเงินตามช่วงระยะเวลา วันนี้ผมจะมาเสนอว่า แล้วตามช่วงเวลาดังกล่าว เราจะออมเงินแบบได้บ้างครับ
ก่อนอื่น ทุกคนต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า
" ผลตอบแทนจากการออมหรือการลงทุน จะแปรผันตามกับ ความเสี่ยงของการลงทุนหรือการออม " นะครับ
สรุปง่ายๆก็คือ ยิ่งอะไรที่ผลตอบแทนมาก โดยส่วนใหญ่จะมีความเสี่ยงสูง
แต่ก็ไม่ใช้ว่าเราจะลงทุนอะไรที่ผลตอบแทนสูงๆไม่ได้นะครับ เพราะ
"ความเสี่ยงจากการลงทุน ลดทอนลงได้ด้วย ระยะเวลาการลงทุน"
มีตัวอย่าง classic ของคนที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ และลงทุน แล้วขาดทุน และไปบอกใครต่อใคร ว่าไม่ดี เพียงเพราะเขาไม่เข้าใจดีเอง
ยกตัวอย่างง่ายๆครับ บางคนมีเงิน 1แสน ที่มีกำหนดเวลาใช้เงินในอีก 6 เดือนข้างหน้า
และไปฟัง คนอื่นแนะนำมาแบบไม่เข้าใจทั้งหมด และลงทุนตามคนอื่น โดยเอาเงินไปลงทุนใน น้ำมัน ทองคำ
เพียงเพราะมีคนบอกว่า ช่วงนี้ทองขึ้น น้ำมันขึ้น น่าเก็งกำไร โดยไม่ศึกษาข้อมูลดีพอก่อน พอลงไปแล้ว ถึงเวลาใช้เงิน ปรากฎว่าทอง และ น้ำมัน หุ้นตกรุนแรง ทำให้เขาคนนั้น ขาดทุน และ ขยาดกับการลงทุน และไปบอกกับใครต่อใครว่า อย่าไปลงเลย ขาดทุน โกหกทั้งนั้น
ทั้งที่จริง เหตุผลที่เขาขาดทุนเพราะ เขาไม่เข้าใจธรรมชาติการลงทุนใน ทอง และ น้ำมัน ว่ามันขึ้นลง รุนแรง ถ้าอยากจะลงทุนแล้วได้กำไร จะต้องลงทุนระยะยาวเท่านั้น
ตัวอย่างดังกล่าว มีให้เห็นบ่อย ผลจากการไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีพอ ไปฟังเขา และอยากได้ผลตอบแทนเยอะๆ โดยไม่ทันคิดให้รอบคอบนั้นเอง
สรุปง่ายๆอีกรอบนะครับ คือ
ถ้าระยะเวลาลงทุนเราน้อย ผลตอบแทนเรา อาจจะไม่เยอะมาก เท่ากับผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะเวลานานๆ
แต่มันก็ยังดีกว่าเราทิ้งเงินไว้เฉยๆนี่ครับ ใช่ไหมครับ
พูดถึงตรงนี้ ขอสรุปประเด็นก่อนว่า สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการออมเงินของเรา มีดังนี้
1. ระยะเวลาในการออมเงิน
2. การนำเงินไปลงทุนให้เหมาะสมกับระยะเวลาการลงทุน หรือการออม เช่น
- ฝากไว้เป็นค่าเทอมระยะสั้น อาจจะลงในตลาดเงิน ฝากในบัญชีออมทรัพย์ ซื้อสลากออมสืนเพื่อลุ้นรางวัล(6 เดือนถอนได้ไม่ขาดทุน แต่ได้ลุ้นรางวัล)
เงินส่วนนี้อาจจะได้ผลตอบแทนไม่เยอะ แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้เปล่าๆในบัญชี โดยไม่ใยดีกับมัน
- วางแผนใช้เงินระยะกลาง เช่น วางแผน 3 ปีจะไปเที่ยวเมืองนอก เราอาจจะขยับไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล อาจจะไปลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้น หรือซื้อ กองทุนรวมที่เป็น term fund หรือ กองทุนเปิด ที่ความเสี่ยงไม่สูงมาก เพื่อให้เงินก้อนนี้ได้ผลตอบแทนประมาณหนึ่ง ดีกว่าฝากทิ้งในบัญชีออมทรัพย์ เฉยๆ และเป็นการบังคับตัวเองด้วย เพราะเงินบางตัวเราจะไม่สามารถถอนได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขเรื่องระยะเวลา แต่ก็ไม่ได้เสี่ยงมากที่จะกระทบให้เงิน
