กสม. ชี้ คฝ. ใช้ความรุนแรงสกัดม็อบราษฎรหยุดเอเปค ละเมิดสิทธิชุมนุม จี้หาคนผิด
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7696229
กสม. ชี้ คฝ. ใช้ความรุนแรงสกัดกั้นม็อบราษฎรหยุดเอเปค 2022 เป็นการละเมิดสิทธิ จี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งสอบหา คฝ.ที่ใช้กำลัง-เครื่องมือที่นอกกรอบปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2566 นาย
วสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงการวินิจฉัยของ กสม. กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ใช้ความรุนแรงสกัดกั้นผู้ชุมนุม “
ราษฎรหยุด APEC 2022” ว่า กสม.ได้พิจารณากรณีที่มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า “
ราษฎรหยุด APEC 2022” กับ คฝ. บริเวณถนนดินสอ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2565 เป็นผลให้ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
จากการพิจารณา ข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า
1. เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองไว้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม
โดยตามกติกา ICCPR ฉบับที่ 37 แม้ผู้ชุมนุมบางกลุ่มหรือบางราย จะมีพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าใช้ความรุนแรง เช่น การสาดพริกและเกลือคั่วร้อนใส่เจ้าหน้าที่ หรือใช้ท่อนไม้ตีแขนเจ้าหน้าที่ คฝ. แต่ไม่ถึงกับเป็นพฤติการณ์ที่แพร่หลายในที่ชุมนุม จึงไม่อาจนำไปเหมารวมได้ว่า ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีเจตจำนงที่จะใช้ความรุนแรง อีกทั้งแกนนำและผู้ชุมนุมคนอื่นๆ ได้ห้ามปรามเป็นระยะ
จึงเห็นว่าการชุมนุมในภาพรวม เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ ถือเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพภายใต้กรอบหรือเงื่อนไขที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องเคารพและประกันการใช้เสรีภาพในการชุมนุมดังกล่าวด้วย
2. คฝ.มีการใช้กระบองและกระสุนยาง ซึ่งยิงผู้ชุมนุมโดยไม่เลือกเป้าหมายที่ชัดเจน และไม่แจ้งเตือนให้ผู้ชุมนุมทราบก่อน ทำให้ผู้เข้าร่วมการชุมนุมและบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับบาดเจ็บหลายราย และพบเจ้าหน้าที่ใช้วัตถุอื่นๆ ได้แก่ ขวดน้ำ ขวดแก้ว และท่อนไม้ ขว้างปาไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมหลายครั้ง ซึ่งไม่ใช่เครื่องมือควบคุมฝูงชนตามกฎหมาย ถือว่าไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และขัดต่อบทบัญญัติพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 ประกอบแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการใช้อาวุธที่มีความร้ายแรงต่ำในการบังคับใช้กฎหมาย
จึงเป็นการละเมิดต่อสิทธิในชีวิตและร่างกายของประชาชน ใช้กำลังเกินกว่าความจำเป็น เช่น การผลักจนล้มหรือการรุมเตะและชก ทั้งที่ผู้ถูกจับกุมบางรายมีท่าทีที่ยอมจำนนและไม่ขัดขืน และแม้บางรายจะแสดงอาการขัดขืนอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีอาวุธที่จะใช้ต่อต้าน จนถึงขนาดที่ผู้ถูกร้องจะต้องใช้กำลังเข้ารุมทำร้าย เป็นต้น อีกทั้ง คฝ. ปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากความระมัดระวัง ทำให้มีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บ มีการใช้กำลังทำร้ายและคุกคามสื่อให้ปฏิบัติตามคำสั่ง พยายามขัดขวางหรือปิดบังไม่ให้รายงานข่าวโดยไม่มีเหตุผลความจำเป็น
ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหน้าที่ของรัฐในการให้ความคุ้มครองความปลอดภัยแก่สื่อมวลชน อันเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และเสรีภาพในการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน ตามรัฐธรรมนูญและ กติกา ICCPR ฉบับที่ 37
ดังนั้น ที่ประชุม กสม.วันที่ 29 พ.ค.66 จึงมีมติเสนอแนะมาตรการป้องกัน แก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้เร่งรัดหาข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกรายที่รับผิดชอบในการออกคำสั่งและเจ้าหน้าที่ คฝ. ที่ใช้กำลังและเครื่องมือควบคุมฝูงชนโดยไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติที่กำหนด
