ไม่รู้มีใครเหมือนเราไหมคือเราไม่อยากมีความรักไม่รู้ด้วยว่าเราผิดปกติหรือเปล่า
เราไม่อยากมีความรักเพราะเห็นแต่ละคู่ก็ไม่ได้รักกันจริงบางคู่แต่งงานกันแล้วนอกใจกันไปแอบมีใหม่ทั้งๆ ที่ก็มีคู่อยู่แล้วแต่ก็ไม่อยากเลิกกับคนเก่าอะไรแบบนี้เราบอกก่อนว่าเราไม่เข้าใจคนมีความรัก ไม่รู้ว่าถ้าแอบมีใหม่แล้วคิดว่าเขาดีกว่าคนที่คบอยู่ทำไมไม่เลิกกัน บางคู่ก็เอาแต่ทะเลาะกันมีเหมือนไม่มีมีครอบครัวไม่ทำมาหากิน บางคู่ก็บอกว่าเมียสบายเกินไปอยู่แต่บ้านเลี้ยงลูกกูหาให้กินอะไรพวกนี้แต่ละคนที่เห้นมาก็ไม่เห็นจะมีความสุขตรงไหนเลย
มันทำให้เราคิดว่าการมีความรักและการแต่งงานมันเหมือนภาระที่ทำให้เราเหนื่อยใจทั้งเจ็บปวด เในความคิอของเราคือเราจะไว้ใจและฝากชีวิตที้งชีวิตของเราให้กับผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้ที่เขาก็เป็นคนเหมือนกันเอาแน่เอานอนไม่ได้จะนอกใจเราไปมีใหม่หรือเปล่าก็ไม่รู้หรือจะมองว่าเราเป็นภาระหรือเปล่าหลังจากที่สร้างครอบครัวด้วยกัน
ต้องบอกก่อนว่าเราอายุ 23 แล้วไม่เคยมีแฟนหรือมีความรักเลยและเราก็ไม่เข้าใจความรักเลยสักนิดเราเป็นนักเขียนนิยายแต่ไม่เคยเขียนนิยายรักเพราะเราไม่เข้าใจความรักแถมอนาคตก็คิดว่าจะไม่มีความรักไม่มีแฟน ไม่อยากฝากชีวิตของตัวเองไว้กับคนอื่นไม่อยากเจอเรื่องพวกนั้นเหมือนที่คนอื่นเจอและเราไม่รู้ด้วยว่าเราผิดปกติหรือเปล่า
แม่เราเป็นแม่บ้านเคยทำงานมาก่อนแต่ก็ต้องลาออกเพื่อมาดูแลลูกเพราะพ่อเป็นคนบอกให้ลาออกเรามีพี่น้อง 4 คนเราเป็นคนโตด้วยความที่พ่อเป็นพวกหัวสมัยเก่าคิดว่าผู้หญิงต้องพูดจาหวานๆ เพื่อเอาใจผัวต้องทำอาหารเป็นและตัวเองเป็นผู้นำของครอบครัวมีสิทธิทุกอย่างใช้ว่าเขาไม่ดีแต่เราไม่ชอบความคิดนี่ที่ว่าเขาคิดถูกพูดถูกทุกอย่าง ตัวเองเป็นคนหาเงินเป็นผู้นำครอบครัวแต่พึ่งอะไรไม่ได้เลยเราอาจจะพูดเกินจริงไปหน่อยเพราะเราคิดว่าเราไม่ควรพึ่งพาใครแม้แต่ครอบครัวไม่รู้ด้วยว่าเราผิดปกติไหมแถมเขายังชอบพูดกับแม่ว่าแม่ขอเงินเขากินอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนบอกให้แม่ลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ทำงานบ้านทำกับข้าว
เวลาเพื่อนมีปัญหาเขาก็จะช่วยเหลือเสมอมันดูเหมือนดีใช่แต่ถ้าให้เลือกระหว่างช่วยเพื่อนกับเงินจ่ายค่าเทอมลูกคุณจะเลือกอะไร?
