พอดีทริปนี้ได้เดินทางไป Kamikochi จากทางฝั่ง Takayama และทาง Matsumoto ทั้ง 2 ฝั่งในทริปเดียวกัน เลยขอเอาข้อมูลและความเห็นส่วนตัวมาแชร์ เผื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่หาข้อมูลค่ะ
ตอนวางแผนเพื่อจะไป Kamikochi ทำให้ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า สามารถเดินทางแบบไม่ไกลได้จาก 2 เมืองคือเมือง Takayama และเมือง Matsumoto โดยไม่สามารถขับรถส่วนตัวไปถึงได้ต้องใช้ Bus หรือ Taxi เท่านั้น
อ้างอิงข้อมูลการเดินทางไป Kamikochi ด้วยการเดินทางแบบต่างๆ
https://www.kamikochi.org/plan/access
ขอเกริ่นก่อนว่า ตอนวางแผนเราก็ลังเลว่าจะเลือกทางไหนดี แล้วเราก็ตัดสินใจวางแผนทาง Takayama แล้วไป Kamikochi เพื่อจะไปเที่ยวตาม Pass แบบตามเข็มนาฬิกา [ Nagoya > Takayama > Kamikochi > Shin Hotaka Ropeway > Hida Furukawa > Toyama > กำแพงหิมะ > Matsumoto > Magome-Juku > Nagoya ]
จึงวางแผน ไป Kamikochi แล้วคืนนั้นจะไปพักที่โรงแรม Hotel Hotaka ใต้สถานี Shin Hotaka Ropeway แต่บังเอิญช่วงที่ไป Ropeway ปิด ซึ่งเราจองที่พักตั้งแต่ปลายปี 65 พอถึง เดือนเม.ย.ปี 66 ค่อยมาประกาศว่าปิดซ่อมบำรุงยาวหลายเดือน T_T ประกอบกับคอยดูพยากรณ์เห็นว่าวันที่ไปฝนจะตก เลยบอกสมาชิกในกลุ่มว่าจะขอมีแผนสำรองเปลี่ยนแผนมาซ่อมได้ไหม เพราะยกเลิกไม่ไปแถวนั้นไม่ได้ จองที่พักไปแล้วคืนเงินไม่ได้และเป็นที่พักแพงสุดในทริปคืนละหมื่นกว่าบาท (ที่พักออนเซ็น พร้อมอาหาร 2 มือ มื้อเย็นไคเซกิเนื้อฮิดะ) และจากพยากรณ์จะมีวันมีแดดบ้างในช่วงเช้าอีก 2 วันซึ่งตรงกับวันที่ตามแผนจะไปพักเมือง Matsumoto หลังจากไปลงจากกำแพงหิมะ จึงขอตัดทริป Magome-Juku ทิ้งไปเพราะอยากไป Kamikochi มากกว่า และจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกคนละประมาณ 1,400 บาท จากแผน ซึ่งเพื่อนร่วมทีมก็โอเค
แต่เมื่อถึงวันที่ 22 พ.ค. ถึงพยากรณ์อากาศว่าจะมีฝนตกในช่วงบ่าย เราก็ต้องไปเที่ยวตามแผนเดิมก่อนเผื่อโอเคจะไม่ได้ต้องซ่อมแผน ถ้าฝนตกค่อยไปโรงแรมไวขึ้นไปแช่ออนเซ็นแทน
แต่เช้าเราออกจากโรงแรมเพื่อไปส่งกระเป๋าไป Nagoya ตอน 6.00 ตอนแรกว่าจะส่งที่แฟมิลี่มาร์ท หน้าสถานีบัส Takayama แต่พนักงานสื่อสารไม่ได้เลย และทำเรางงมาก จับใจความจากแอพแปลภาษาได้ว่าให้เขียนที่อยู่ส่งเป็นภาษาญี่ปุ่น (ฮ่วยยใครจะเขียนได้ อ่านรีวิวมาเขาก็เขียน Eng กันได้) ยึกยักสักพักใหญ่ คนเข้าร้านเริ่มเยอะ จน 6.30 พนักงานเลยสื่อสารจับใจความว่าให้ไป 7-11 ที่เดินประมาณ 5 นาที พวกเราเลยรีบลากกระเป๋าเพราะจะต้องไปซื้อพาสรถบัสที่เคาน์เตอร์ และขึ้นรถให้ทันรอบ 7.00 น. เมื่อไปถึง 7-11 คุณป้าพนักงานที่สูงวัยกว่าพนักงานหนุ่มในแฟมิลี่มาร์ท แต่สามารถสื่อสารได้ดีกว่าพอเข้าใจได้และช่วยเราจัดการส่งกระเป๋าได้อย่างไม่มีปัญหา สามารถใช้ใบแปะหน้าอันเดิมที่เราเขียนไว้จากร้านเก่าโดยไม่ต้องเขียนใหม่ทำให้เรากลับมาขึ้นรถบัสทันรอบ 7.00 น.