ต้องติดตั้งกล้องพกพาที่ตัวเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากล สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ คฝ. ที่เกี่ยวข้องให้อำนวยความสะดวก ไม่แทรกแซงการชุมนุมที่เป็นไปโดยสงบ ไม่ห้าม จำกัด ขัดขวาง หรือรบกวนการชุมนุมโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ควรเน้นการลดความตึงเครียดของเหตุการณ์ไม่ให้นำไปสู่การใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย
หากมีสถานการณ์จำเป็นต้องใช้กำลังหรือเครื่องมือในการควบคุมดูแลการชุมนุม ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ระมัดระวังผลกระทบต่อผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และประชาสัมพันธ์หรือเปิดช่องทางยื่นคำขอให้มีการเยียวยาและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีได้รับความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ให้ ตร. กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการดูแลการชุมนุมสาธารณะ ให้สื่อสารและประสานงานกับผู้จัดการชุมนุม หรือผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจของฝ่ายผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้การบริหารจัดการชุมนุมเป็นไปอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ให้ผู้จัดการชุมนุมดูแลการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ กำชับและย้ำเตือนผู้ชุมนุมโดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้ระมัดระวังการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย งดเว้นการใช้ความรุนแรง การแสดงพฤติกรรมในลักษณะยั่วยุที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง หรือกระทำการในลักษณะที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นด้วย
หัวหน้า8พรรคร่วมนัดคุยอีก7มิย.นี้ ที่เพื่อไทย
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_560787/
“ประเสริฐ” นัดหัวหน้า8พรรคจัดตั้งรัฐบาล ถกความคืบหน้า 7 มิ.ย.นี้ ที่พรรคเพื่อไทย พร้อมติดตามคืบหน้าข้อเสนอคณะย่อยทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะทำงานชุดเล็ก 7 คณะที่ตั้งขึ้นตามมติ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลจะประชุมในวันที่ 6 มิ.ย.นี้
ที่ชั้น 7 พรรคเพื่อไทย เวลา 10:30 น. และจะแถลงข่าวเวลา 13:00 น. โดยวาระหลักๆคือพิจารณาต่อเนื่องจากที่ประชุมใหญ่ 8 พรรค ตามที่คณะทำงานประสานงาน เปลี่ยนผ่านรัฐบาล ได้มอบหมายภารกิจให้
และในวันประชุมดังกล่าวคณะทำงานแต่ละคณะทั้ง 7 คณะจะถกเพื่อนำข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ที่จะมีการประชุมกันพร้อมกับประชุมหัวหน้าพรรคการเมือง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลไทยวันที่ 7 มิ.ย.นี้ เวลา 10:30 น. เพื่อติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้ง ที่พรรคเพื่อไทย
ซึ่ง 7 คณะทำงานประกอบไปด้วย คณะทำงานที่ 1 : คณะทำงานด้านค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และราคาพลังงาน คณะทำงานที่ 2 : คณะทำงานด้านภัยแล้ง เอลนีโญ คณะทำงานที่ 3 : คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะทำงานที่ 4 : คณะทำงานด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คณะทำงานที่ 5 : คณะทำงานด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมและ PM2.5 คณะทำงานที่ 6 : คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง/และ SME คณะทำงานที่ 7 : คณะทำงานด้านการแก้ปัญหายาเสพติด
ก้าวไกล เย้ย กิตติศักดิ์-ธนกร-แรมโบ้ ยังทำใจไม่ได้ ลั่นนายกฯที่ดี ต้องฟังประชาชน
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7695988
ชัยธวัช ชี้ นายกฯต้นแบบ ต้องฟังเสียงประชาชน สวน ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ เป็นชนวนความขัดแย้ง เชื่อบ้านเมืองไม่ลุกเป็นไฟ เหน็บ ‘แรมโบ้’ ต้องยอบรับมติประชาชน
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2566 ที่พรรคก้าวไกล นาย