พ่อเราเลือกช่วยเพื่อนแม้ว่าตัวเองจะไม่มีกินยังไงถ้าคนอื่นมาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินหรือเรื่องอื่นๆ พอได้แล้วก็หายไปไม่หันกลับมาแต่ก็ยังจะช่วยๆ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเราอยู่ ม.6 แล้วต้องสอบเข้ามหาลัยเราเลยเรื่องที่จะซิวดีกว่าเพื่อหาเงินทำงานก่อนปีหนึ่งแต่พอทำงานเขาก็มักจะบอกว่าเราต้องใช้เงินอย่างนั้นอย่างนี้ต้องเอาไปใช้หนี้ต้องเอาไปซื้อของแต่เราคิดว่ายังไงเขาก็คือพ่อเราเลยให้เงินไปพอถึงเวลาสมัครมหาลัยเรามีเงินเก็บทั้งปีที่ทำงานมาได้แต่เก็บไม่เคยได้เลยประมาณหมื่นนิดๆ เอาไปจ่ายค่าเทอมและรายงานตัว
บ่นไปเรื่อย....
อันนี้ไม่ต้องอ่านก็ได้นะเราแค่มาระบายเฉยๆ
ตอนนี้เราอยู่ปีสามแล้วจะขึ้นปีสี่เงินทุกเทอมที่มีกินค่าหอที่เราจ่ายคือเงินที่เราต้องดิ้นเองยังดีที่มีเงิน กยศ จ่ายค่าเทอมให้แต่เราก็ต้องดิ้นเองอยู่ดีมันเหนื่อยนะต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย (เขียนนิยาย) แต่เงินค่านิยายที่ได้มามันก็ไม่แน่นอนอะเพราะเราไม่ได้เขียนแนวกระแสเราคิดว่าเราอยากจะเขียนแนวที่คนอ่านแล้วไม่เครียดเพราะการใช้ชีวิตในแต่ละวันมันก็เหนื่อยมากพอแล้ว
เราจึงคิดว่าขนาดพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเรายังฝากชีวิตกับเขาไม่ได้เลย(มันอาจจะดูรุนแรง) แต่เราเห็นแบบนี้บ่อยมากๆ บางครั้งก็อิจฉาครอบครัวคนอื่นที่พ่อแม่ส่งลูกไปเรียนมหาลัยดีๆ การศึกษาดีๆ ที่มันมีโอกาศให้เราก้าวไปข้างหน้าได้เราเลยคิดว่าถ้าอนาคตเรามีเงินเราก็อยากจะให้น้องของเราไม่ต้องเจอเหมือนเราอะต้องมาฝากชีวิตไว้กับอะไรก็ไม่รู้พ่อที่เก็บเงินไม่ได้เลยมีเท่าไรก็เอาไปซื้อของหมดค่าเทอมไม่มีจ่าย ค่ากินแต่ละวันก็ไม่มีให้ลูกไปโรงเรียนพอไปเรียนก็ไม่มีคอมหรือทำรายการในคอมอะไรก็ไม่ได้กลายเป็นว่าเพื่อนคนอื่นๆ พอรู้ว่าเราไม่มีอะไรเลยมันก็๋จะไม่เอาเราเข้ากลุ่มเพราะรู้ว่ายังไงมันก็ต้องทำเองอยู่ดีเวลาทำงานกลุ่มก็จะเป็นตัวเลือกสุดท้ายเสมอ
เราไม่อยากให้น้องเราเจอแบบนั้นอะ ไม่ต้องพึ่งเพื่อนที่ไม่เต็มใจอยากจะรับเราเข้ากลุ่มไม่ต้องยื่นคอมหรืองานอื่นๆ ที่พวกมันก็ชักสีหน้าตลอด
อาจเพราะแบบนี้เราเลยไม่เข้าใจความรักไม่ไว้ใจใครนอกจากไว้ใจตัวเอง
สมัยก่อนไปโรงเรียนถูกเพื่อนบูลลี่เป็นเทอมเพราะไม่ชอบหน้าที่เราวาดรูปเก่งเกินไปจนเด่นเกินหน้าเกินตาไม่มีใครคุยด้วยอยู่เป็นเทอมต้องทนอยู่ที่นั้นเป็นปียังดีที่แม่เข้าใจเลยย้ายโรงเรียนใหม่ให้ (โรงเรียนรัฐเหมือนเดิม) ขอดีของการย้ายโรงเรียนก็คือเราจะเจอเพื่อนใหม่สังคมใหม่และรู้จักคนอื่นมากขึ้น
เพราะงั้นเราเลยไม่รู้ว่าตัวเองผิดปกติไหมที่อยากอยู่คนเดียวไม่อยากแต่งงานหรือฝากชีวิตไว้กับคนอื่นไม่กล้าแม่แต่จะขอยืมปากกาจากเพื่อนในห้องเวลาจะยืมทีเราต้องมองว่าเขามีหรือเปล่าเพราะเราไม่อยากโดนปฏิเสธ
ระบายแค่นี้แหละขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
เราผิดปกติไหมที่ไม่อยากมีความรัก? (กระทู่ระบายความในใจและบ่นไปเรื่อยหาสาระไม่ได้) (-_-!)
