อวตาร หมายถึง การที่เทพเจ้าฮินดูแบ่งภาคมาเกิดบนโลกมนุษย์ โดยเทพแบ่งพลังงานส่วนหนึ่งลงมาเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์ เพื่อทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ผมสงสัยอวตารของพระแม่อุมาหรือปารวตี นั่นก็คือพระแม่มีนากษีอวตารของพระแม่อุมา ซึ่งตำนานมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งฤๅษีอคัสตยะประกอบพิธีบูชาพระศิวะและพระแม่ปารวตี เมื่อทั้งสองพระองค์ทราบถึงการประกอบพิธีบูชาของฤๅษีอคัสตยะ จึงทรงเสด็จลงมาหาและทรงให้พรแก่ฤๅษีอคัสตยะ ฤๅษีอคัสตยะจึงขอให้พระศิวะและพระแม่ปารวตีทรงฟ้อนรำด้วยกัน ทั้งสองพระองค์จึงทำตามคำขอของฤๅษีอคัสตยะ แต่ระหว่างการฟ้อนรำนั้น พระแม่ปารวตีทรงทำต่างหูหลุดออกจากพระกรรณขณะทรงฟ้อนรำ พระศิวะทรงไม่อยากหยุดฟ้อนรำจึงใช้พระบาทหยิบต่างหูของพระแม่ปารวตีขึ้นมาเหน็บไว้ที่พระกรรณของพระองค์ เมื่อพระแม่ปราวตีทรงเห็นเช่นนั้นก็ทรงพิโรธที่พระศิวะหยามพระนางโดยการเอาพระบาทหยิบต่างหูของพระนาง พระแม่ปารวตีจึงทรงต่อว่าพระศิวะด้วยถ้อยคำอันรุนแรง เมื่อพระศิวะทรงได้ยินเช่นนั้นก็ทรงพิโรธและสาปให้พระแม่ปารวตีต้องกลับไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง หลังจากพระศิวะทรงสาปพระแม่ปารวตี พระนางทรงเศร้าพระทัยเป็นอันมาก จึงทรงลงมาจุติเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์แห่งนครปาณฑิยัน โดยการนำพาของพระวิษณุ ผู้มีศักดิ์เป็นพระเชษฐาของพระนาง พระแม่มีนากษีทรงยกเลิกธรรมเนียมที่ฝ่ายหญิงต้องนำของหมั้นไปให้แก่ฝ่ายชาย และทรงยกเลิกพิธีการบูชาพระอินทร์ โดยพระนางกล่าวว่า การบูชาพระอินทร์ไม่ได้สร้างความเจริญอะไรเลย ฝ่ายพระอินทร์เมื่อทรงรับรู้และพิโรธเป็นอย่างมาก ได้ส่งกองทัพเทวดามาสร้างความวุ่ยวายในนครปาณฑิยัน แต่พระศิวะทรงทราบเสียก่อนจึงทรงแปลงองค์เป็นบุรุษมาช่วยพระแม่มีนากษีจนได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นพระแม่มีนากษียกทัพขึ้นไปบนนครอมรวดีของพระอินทร์ เมื่อเหล่าเทวดาทราบก็หนีกันอลหม่าน ฝ่ายพระอินทร์จึงหนีไปเขาไกรลาสเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระศิวะ เมื่อพระแม่มีนากษีทราบข่าวจากนารทมุนี จึงออกติดตามไปยังเขาไกรลาส แต่โคนนทิออกมาห้ามไว้ จึงถูกพระแม่มีนากษีทำร้ายจนสาหัส ร้อนถึงพระศิวะจึงทรงออกมาพบกับพระแม่มีนากษี เมื่อพระแม่มีนากษีทรงพบพระศิวะก็ทรงตกหลุมรักในทันทีและทำให้พระถันที่สามของพระนางหายไป คำสาปของพระศิวะได้หมดสิ้นไป และทรงได้วิวาห์กับพระศิวะอีกครั้งในรูปพระสุนทเรศวร ในวันที่พระศิวะทรงวิวาห์กับพระแม่มีนากษีนั้นได้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เรียกกันเรียกว่า "วันมีนากษีกัลยาณัม" พระศิวะในรูปพระสุนทเรศวรและพระแม่มีนากษีทรงปกครองนครปาณฑิยันเรื่อยมา จนกระทั่งทรงมีพระโอรสด้วยกันนามว่า "พระศรีรุทรปาณฑิยัน" ซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์ของชาวทมิฬ หลังจากพระศรีรุทรปาณฑิยันเป็นกษัตริย์แห่งทมิฬแล้ว พระศิวะในรูปพระสุนทเรศวรกับพระแม่มีนากษีจึงทรงกลับสู่เขาไกรลาสและพระแม่มีนากษีทรงได้กลับเป็นพระแม่ปารวตีในที่สุด
จากเหตุการณ์นี้ผมสงสัยว่า คำว่า อวตาร คือ การแบ่งภาคมาเป็นอีกร่างนึงในโลกมนุษย์ไม่ใช่หรือครับ?? แต่ทำไมพระแม่มีนากษีซึ่งเป็นอวตารของพระแม่ปารวตีกลับบอกว่า พระนางกลับไปเกิดเป็นลูกสาวของกษัตริย์แห่งนครปาณฑิยัน และภายหลังทั้งพระศิวะในรูปพระสุนทรเรศวรกับพระแม่ปารวตีในรูปพระแม่มีนากษีกลับสู่เขาไกรลาส และเปลี่ยนเป็นรูปเดิมคือพระศิวะกับพระแม่ปารวตี
สงสัยคำว่า อวตาร ครับ
จากเหตุการณ์นี้ผมสงสัยว่า คำว่า อวตาร คือ การแบ่งภาคมาเป็นอีกร่างนึงในโลกมนุษย์ไม่ใช่หรือครับ?? แต่ทำไมพระแม่มีนากษีซึ่งเป็นอวตารของพระแม่ปารวตีกลับบอกว่า พระนางกลับไปเกิดเป็นลูกสาวของกษัตริย์แห่งนครปาณฑิยัน และภายหลังทั้งพระศิวะในรูปพระสุนทรเรศวรกับพระแม่ปารวตีในรูปพระแม่มีนากษีกลับสู่เขาไกรลาส และเปลี่ยนเป็นรูปเดิมคือพระศิวะกับพระแม่ปารวตี