สำหรับการเดินทางจาก Takayama ไป Kamikochi จะเดินทางโดย Nohi Bus โดยต้องไปเปลี่ยน สายรถที่ Hirayu onsen โดยไม่ต้องจองที่นั่ง รอบที่เราไป เช้าสุดคือ 7.00 น. ก็มีคนพอประมาณ ที่รอต่อแถวที่ชานชาลา ถ้าจำไม่ผิดคือหมายเลข 5 มีข้อความบอกชัดเจนเป็นภาษาอังกฤษ ไป Hirayu/ Shin Hotaka ป้ายชานชาลารอขึ้นรถชัดเจนมีภาษาอังกฤษไม่สับสน ถ้ามีกระเป๋าใบใหญ่สามารถนำไว้ใต้ท้องรถได้
สามารถซื้อตั๋วแล้วรอขึ้นรถได้เลย แต่ด้วยความที่เราจะไปพักที่ Shin Hotaka Ropeway เราเลยซื้อพาส 4400 เยน สำหรับใช้ 2 วัน ระหว่าง Takayama - Shin Hotaka Ropeway เวลาขึ้นลงรถแค่โชว์ให้คนขับดู ซึ่งถ้าจะซื้อผ่านเคาเตอร์ที่สถานี Takayama ไม่สามารถซื้อล่วงหน้าได้ ให้ไปซื้อวันที่จะเดินทางเลย
อ้างอิงข้อมูลรอบรถบัสจาก Takayama เราไปรอบแรก 7.00 น.
https://www.nouhibus.co.jp/route_bus/shinhotaka-line-en/
รถบัสขับไป Hirayu ประมาณ 1 ชั่วโมง ตามข้างทางก็เป็นวิวชนบท สลับเขาทางคดเคี้ยวพอประมาณ ตอนเราไปบรรยากาศมีหมอกลอยตามยอดไม้ยามเช้าบรรยากาศดูดีมากนั่งมองเพลินไม่ได้หลับเลย
พอเกือบๆ 8 โมงก็ถึง Hirayu onsen ซึ่งคนส่วนมากก็จะลงที่นี่ ถ้าหากไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่มก็เปลี่ยนคันรถเพื่อไป Kamikochi ได้เลย แต่เวลาค่อนข้างกระชั้นมาก มีเวลาประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น เพราะรถออก 8.00 น. แต่คนที่ลงพร้อมเราบางส่วนก็เปลี่ยนคันทันอยู่นะ
พอถึง Hirayu Onsen ฟ้าก็ครึ้มฝนเลยเชียว
เรามีสัมภาระ เลยต้องไปหาตู้ Locker ฝากเป้ที่จะพักคืนนี้ ซึ่งที่สถานี Hirayu onsen ก็มีตู้ล็อกเกอร์มีทั้งไซส์ใหญ่และเล็กค่อนข้างเยอะพอควร หลังจากนั้นเราเข้าไปห้องขายตั๋วเพื่อไปซื้อตั๋วไป Kamikochi ไปกลับ ราคาคนละ 2,360 เยน จะได้ตั๋วมา 2 ใบติดกันตอนขึ้นรถจะฉีกใบนึงอีกใบเก็บไว้สำหรับขากลับให้ดี
รูปจากอินเตอร์เน็ต ล็อคเกอร์ใบกลาง-เล็กอยู่ด้านหลัง ใบใหญ่อยู่ด้านหน้า (เราเพิ่งมาเห็นตอนเก็บเสร็จแล้วไม่งั้นจะรวมกับน้องๆในกลุ่มจะได้ประหยัดเงิน)