เราไม่อยากมีความรักเพราะเห็นแต่ละคู่ก็ไม่ได้รักกันจริงบางคู่แต่งงานกันแล้วนอกใจกันไปแอบมีใหม่ทั้งๆ ที่ก็มีคู่อยู่แล้วแต่ก็ไม่อยากเลิกกับคนเก่าอะไรแบบนี้เราบอกก่อนว่าเราไม่เข้าใจคนมีความรัก ไม่รู้ว่าถ้าแอบมีใหม่แล้วคิดว่าเขาดีกว่าคนที่คบอยู่ทำไมไม่เลิกกัน บางคู่ก็เอาแต่ทะเลาะกันมีเหมือนไม่มีมีครอบครัวไม่ทำมาหากิน บางคู่ก็บอกว่าเมียสบายเกินไปอยู่แต่บ้านเลี้ยงลูกกูหาให้กินอะไรพวกนี้แต่ละคนที่เห้นมาก็ไม่เห็นจะมีความสุขตรงไหนเลย
มันทำให้เราคิดว่าการมีความรักและการแต่งงานมันเหมือนภาระที่ทำให้เราเหนื่อยใจทั้งเจ็บปวด เในความคิอของเราคือเราจะไว้ใจและฝากชีวิตที้งชีวิตของเราให้กับผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้ที่เขาก็เป็นคนเหมือนกันเอาแน่เอานอนไม่ได้จะนอกใจเราไปมีใหม่หรือเปล่าก็ไม่รู้หรือจะมองว่าเราเป็นภาระหรือเปล่าหลังจากที่สร้างครอบครัวด้วยกัน
ต้องบอกก่อนว่าเราอายุ 23 แล้วไม่เคยมีแฟนหรือมีความรักเลยและเราก็ไม่เข้าใจความรักเลยสักนิดเราเป็นนักเขียนนิยายแต่ไม่เคยเขียนนิยายรักเพราะเราไม่เข้าใจความรักแถมอนาคตก็คิดว่าจะไม่มีความรักไม่มีแฟน ไม่อยากฝากชีวิตของตัวเองไว้กับคนอื่นไม่อยากเจอเรื่องพวกนั้นเหมือนที่คนอื่นเจอและเราไม่รู้ด้วยว่าเราผิดปกติหรือเปล่า
แม่เราเป็นแม่บ้านเคยทำงานมาก่อนแต่ก็ต้องลาออกเพื่อมาดูแลลูกเพราะพ่อเป็นคนบอกให้ลาออกเรามีพี่น้อง 4 คนเราเป็นคนโตด้วยความที่พ่อเป็นพวกหัวสมัยเก่าคิดว่าผู้หญิงต้องพูดจาหวานๆ เพื่อเอาใจผัวต้องทำอาหารเป็นและตัวเองเป็นผู้นำของครอบครัวมีสิทธิทุกอย่างใช้ว่าเขาไม่ดีแต่เราไม่ชอบความคิดนี่ที่ว่าเขาคิดถูกพูดถูกทุกอย่าง ตัวเองเป็นคนหาเงินเป็นผู้นำครอบครัวแต่พึ่งอะไรไม่ได้เลยเราอาจจะพูดเกินจริงไปหน่อยเพราะเราคิดว่าเราไม่ควรพึ่งพาใครแม้แต่ครอบครัวไม่รู้ด้วยว่าเราผิดปกติไหมแถมเขายังชอบพูดกับแม่ว่าแม่ขอเงินเขากินอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนบอกให้แม่ลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ทำงานบ้านทำกับข้าว
เวลาเพื่อนมีปัญหาเขาก็จะช่วยเหลือเสมอมันดูเหมือนดีใช่แต่ถ้าให้เลือกระหว่างช่วยเพื่อนกับเงินจ่ายค่าเทอมลูกคุณจะเลือกอะไร?
