ขอเล่าย้อนกลับไปก่อนนะคะ ตอนประถมเรามีเพื่อนที่โรงเรียน
และเพื่อนในหมู่บ้านเยอะมากค่ะ วัยไล่เลี่ยกัน แต่ประถมเราเจอเหตุการณ์ว่า
มีรุ่นน้องไม่ชอบด้วยเหตุผลว่าเราแอ๊บค่ะ เอาของเราไปซ่อนเป็นเทอมๆ
โรงเรียนเล็ก เด็กมีไม่เยอะค่ะ ก็พอจะรู้ว่าใครทำ พอจบมาก็แยกย้ายค่ะ
พอมัธยมจากโรงเรียนเล็กๆ มาสู่โรงเรียนใหญ่และใหม่ เราปรับตัวไม่ถูกค่ะ
จากเด็กหน้าชั้น กลายเป็นเด็กนั่งหลังห้อง ไม่ค่อยมีคนสนใจค่ะ แถมตอนนั้น
โรงเรียนเรามีมาตรการให้เด็กย้ายห้องทุกปี พอเจอเพื่อนสนิท ปีหน้าก็ต้องแยกกัน
พอแยกห้องกันก็ไม่สนิทกันเหมือนเดิม กินข้าวก็ไม่เจอกันอะไรทำนองนี้ค่ะ
พอมามอปลายเพื่อนในห้องมีแก๊งใหญ่มากๆ เรารู้สึกว่าปลอดภัยค่ะ เวลามีคนเยอะ
เรารู้สึกว่าคนเยอะก็ยิ่งวุ่นวาย เราสังเกตว่าเวลาเรามีปัญหา เราสามารถโทรหาเพื่อนได้
แต่พอมีปัญหา ไม่ค่อยมีคนนึกถึงเราเท่าไหร่ค่ะ เหมือนเราไม่มีประโยชน์ที่จะช่วย
หรือกลายเป็นอากาศธาตุไป
พอมามหาลัย เราพูดมากขึ้นค่ะ มีเพื่อนกลุ่มนึง ไปไหนมาไหนด้วยกัน สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง
จนกระทั่งเรียนจบค่ะ ต่างคนต่างแยกย้าย เราเข้าใจการเติบโตของคนนะคะ แต่มานั่งคิดๆ
แค่อยากไปทานข้าวบุฟเฟต์มา 3-4 คนยังมีคนไปด้วยไม่ถึงเลยค่ะ
เพื่อนสนิทมัธยม ที่เราอาจจะคิดว่าเราสนิทกับเค้าไปเองคนเดียว ทักมาปรึกษาเรื่องงานค่ะ
บ้านใกล้กันมากนะคะ เราชวนเพื่อนไปกินข้าว ตอบแบบนาทีต่อนาที เพื่อนยังไม่อ่านที่เราชวนเลย
แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ตอนแรกคิดว่าเป็นที่นิสัยค่ะ ส่วนตัวเป็นคนพูดน้อยค่ะ
แต่ถ้าสนิทแล้วจะวางใจมากกว่า แค่รู้สึกว่าคนอื่นโชคดีจังเลยค่ะ มึเพื่อนเยอะ มีคนรักเยอะแยะ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลาไปคอนเสิร์ตทีต้องหาเพื่อนตามทวิตเตอร์ค่ะ
หรือเป็นบุญกรรมที่ทำมา หรือต้องอยู่แบบคนเดียว เกิดและดับไปคนเดียว😂😂
แอบน้อยใจจนอยากปรึกษาจิตแพทย์เหมือนกันค่ะ ชีวิตไม่ค่อยสำเร็จเรื่องผู้คนเท่าไหร่
จะมีสักคนบนโลกนี้ไหมคะ ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเพื่อนสนิทเลย
และเพื่อนในหมู่บ้านเยอะมากค่ะ วัยไล่เลี่ยกัน แต่ประถมเราเจอเหตุการณ์ว่า
มีรุ่นน้องไม่ชอบด้วยเหตุผลว่าเราแอ๊บค่ะ เอาของเราไปซ่อนเป็นเทอมๆ
โรงเรียนเล็ก เด็กมีไม่เยอะค่ะ ก็พอจะรู้ว่าใครทำ พอจบมาก็แยกย้ายค่ะ
พอมัธยมจากโรงเรียนเล็กๆ มาสู่โรงเรียนใหญ่และใหม่ เราปรับตัวไม่ถูกค่ะ
จากเด็กหน้าชั้น กลายเป็นเด็กนั่งหลังห้อง ไม่ค่อยมีคนสนใจค่ะ แถมตอนนั้น
โรงเรียนเรามีมาตรการให้เด็กย้ายห้องทุกปี พอเจอเพื่อนสนิท ปีหน้าก็ต้องแยกกัน
พอแยกห้องกันก็ไม่สนิทกันเหมือนเดิม กินข้าวก็ไม่เจอกันอะไรทำนองนี้ค่ะ
พอมามอปลายเพื่อนในห้องมีแก๊งใหญ่มากๆ เรารู้สึกว่าปลอดภัยค่ะ เวลามีคนเยอะ
เรารู้สึกว่าคนเยอะก็ยิ่งวุ่นวาย เราสังเกตว่าเวลาเรามีปัญหา เราสามารถโทรหาเพื่อนได้
แต่พอมีปัญหา ไม่ค่อยมีคนนึกถึงเราเท่าไหร่ค่ะ เหมือนเราไม่มีประโยชน์ที่จะช่วย
หรือกลายเป็นอากาศธาตุไป
พอมามหาลัย เราพูดมากขึ้นค่ะ มีเพื่อนกลุ่มนึง ไปไหนมาไหนด้วยกัน สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง
จนกระทั่งเรียนจบค่ะ ต่างคนต่างแยกย้าย เราเข้าใจการเติบโตของคนนะคะ แต่มานั่งคิดๆ
แค่อยากไปทานข้าวบุฟเฟต์มา 3-4 คนยังมีคนไปด้วยไม่ถึงเลยค่ะ
เพื่อนสนิทมัธยม ที่เราอาจจะคิดว่าเราสนิทกับเค้าไปเองคนเดียว ทักมาปรึกษาเรื่องงานค่ะ
บ้านใกล้กันมากนะคะ เราชวนเพื่อนไปกินข้าว ตอบแบบนาทีต่อนาที เพื่อนยังไม่อ่านที่เราชวนเลย
แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ตอนแรกคิดว่าเป็นที่นิสัยค่ะ ส่วนตัวเป็นคนพูดน้อยค่ะ
แต่ถ้าสนิทแล้วจะวางใจมากกว่า แค่รู้สึกว่าคนอื่นโชคดีจังเลยค่ะ มึเพื่อนเยอะ มีคนรักเยอะแยะ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลาไปคอนเสิร์ตทีต้องหาเพื่อนตามทวิตเตอร์ค่ะ
หรือเป็นบุญกรรมที่ทำมา หรือต้องอยู่แบบคนเดียว เกิดและดับไปคนเดียว😂😂
แอบน้อยใจจนอยากปรึกษาจิตแพทย์เหมือนกันค่ะ ชีวิตไม่ค่อยสำเร็จเรื่องผู้คนเท่าไหร่