เราขึ้นรถจาก Hirayu Onsen ไป Kamikochi รอบ 8.30 น. โดยนั่งรอที่แถวๆชานชาลาซึ่งมีป้ายภาษาอังกฤษชัดเจน มีตารางรอบรถแปะบอกไว้ รอรถได้ไม่สับสน จำไม่ผิดน่าจะชานชาลาเบอร์ 1 นั่งรถประมาณ 30 นาที ก็ถึง Kamikochi แต่เราลงก่อนเพื่อเดินต่อในเส้นทางตามธรรมชาติที่ป้าย Taishoike
ฟ้าปิด ลมแรง หนาวมาก แต่ขาวมองอะไรไกลๆแทบไม่เห็นเลย
ด้วยฟ้าครึ้ม จนมองไม่เห็นยอดเขา เมื่อมาถึงสะพานกัปปะ เราจึงได้ตัดสินใจว่าเอาล่ะเราจะต้องมาซ่อมแน่ๆ อีกครั้งในวันที่ 25 พ.ค. จึงต้องหาข้อมูลต่างๆและเตรียมจองตั๋ว ซึ่งจากเว็บพยากรณ์อากาศที่เราดูทั้งหมดบอกว่าวันนั้นจะไม่มีฝน บางเว็บบอกมีแดดในตอนเช้า บางเว็บบอกมีแดดทั้งวัน บางเว็บบอกมีเมฆมาก จากที่เคยหาข้อมูลมาเบื้องต้นมา ถ้ามาทาง Matsumoto จะมีจองที่นั่ง เราเลยจัดการดูรอบรถบัส หารอบที่นั่งรถบัสตรงไม่ต้องเปลี่ยนสาย
บันทึกการเดินทางไป Kamikochi จากทาง Takayama และทาง Matsumoto ในทริปเดียวกัน
ตอนวางแผนเพื่อจะไป Kamikochi ทำให้ได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า สามารถเดินทางแบบไม่ไกลได้จาก 2 เมืองคือเมือง Takayama และเมือง Matsumoto โดยไม่สามารถขับรถส่วนตัวไปถึงได้ต้องใช้ Bus หรือ Taxi เท่านั้น
อ้างอิงข้อมูลการเดินทางไป Kamikochi ด้วยการเดินทางแบบต่างๆ
https://www.kamikochi.org/plan/access
ขอเกริ่นก่อนว่า ตอนวางแผนเราก็ลังเลว่าจะเลือกทางไหนดี แล้วเราก็ตัดสินใจวางแผนทาง Takayama แล้วไป Kamikochi เพื่อจะไปเที่ยวตาม Pass แบบตามเข็มนาฬิกา [ Nagoya > Takayama > Kamikochi > Shin Hotaka Ropeway > Hida Furukawa > Toyama > กำแพงหิมะ > Matsumoto > Magome-Juku > Nagoya ]
จึงวางแผน ไป Kamikochi แล้วคืนนั้นจะไปพักที่โรงแรม Hotel Hotaka ใต้สถานี Shin Hotaka Ropeway แต่บังเอิญช่วงที่ไป Ropeway ปิด ซึ่งเราจองที่พักตั้งแต่ปลายปี 65 พอถึง เดือนเม.ย.ปี 66 ค่อยมาประกาศว่าปิดซ่อมบำรุงยาวหลายเดือน T_T ประกอบกับคอยดูพยากรณ์เห็นว่าวันที่ไปฝนจะตก เลยบอกสมาชิกในกลุ่มว่าจะขอมีแผนสำรองเปลี่ยนแผนมาซ่อมได้ไหม เพราะยกเลิกไม่ไปแถวนั้นไม่ได้ จองที่พักไปแล้วคืนเงินไม่ได้และเป็นที่พักแพงสุดในทริปคืนละหมื่นกว่าบาท (ที่พักออนเซ็น พร้อมอาหาร 2 มือ มื้อเย็นไคเซกิเนื้อฮิดะ) และจากพยากรณ์จะมีวันมีแดดบ้างในช่วงเช้าอีก 2 วันซึ่งตรงกับวันที่ตามแผนจะไปพักเมือง Matsumoto หลังจากไปลงจากกำแพงหิมะ จึงขอตัดทริป Magome-Juku ทิ้งไปเพราะอยากไป Kamikochi มากกว่า และจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกคนละประมาณ 1,400 บาท จากแผน ซึ่งเพื่อนร่วมทีมก็โอเค