พ่อเราเลือกช่วยเพื่อนแม้ว่าตัวเองจะไม่มีกินยังไงถ้าคนอื่นมาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินหรือเรื่องอื่นๆ พอได้แล้วก็หายไปไม่หันกลับมาแต่ก็ยังจะช่วยๆ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเราอยู่ ม.6 แล้วต้องสอบเข้ามหาลัยเราเลยเรื่องที่จะซิวดีกว่าเพื่อหาเงินทำงานก่อนปีหนึ่งแต่พอทำงานเขาก็มักจะบอกว่าเราต้องใช้เงินอย่างนั้นอย่างนี้ต้องเอาไปใช้หนี้ต้องเอาไปซื้อของแต่เราคิดว่ายังไงเขาก็คือพ่อเราเลยให้เงินไปพอถึงเวลาสมัครมหาลัยเรามีเงินเก็บทั้งปีที่ทำงานมาได้แต่เก็บไม่เคยได้เลยประมาณหมื่นนิดๆ เอาไปจ่ายค่าเทอมและรายงานตัว
บ่นไปเรื่อย....
อันนี้ไม่ต้องอ่านก็ได้นะเราแค่มาระบายเฉยๆ
ตอนนี้เราอยู่ปีสามแล้วจะขึ้นปีสี่เงินทุกเทอมที่มีกินค่าหอที่เราจ่ายคือเงินที่เราต้องดิ้นเองยังดีที่มีเงิน กยศ จ่ายค่าเทอมให้แต่เราก็ต้องดิ้นเองอยู่ดีมันเหนื่อยนะต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย (เขียนนิยาย) แต่เงินค่านิยายที่ได้มามันก็ไม่แน่นอนอะเพราะเราไม่ได้เขียนแนวกระแสเราคิดว่าเราอยากจะเขียนแนวที่คนอ่านแล้วไม่เครียดเพราะการใช้ชีวิตในแต่ละวันมันก็เหนื่อยมากพอแล้ว
เราจึงคิดว่าขนาดพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเรายังฝากชีวิตกับเขาไม่ได้เลย(มันอาจจะดูรุนแรง) แต่เราเห็นแบบนี้บ่อยมากๆ บางครั้งก็อิจฉาครอบครัวคนอื่นที่พ่อแม่ส่งลูกไปเรียนมหาลัยดีๆ การศึกษาดีๆ ที่มันมีโอกาศให้เราก้าวไปข้างหน้าได้เราเลยคิดว่าถ้าอนาคตเรามีเงินเราก็อยากจะให้น้องของเราไม่ต้องเจอเหมือนเราอะต้องมาฝากชีวิตไว้กับอะไรก็ไม่รู้พ่อที่เก็บเงินไม่ได้เลยมีเท่าไรก็เอาไปซื้อของหมดค่าเทอมไม่มีจ่าย ค่ากินแต่ละวันก็ไม่มีให้ลูกไปโรงเรียนพอไปเรียนก็ไม่มีคอมหรือทำรายการในคอมอะไรก็ไม่ได้กลายเป็นว่าเพื่อนคนอื่นๆ พอรู้ว่าเราไม่มีอะไรเลยมันก็๋จะไม่เอาเราเข้ากลุ่มเพราะรู้ว่ายังไงมันก็ต้องทำเองอยู่ดีเวลาทำงานกลุ่มก็จะเป็นตัวเลือกสุดท้ายเสมอ
เราไม่อยากให้น้องเราเจอแบบนั้นอะ ไม่ต้องพึ่งเพื่อนที่ไม่เต็มใจอยากจะรับเราเข้ากลุ่มไม่ต้องยื่นคอมหรืองานอื่นๆ ที่พวกมันก็ชักสีหน้าตลอด
อาจเพราะแบบนี้เราเลยไม่เข้าใจความรักไม่ไว้ใจใครนอกจากไว้ใจตัวเอง
สมัยก่อนไปโรงเรียนถูกเพื่อนบูลลี่เป็นเทอมเพราะไม่ชอบหน้าที่เราวาดรูปเก่งเกินไปจนเด่นเกินหน้าเกินตาไม่มีใครคุยด้วยอยู่เป็นเทอมต้องทนอยู่ที่นั้นเป็นปียังดีที่แม่เข้าใจเลยย้ายโรงเรียนใหม่ให้ (โรงเรียนรัฐเหมือนเดิม) ขอดีของการย้ายโรงเรียนก็คือเราจะเจอเพื่อนใหม่สังคมใหม่และรู้จักคนอื่นมากขึ้น
เพราะงั้นเราเลยไม่รู้ว่าตัวเองผิดปกติไหมที่อยากอยู่คนเดียวไม่อยากแต่งงานหรือฝากชีวิตไว้กับคนอื่นไม่กล้าแม่แต่จะขอยืมปากกาจากเพื่อนในห้องเวลาจะยืมทีเราต้องมองว่าเขามีหรือเปล่าเพราะเราไม่อยากโดนปฏิเสธ
ระบายแค่นี้แหละขอบคุณที่เข้ามาอ่าน