เราหายไปไหนได้
- วางแผนใช้เงินระยะยาว เช่น เงินเกษียณ เงินส่วนนี้เราอาจจะไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอีกหน่อย เพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากหน่อย เพื่อให้ เงินเรางอกเงยเพียงพอ ที่จะทบต้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้มีมากพอจะใช้ยามเกษียณ
3. ความเสี่ยงในการออมเงิน เนื่องจากเราทุกคนมีความชอบ ความกลัว ไม่เหมือนกัน บางคนรับความเสี่ยงไม่ได้เลย เงินที่ฉันออมมาต้องอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ ก็ควรลงในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อย ส่วนบางคนกล้าได้กล้าเสีย เงินหายไม่เป็นไร แต่ถ้าได้กำไร 10% ก็คุ้มเสี่ยง ก็อาจจะมีตัวเลือกให้ลงทุนมากหน่อย
อ้าวแล้วอย่างนี้ฉันไม่กล้าเสี่ยง ฉันไม่มีสิทธิได้กำไรเยอะๆรึไง ถึงตรงนี้หลายคนคงมีคำถามนี้ในหัว
มีซิครับ มีทางให้ไปแต่นอน เราสามารถออมเงินให้เงินงอกเงยได้เหมือนกัน ถึงแม้เราจะเป็นคนกลัวเงินหาย ด้วยการ จัด port การออม หรือ จัด port การลงทุน
พูดเหมือนยาก แต่เชื่อไหมครับ ทุกคนทำได้ ผมจะสอนในเอง จริงๆนะ
แต่ขอทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ก่อนที่มันจะยาวเกินไปนะครับ
พบกัน part หน้าครับ
จะเล่าจนกว่าจะมีคนฟัง Part 5 การวางแผนการออมเงิน part 1
เมื่อเรามีเป้าหมายให้เดินแล้ว ต่อไปเราก็ดำเนินการเดินตามแผน เพื่อให้ไปสู่จุดหมายของเรากันนะครับ
กระทู้ที่แล้ว ผมให้เพื่อนๆวางแผนการออมเงินตามช่วงระยะเวลา วันนี้ผมจะมาเสนอว่า แล้วตามช่วงเวลาดังกล่าว เราจะออมเงินแบบได้บ้างครับ
ก่อนอื่น ทุกคนต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า
" ผลตอบแทนจากการออมหรือการลงทุน จะแปรผันตามกับ ความเสี่ยงของการลงทุนหรือการออม " นะครับ
สรุปง่ายๆก็คือ ยิ่งอะไรที่ผลตอบแทนมาก โดยส่วนใหญ่จะมีความเสี่ยงสูง
แต่ก็ไม่ใช้ว่าเราจะลงทุนอะไรที่ผลตอบแทนสูงๆไม่ได้นะครับ เพราะ
"ความเสี่ยงจากการลงทุน ลดทอนลงได้ด้วย ระยะเวลาการลงทุน"
มีตัวอย่าง classic ของคนที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ และลงทุน แล้วขาดทุน และไปบอกใครต่อใคร ว่าไม่ดี เพียงเพราะเขาไม่เข้าใจดีเอง
ยกตัวอย่างง่ายๆครับ บางคนมีเงิน 1แสน ที่มีกำหนดเวลาใช้เงินในอีก 6 เดือนข้างหน้า
และไปฟัง คนอื่นแนะนำมาแบบไม่เข้าใจทั้งหมด และลงทุนตามคนอื่น โดยเอาเงินไปลงทุนใน น้ำมัน ทองคำ
เพียงเพราะมีคนบอกว่า ช่วงนี้ทองขึ้น น้ำมันขึ้น น่าเก็งกำไร โดยไม่ศึกษาข้อมูลดีพอก่อน พอลงไปแล้ว ถึงเวลาใช้เงิน ปรากฎว่าทอง และ น้ำมัน หุ้นตกรุนแรง ทำให้เขาคนนั้น ขาดทุน และ ขยาดกับการลงทุน และไปบอกกับใครต่อใครว่า อย่าไปลงเลย ขาดทุน โกหกทั้งนั้น
ทั้งที่จริง เหตุผลที่เขาขาดทุนเพราะ เขาไม่เข้าใจธรรมชาติการลงทุนใน ทอง และ น้ำมัน ว่ามันขึ้นลง รุนแรง ถ้าอยากจะลงทุนแล้วได้กำไร จะต้องลงทุนระยะยาวเท่านั้น