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นาย
ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุนายกรัฐมนตรีดี ให้ดู พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นต้นแบบ ว่า นายกฯ ที่ดีต้องฟังและยึดตามเสียงประชาชนเป็นหลัก
ส่วนที่นาย
กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบุถ้ายกมือโหวตให้ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งสรุปว่าเป็นความเห็นของส.ว.ส่วนใหญ่ เท่าที่ได้พูดคุยหารือกัน ส.ว.ส่วนใหญ่มีเจตนาที่ดี เห็นตรงกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นโอกาสที่จะออกจากความขัดแย้งเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา มากกว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้ง น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะเริ่มต้นปฏิรูปหลายๆ อย่างให้เป็นรูปธรรม ส.ว.หลายท่านอยากให้มีการปฏิรูป ไม่ว่าการปฏิรูประบบราชการ การกระจายอำนาจ การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น การศึกษา และปฏิรูประบบเศรษฐกิจ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวหาก นาย
พิธา ได้เป็นนายกฯ กลุ่มจงรักภักดีจากต่างจังหวัดเตรียมจะเข้ากรุงเทพฯ มองว่าเป็นการปลุกปั่นหรือไม่ นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า อาจจะเป็นมุมมองส่วนตัว พรรคก้าวไกลและส.ว.อีกหลายท่าน ไม่ได้มองแบบนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สิ่งที่สังคมไทยไม่อยากเห็น คือความขัดแย้งทางการเมืองแบบเดิมๆ การดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะเอาสถาบันมาปะทะ ส่วนจะเป็นการชี้นำหรือไม่ คิดว่าอาจเป็นความห่วงใย แต่มองว่าสถานการณ์ไม่น่าจะเดินไปแบบนั้น
ส่วนที่ นาย
จเด็จ อินสว่าง ส.ว. เสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า หลายท่านให้ความเห็นไปแล้ว ว่ารัฐบาลแห่งชาติไม่น่าจะเป็นหนทางในการยุติหรือแก้ไขความขัดแย้ง ในทางกลับกัน รัฐบาลแห่งชาติอาจจะกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งก็เป็นได้
เมื่อถามว่าการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล วันที่ 6 มิ.ย. จะพูดคุยเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องของคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ซึ่งหลังจากนี้ แกนนำพรรคจะพูดคุยถึงตำแหน่งประธานสภา จะมีความชัดเจนภายในเดือนมิ.ย. เป็นเรื่องภายในของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่จะคุยกัน
ส่วนนาย
ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรค และนาย
ธีรัจชัย พันธุมาศ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เข้าข่ายจะถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภาได้หรือไม่ นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า มีบุคลากรหลายท่านเหมาะสมอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ถูกร้องให้ตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวี ทาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกขอข้อมูลมาแล้วหรือยัง นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่มีขอมา เราก็รอกระบวนการนี้อยู่ คิดว่ากระบวนการน่าจะเริ่มหลังจาก กกต.รับรองส.ส.แล้ว เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่กังวล
เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุจากกรณีข้างต้น ได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยเพื่อเตรียมแผนสำรองไว้หรือไม่ นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มีการพูดคุยกัน คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา
ส่วนที่นาย
เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกฯ และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุอย่าฝันกลางวัน กรณี นาย
รังสิมันต์ โรม ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา เก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า การทำใจยอมรับมติของประชาชนเป็นทางออกที่ดีที่สุด จะทำให้ประเทศเดินหน้าอย่างราบรื่น เข้าใจว่านาย