แต่เมื่อถึงวันที่ 22 พ.ค. ถึงพยากรณ์อากาศว่าจะมีฝนตกในช่วงบ่าย เราก็ต้องไปเที่ยวตามแผนเดิมก่อนเผื่อโอเคจะไม่ได้ต้องซ่อมแผน ถ้าฝนตกค่อยไปโรงแรมไวขึ้นไปแช่ออนเซ็นแทน
แต่เช้าเราออกจากโรงแรมเพื่อไปส่งกระเป๋าไป Nagoya ตอน 6.00 ตอนแรกว่าจะส่งที่แฟมิลี่มาร์ท หน้าสถานีบัส Takayama แต่พนักงานสื่อสารไม่ได้เลย และทำเรางงมาก จับใจความจากแอพแปลภาษาได้ว่าให้เขียนที่อยู่ส่งเป็นภาษาญี่ปุ่น (ฮ่วยยใครจะเขียนได้ อ่านรีวิวมาเขาก็เขียน Eng กันได้) ยึกยักสักพักใหญ่ คนเข้าร้านเริ่มเยอะ จน 6.30 พนักงานเลยสื่อสารจับใจความว่าให้ไป 7-11 ที่เดินประมาณ 5 นาที พวกเราเลยรีบลากกระเป๋าเพราะจะต้องไปซื้อพาสรถบัสที่เคาน์เตอร์ และขึ้นรถให้ทันรอบ 7.00 น. เมื่อไปถึง 7-11 คุณป้าพนักงานที่สูงวัยกว่าพนักงานหนุ่มในแฟมิลี่มาร์ท แต่สามารถสื่อสารได้ดีกว่าพอเข้าใจได้และช่วยเราจัดการส่งกระเป๋าได้อย่างไม่มีปัญหา สามารถใช้ใบแปะหน้าอันเดิมที่เราเขียนไว้จากร้านเก่าโดยไม่ต้องเขียนใหม่ทำให้เรากลับมาขึ้นรถบัสทันรอบ 7.00 น.
สำหรับการเดินทางจาก Takayama ไป Kamikochi จะเดินทางโดย Nohi Bus โดยต้องไปเปลี่ยน สายรถที่ Hirayu onsen โดยไม่ต้องจองที่นั่ง รอบที่เราไป เช้าสุดคือ 7.00 น. ก็มีคนพอประมาณ ที่รอต่อแถวที่ชานชาลา ถ้าจำไม่ผิดคือหมายเลข 5 มีข้อความบอกชัดเจนเป็นภาษาอังกฤษ ไป Hirayu/ Shin Hotaka ป้ายชานชาลารอขึ้นรถชัดเจนมีภาษาอังกฤษไม่สับสน ถ้ามีกระเป๋าใบใหญ่สามารถนำไว้ใต้ท้องรถได้
สามารถซื้อตั๋วแล้วรอขึ้นรถได้เลย แต่ด้วยความที่เราจะไปพักที่ Shin Hotaka Ropeway เราเลยซื้อพาส 4400 เยน สำหรับใช้ 2 วัน ระหว่าง Takayama - Shin Hotaka Ropeway เวลาขึ้นลงรถแค่โชว์ให้คนขับดู ซึ่งถ้าจะซื้อผ่านเคาเตอร์ที่สถานี Takayama ไม่สามารถซื้อล่วงหน้าได้ ให้ไปซื้อวันที่จะเดินทางเลย
อ้างอิงข้อมูลรอบรถบัสจาก Takayama เราไปรอบแรก 7.00 น.