ตัวอย่างดังกล่าว มีให้เห็นบ่อย ผลจากการไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีพอ ไปฟังเขา และอยากได้ผลตอบแทนเยอะๆ โดยไม่ทันคิดให้รอบคอบนั้นเอง
สรุปง่ายๆอีกรอบนะครับ คือ
ถ้าระยะเวลาลงทุนเราน้อย ผลตอบแทนเรา อาจจะไม่เยอะมาก เท่ากับผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะเวลานานๆ
แต่มันก็ยังดีกว่าเราทิ้งเงินไว้เฉยๆนี่ครับ ใช่ไหมครับ
พูดถึงตรงนี้ ขอสรุปประเด็นก่อนว่า สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการออมเงินของเรา มีดังนี้
1. ระยะเวลาในการออมเงิน
2. การนำเงินไปลงทุนให้เหมาะสมกับระยะเวลาการลงทุน หรือการออม เช่น
- ฝากไว้เป็นค่าเทอมระยะสั้น อาจจะลงในตลาดเงิน ฝากในบัญชีออมทรัพย์ ซื้อสลากออมสืนเพื่อลุ้นรางวัล(6 เดือนถอนได้ไม่ขาดทุน แต่ได้ลุ้นรางวัล)
เงินส่วนนี้อาจจะได้ผลตอบแทนไม่เยอะ แต่ก็ยังดีกว่าทิ้งไว้เปล่าๆในบัญชี โดยไม่ใยดีกับมัน
- วางแผนใช้เงินระยะกลาง เช่น วางแผน 3 ปีจะไปเที่ยวเมืองนอก เราอาจจะขยับไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล อาจจะไปลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้น หรือซื้อ กองทุนรวมที่เป็น term fund หรือ กองทุนเปิด ที่ความเสี่ยงไม่สูงมาก เพื่อให้เงินก้อนนี้ได้ผลตอบแทนประมาณหนึ่ง ดีกว่าฝากทิ้งในบัญชีออมทรัพย์ เฉยๆ และเป็นการบังคับตัวเองด้วย เพราะเงินบางตัวเราจะไม่สามารถถอนได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขเรื่องระยะเวลา แต่ก็ไม่ได้เสี่ยงมากที่จะกระทบให้เงิน
เราหายไปไหนได้
- วางแผนใช้เงินระยะยาว เช่น เงินเกษียณ เงินส่วนนี้เราอาจจะไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอีกหน่อย เพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากหน่อย เพื่อให้ เงินเรางอกเงยเพียงพอ ที่จะทบต้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้มีมากพอจะใช้ยามเกษียณ
3. ความเสี่ยงในการออมเงิน เนื่องจากเราทุกคนมีความชอบ ความกลัว ไม่เหมือนกัน บางคนรับความเสี่ยงไม่ได้เลย เงินที่ฉันออมมาต้องอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ ก็ควรลงในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อย ส่วนบางคนกล้าได้กล้าเสีย เงินหายไม่เป็นไร แต่ถ้าได้กำไร 10% ก็คุ้มเสี่ยง ก็อาจจะมีตัวเลือกให้ลงทุนมากหน่อย
อ้าวแล้วอย่างนี้ฉันไม่กล้าเสี่ยง ฉันไม่มีสิทธิได้กำไรเยอะๆรึไง ถึงตรงนี้หลายคนคงมีคำถามนี้ในหัว
มีซิครับ มีทางให้ไปแต่นอน เราสามารถออมเงินให้เงินงอกเงยได้เหมือนกัน ถึงแม้เราจะเป็นคนกลัวเงินหาย ด้วยการ จัด port การออม หรือ จัด port การลงทุน
พูดเหมือนยาก แต่เชื่อไหมครับ ทุกคนทำได้ ผมจะสอนในเอง จริงๆนะ
แต่ขอทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ก่อนที่มันจะยาวเกินไปนะครับ
พบกัน part หน้าครับ