เสกสกล อาจจะยังทำใจไม่ได้
JJNY : 5in1 กสม.ชี้คฝ.ใช้ความรุนแรง│นัดคุยเพื่อไทย│เย้ยกิตติศักดิ์-ธนกร-แรมโบ้│‘เสรีพิศุทธ์’ยกผลโหวต│ยุติขายเกมรัสเซีย
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7696229
กสม. ชี้ คฝ. ใช้ความรุนแรงสกัดกั้นม็อบราษฎรหยุดเอเปค 2022 เป็นการละเมิดสิทธิ จี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งสอบหา คฝ.ที่ใช้กำลัง-เครื่องมือที่นอกกรอบปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2566 นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงการวินิจฉัยของ กสม. กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ใช้ความรุนแรงสกัดกั้นผู้ชุมนุม “ราษฎรหยุด APEC 2022” ว่า กสม.ได้พิจารณากรณีที่มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า “ราษฎรหยุด APEC 2022” กับ คฝ. บริเวณถนนดินสอ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2565 เป็นผลให้ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
จากการพิจารณา ข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า
1. เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองไว้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม
โดยตามกติกา ICCPR ฉบับที่ 37 แม้ผู้ชุมนุมบางกลุ่มหรือบางราย จะมีพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าใช้ความรุนแรง เช่น การสาดพริกและเกลือคั่วร้อนใส่เจ้าหน้าที่ หรือใช้ท่อนไม้ตีแขนเจ้าหน้าที่ คฝ. แต่ไม่ถึงกับเป็นพฤติการณ์ที่แพร่หลายในที่ชุมนุม จึงไม่อาจนำไปเหมารวมได้ว่า ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีเจตจำนงที่จะใช้ความรุนแรง อีกทั้งแกนนำและผู้ชุมนุมคนอื่นๆ ได้ห้ามปรามเป็นระยะ
จึงเห็นว่าการชุมนุมในภาพรวม เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ ถือเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพภายใต้กรอบหรือเงื่อนไขที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องเคารพและประกันการใช้เสรีภาพในการชุมนุมดังกล่าวด้วย
2. คฝ.มีการใช้กระบองและกระสุนยาง ซึ่งยิงผู้ชุมนุมโดยไม่เลือกเป้าหมายที่ชัดเจน และไม่แจ้งเตือนให้ผู้ชุมนุมทราบก่อน ทำให้ผู้เข้าร่วมการชุมนุมและบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับบาดเจ็บหลายราย และพบเจ้าหน้าที่ใช้วัตถุอื่นๆ ได้แก่ ขวดน้ำ ขวดแก้ว และท่อนไม้ ขว้างปาไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมหลายครั้ง ซึ่งไม่ใช่เครื่องมือควบคุมฝูงชนตามกฎหมาย ถือว่าไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และขัดต่อบทบัญญัติพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 ประกอบแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการใช้อาวุธที่มีความร้ายแรงต่ำในการบังคับใช้กฎหมาย
จึงเป็นการละเมิดต่อสิทธิในชีวิตและร่างกายของประชาชน ใช้กำลังเกินกว่าความจำเป็น เช่น การผลักจนล้มหรือการรุมเตะและชก ทั้งที่ผู้ถูกจับกุมบางรายมีท่าทีที่ยอมจำนนและไม่ขัดขืน และแม้บางรายจะแสดงอาการขัดขืนอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีอาวุธที่จะใช้ต่อต้าน จนถึงขนาดที่ผู้ถูกร้องจะต้องใช้กำลังเข้ารุมทำร้าย เป็นต้น อีกทั้ง คฝ. ปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากความระมัดระวัง ทำให้มีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บ มีการใช้กำลังทำร้ายและคุกคามสื่อให้ปฏิบัติตามคำสั่ง พยายามขัดขวางหรือปิดบังไม่ให้รายงานข่าวโดยไม่มีเหตุผลความจำเป็น
ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อหน้าที่ของรัฐในการให้ความคุ้มครองความปลอดภัยแก่สื่อมวลชน อันเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และเสรีภาพในการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน ตามรัฐธรรมนูญและ กติกา ICCPR ฉบับที่ 37
ดังนั้น ที่ประชุม กสม.วันที่ 29 พ.ค.66 จึงมีมติเสนอแนะมาตรการป้องกัน แก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้เร่งรัดหาข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกรายที่รับผิดชอบในการออกคำสั่งและเจ้าหน้าที่ คฝ. ที่ใช้กำลังและเครื่องมือควบคุมฝูงชนโดยไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติที่กำหนด