https://www.nouhibus.co.jp/route_bus/shinhotaka-line-en/
รถบัสขับไป Hirayu ประมาณ 1 ชั่วโมง ตามข้างทางก็เป็นวิวชนบท สลับเขาทางคดเคี้ยวพอประมาณ ตอนเราไปบรรยากาศมีหมอกลอยตามยอดไม้ยามเช้าบรรยากาศดูดีมากนั่งมองเพลินไม่ได้หลับเลย
พอเกือบๆ 8 โมงก็ถึง Hirayu onsen ซึ่งคนส่วนมากก็จะลงที่นี่ ถ้าหากไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่มก็เปลี่ยนคันรถเพื่อไป Kamikochi ได้เลย แต่เวลาค่อนข้างกระชั้นมาก มีเวลาประมาณ 2-3 นาทีเท่านั้น เพราะรถออก 8.00 น. แต่คนที่ลงพร้อมเราบางส่วนก็เปลี่ยนคันทันอยู่นะ
พอถึง Hirayu Onsen ฟ้าก็ครึ้มฝนเลยเชียว
เรามีสัมภาระ เลยต้องไปหาตู้ Locker ฝากเป้ที่จะพักคืนนี้ ซึ่งที่สถานี Hirayu onsen ก็มีตู้ล็อกเกอร์มีทั้งไซส์ใหญ่และเล็กค่อนข้างเยอะพอควร หลังจากนั้นเราเข้าไปห้องขายตั๋วเพื่อไปซื้อตั๋วไป Kamikochi ไปกลับ ราคาคนละ 2,360 เยน จะได้ตั๋วมา 2 ใบติดกันตอนขึ้นรถจะฉีกใบนึงอีกใบเก็บไว้สำหรับขากลับให้ดี
รูปจากอินเตอร์เน็ต ล็อคเกอร์ใบกลาง-เล็กอยู่ด้านหลัง ใบใหญ่อยู่ด้านหน้า (เราเพิ่งมาเห็นตอนเก็บเสร็จแล้วไม่งั้นจะรวมกับน้องๆในกลุ่มจะได้ประหยัดเงิน)
เราขึ้นรถจาก Hirayu Onsen ไป Kamikochi รอบ 8.30 น. โดยนั่งรอที่แถวๆชานชาลาซึ่งมีป้ายภาษาอังกฤษชัดเจน มีตารางรอบรถแปะบอกไว้ รอรถได้ไม่สับสน จำไม่ผิดน่าจะชานชาลาเบอร์ 1 นั่งรถประมาณ 30 นาที ก็ถึง Kamikochi แต่เราลงก่อนเพื่อเดินต่อในเส้นทางตามธรรมชาติที่ป้าย Taishoike
ฟ้าปิด ลมแรง หนาวมาก แต่ขาวมองอะไรไกลๆแทบไม่เห็นเลย
ด้วยฟ้าครึ้ม จนมองไม่เห็นยอดเขา เมื่อมาถึงสะพานกัปปะ เราจึงได้ตัดสินใจว่าเอาล่ะเราจะต้องมาซ่อมแน่ๆ อีกครั้งในวันที่ 25 พ.ค. จึงต้องหาข้อมูลต่างๆและเตรียมจองตั๋ว ซึ่งจากเว็บพยากรณ์อากาศที่เราดูทั้งหมดบอกว่าวันนั้นจะไม่มีฝน บางเว็บบอกมีแดดในตอนเช้า บางเว็บบอกมีแดดทั้งวัน บางเว็บบอกมีเมฆมาก จากที่เคยหาข้อมูลมาเบื้องต้นมา ถ้ามาทาง Matsumoto จะมีจองที่นั่ง เราเลยจัดการดูรอบรถบัส หารอบที่นั่งรถบัสตรงไม่ต้องเปลี่ยนสาย