ต้องติดตั้งกล้องพกพาที่ตัวเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากล สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ คฝ. ที่เกี่ยวข้องให้อำนวยความสะดวก ไม่แทรกแซงการชุมนุมที่เป็นไปโดยสงบ ไม่ห้าม จำกัด ขัดขวาง หรือรบกวนการชุมนุมโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ควรเน้นการลดความตึงเครียดของเหตุการณ์ไม่ให้นำไปสู่การใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย
หากมีสถานการณ์จำเป็นต้องใช้กำลังหรือเครื่องมือในการควบคุมดูแลการชุมนุม ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ระมัดระวังผลกระทบต่อผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และประชาสัมพันธ์หรือเปิดช่องทางยื่นคำขอให้มีการเยียวยาและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีได้รับความเสียหายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ให้ ตร. กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการดูแลการชุมนุมสาธารณะ ให้สื่อสารและประสานงานกับผู้จัดการชุมนุม หรือผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจของฝ่ายผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้การบริหารจัดการชุมนุมเป็นไปอย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ให้ผู้จัดการชุมนุมดูแลการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ กำชับและย้ำเตือนผู้ชุมนุมโดยเฉพาะผู้ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้ระมัดระวังการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย งดเว้นการใช้ความรุนแรง การแสดงพฤติกรรมในลักษณะยั่วยุที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง หรือกระทำการในลักษณะที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นด้วย
หัวหน้า8พรรคร่วมนัดคุยอีก7มิย.นี้ ที่เพื่อไทย
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_560787/
“ประเสริฐ” นัดหัวหน้า8พรรคจัดตั้งรัฐบาล ถกความคืบหน้า 7 มิ.ย.นี้ ที่พรรคเพื่อไทย พร้อมติดตามคืบหน้าข้อเสนอคณะย่อยทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะทำงานชุดเล็ก 7 คณะที่ตั้งขึ้นตามมติ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลจะประชุมในวันที่ 6 มิ.ย.นี้
ที่ชั้น 7 พรรคเพื่อไทย เวลา 10:30 น. และจะแถลงข่าวเวลา 13:00 น. โดยวาระหลักๆคือพิจารณาต่อเนื่องจากที่ประชุมใหญ่ 8 พรรค ตามที่คณะทำงานประสานงาน เปลี่ยนผ่านรัฐบาล ได้มอบหมายภารกิจให้
และในวันประชุมดังกล่าวคณะทำงานแต่ละคณะทั้ง 7 คณะจะถกเพื่อนำข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ที่จะมีการประชุมกันพร้อมกับประชุมหัวหน้าพรรคการเมือง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลไทยวันที่ 7 มิ.ย.นี้ เวลา 10:30 น. เพื่อติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้ง ที่พรรคเพื่อไทย
ซึ่ง 7 คณะทำงานประกอบไปด้วย คณะทำงานที่ 1 : คณะทำงานด้านค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และราคาพลังงาน คณะทำงานที่ 2 : คณะทำงานด้านภัยแล้ง เอลนีโญ คณะทำงานที่ 3 : คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะทำงานที่ 4 : คณะทำงานด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คณะทำงานที่ 5 : คณะทำงานด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมและ PM2.5 คณะทำงานที่ 6 : คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง/และ SME คณะทำงานที่ 7 : คณะทำงานด้านการแก้ปัญหายาเสพติด
ก้าวไกล เย้ย กิตติศักดิ์-ธนกร-แรมโบ้ ยังทำใจไม่ได้ ลั่นนายกฯที่ดี ต้องฟังประชาชน
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7695988
ชัยธวัช ชี้ นายกฯต้นแบบ ต้องฟังเสียงประชาชน สวน ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ เป็นชนวนความขัดแย้ง เชื่อบ้านเมืองไม่ลุกเป็นไฟ เหน็บ ‘แรมโบ้’ ต้องยอบรับมติประชาชน
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2566 ที่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุนายกรัฐมนตรีดี ให้ดู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นต้นแบบ ว่า นายกฯ ที่ดีต้องฟังและยึดตามเสียงประชาชนเป็นหลัก
ส่วนที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบุถ้ายกมือโหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งสรุปว่าเป็นความเห็นของส.ว.ส่วนใหญ่ เท่าที่ได้พูดคุยหารือกัน ส.ว.ส่วนใหญ่มีเจตนาที่ดี เห็นตรงกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นโอกาสที่จะออกจากความขัดแย้งเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา มากกว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้ง น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะเริ่มต้นปฏิรูปหลายๆ อย่างให้เป็นรูปธรรม ส.ว.หลายท่านอยากให้มีการปฏิรูป ไม่ว่าการปฏิรูประบบราชการ การกระจายอำนาจ การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น การศึกษา และปฏิรูประบบเศรษฐกิจ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวหาก นายพิธา ได้เป็นนายกฯ กลุ่มจงรักภักดีจากต่างจังหวัดเตรียมจะเข้ากรุงเทพฯ มองว่าเป็นการปลุกปั่นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า อาจจะเป็นมุมมองส่วนตัว พรรคก้าวไกลและส.ว.อีกหลายท่าน ไม่ได้มองแบบนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สิ่งที่สังคมไทยไม่อยากเห็น คือความขัดแย้งทางการเมืองแบบเดิมๆ การดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะเอาสถาบันมาปะทะ ส่วนจะเป็นการชี้นำหรือไม่ คิดว่าอาจเป็นความห่วงใย แต่มองว่าสถานการณ์ไม่น่าจะเดินไปแบบนั้น
ส่วนที่ นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. เสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นายชัยธวัช กล่าวว่า หลายท่านให้ความเห็นไปแล้ว ว่ารัฐบาลแห่งชาติไม่น่าจะเป็นหนทางในการยุติหรือแก้ไขความขัดแย้ง ในทางกลับกัน รัฐบาลแห่งชาติอาจจะกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งก็เป็นได้
เมื่อถามว่าการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล วันที่ 6 มิ.ย. จะพูดคุยเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องของคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ซึ่งหลังจากนี้ แกนนำพรรคจะพูดคุยถึงตำแหน่งประธานสภา จะมีความชัดเจนภายในเดือนมิ.ย. เป็นเรื่องภายในของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่จะคุยกัน
ส่วนนายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรค และนายธีรัจชัย พันธุมาศ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เข้าข่ายจะถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภาได้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า มีบุคลากรหลายท่านเหมาะสมอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ถูกร้องให้ตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวี ทาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกขอข้อมูลมาแล้วหรือยัง นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่มีขอมา เราก็รอกระบวนการนี้อยู่ คิดว่ากระบวนการน่าจะเริ่มหลังจาก กกต.รับรองส.ส.แล้ว เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่กังวล
เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุจากกรณีข้างต้น ได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทยเพื่อเตรียมแผนสำรองไว้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่มีการพูดคุยกัน คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา
ส่วนที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกฯ และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุอย่าฝันกลางวัน กรณี นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เก็บของออกจากทำเนียบรัฐบาล นายชัยธวัช กล่าวว่า การทำใจยอมรับมติของประชาชนเป็นทางออกที่ดีที่สุด จะทำให้ประเทศเดินหน้าอย่างราบรื่น เข้าใจว่านายเสกสกล อาจจะยังทำใจไม่ได้