JJNY : เลขาฯ เพื่อไทยดับข่าวดีลลับ│ยิ่งกว่าติดคุก!แฉสถานสงเคราะห์│ส.ร้านอาหารฯ ค้านขึ้นค่าแรง│รับอาวุธนิวเคลียร์ฟรี!

เลขาฯเพื่อไทยดับข่าวดีลลับ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ย้ำพรรคพูดหลายรอบแล้ว งงทำไมมีข่าวช่วงนี้?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4002403
 
 
‘ประเสริฐ’ ยันไม่มีดีลลับดับ ‘ก้าวไกล’ ตั้งรัฐบาล งงทำไมข่าวออกมาช่วงนี้-มีวัตถุประสงค์อะไร
 
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธเรื่องดีลลับที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองโพสต์ว่าดีลลับดับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตั้งรัฐบาลว่า พรรค พท.พูดมาหลายรอบแล้วในกรณีนี้ว่าไม่มีดีลลับอย่างแน่นอน และยังคงยืนยันเจตนารมณ์ที่เคยให้ไว้ตั้งแต่หลังผลการเลือกตั้งออกมา ไม่มีดีลไม่มีอะไรทั้งสิ้น

นายประเสริฐกล่าวว่า กรณีที่มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องนั้นตนไม่เข้าใจว่าทำไมจึงออกมาและมีวัตถุประสงค์อะไร และขอให้ดูการกระทำมากกว่าคำพูด แต่ไม่อยากมองว่าเป็นการรับงานเพื่อมาโจมตีพรรค พท.



ยิ่งกว่าติดคุก!แฉสถานสงเคราะห์ ทารุณเด็ก ทำร้ายมัดมือเท้า-ขังห้องมืด
https://www.dailynews.co.th/news/2379622/

พยาบาลสาวแฉสถานสงเคราะห์! โหดร้ายทารุณกรรมเด็ก แถมขังให้นอนในห้องน้ำ ทุบตีสารพัด วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเด็กๆ กว่า 280 ชีวิตด้วย

โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพ จากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ได้โพสต์รูปภาพของเด็กๆ ในสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่ง ที่มีเด็กหญิงนั่งอยู่บนชักโครกในห้องน้ำพร้อมกับมีเชือกสีเขียวรัดที่ปาก ที่แขน และที่ข้อ และภาพของเด็กนอนเรียงกัน อยู่ใต้อ่างล้างมือในห้องน้ำ

โดยระบุข้อความว่า “ได้รับรู้เรื่องนี้มา ไม่นิ่งนอนใจที่จะหาทางตีแผ่สู่สังคม เด็กกว่า 280 ชีวิตต้องเผชิญกับความโหดร้ายจากสังคมภายนอกมาแล้ว ยังต้องมาเจอความโหดร้ายจากผู้ดูแล ทำไมมาตรการการทำผิดต้องมีห้องมืด ฝากสื่อด้วยนะคะ ยินดีให้ข้อมูล ฝากแชร์ เพื่อเป็นสะพานบุญให้เด็กหลายร้อยชีวิตด้วยนะคะ

นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียง ที่ระบุข้อความว่า “คำพูดจากปากเด็กๆ หดหู่นะ เจอเรื่องครอบครัวมาเพื่อหาเซฟโซนเล็กๆ ให้ตัวเอง แต่กลับมาโดนแบบนี้ เขาจับหนูลงหลุม บางอันก็มีน้ำ บางอันก็ไม่มีน้ำ เขาทั้งกัดหนูทั้งตีหนู ทั้งเอามีดมาเชือดหนู นี่เหรอคือสถานสงเคราะห์” และมีคลิปเสียงที่ 2 ระบุว่า “สถานสงเคราะห์เค้าพูดกับเด็กแบบนี้กันเหรอ ส่วนอีกคลิปเป็นภาพถ่ายที่เห็นว่าด้านในมีห้องอยู่ 1 ห้อง ระบุข้อความว่า “มันจับเด็กขังในห้องนี้ แล้วปิดไฟทั้งมืด ทั้งยุง เด็กกรีดร้องจนแทบขาดใจ จิตใจทำด้วยอะไร

รับชมคลิปเสียง..

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้โพสต์ คือ น.ส.ธัญญารัตน์ ได้เล่าว่า ตนได้รับทราบข้อมูลจากน้องสาวที่นับถือกัน ซึ่งทำงานเป็นพยาบาลวิชาชีพอยู่ภายในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงแห่งหนึ่งว่าภายในสถานสงเคราะห์ที่เขาทำงาน มีการทารุณกรรมเด็ก และลงโทษเด็กด้วยบทลงโทษที่ไม่ควรมีภายในสถานสงเคราะห์ จึงควรให้คนอื่นรับรู้ถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานของสถานสงเคราะห์ ที่ทำต่อเด็ก ให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดและเร่งช่วยเหลือ

โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ภายในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงแห่งหนึ่ง ทางด้านพยาบาลวิชาชีพ และนักจิตวิทยา เล่าว่า ตนเพิ่งเข้ามาทำงานที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้ เมื่อราวๆ เดือนมกราคม ที่ผ่านมา ด้วยความที่ตนเองเป็นพยาบาลและนักจิตวิทยา ก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กที่นี่ดูไม่ค่อยร่าเริง เวลาที่เราคุยด้วยจะไม่กล้าสบตา สอบถามอะไรก็จะถามคำตอบคำ มีหวาดกลัวพี่เลี้ยง เด็กๆ จะเรียกว่าแม่
 
กระทั่งวันหนึ่ง มีเด็กเข้ามาทำแผลที่ห้องพยาบาล สังเกตเห็นบาดแผลบริเวณขา จึงถามเด็กว่าโดนอะไรมา เด็กตอบว่า “โดนแม่ตี” เคยรายงานผู้ใหญ่ให้ทราบแต่พี่เลี้ยงก็อ้างว่า เด็กดื้อจำเป็นต้องตี หลังจากนั้นได้มีโอกาสคลุกคลีกับเด็กๆ มากขึ้น จนเด็กเริ่มให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ จนกล้าที่จะเล่าข้อมูลให้เราฟังว่า มีพี่เลี้ยงหลายคนที่ทำทารุณกับเด็ก จะโดนพี่เลี้ยงลงโทษด้วยวิธีการหลากหลาย ส่วนใหญ่จะทำร้ายร่างกาย
 
เคยมีคนโดนเตะจนตกบันได ถีบตกเก้าอี้ ถีบอัดตู้ ทั้งยังโดนขังในห้องมืดซึ่งทำเหมือนอย่างกับคุกในเรือนจำ แล้วโยนตุ๊กตาที่มีความน่ากลัวใส่เด็ก บางครั้งก็เอาเด็กไปแช่ในท่อน้ำทิ้ง ซึ่งมีแต่น้ำสกปรก และยังมีสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค และมีพิษ อยู่ภายในท่อ เรียกได้ว่าเด็กโดนจนชิน และจะมีคำเรียกการลงโทษนี้ติดปากว่า “โดนลงหลุม” เด็กบางคนยังโดนบังคับให้นอนในห้องน้ำ โดนมัดมือมัดเท้า และมัดปาก บางคนโดนจับโกนผมลงโทษก็มี
 
หลังจากที่รับทราบเรื่องราวจากเด็ก ๆ แล้ว มีโอกาสได้เห็นภาพการถูกทารุณกรรม จึงรายงานให้ผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ได้ทราบ และมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใดเพราะพี่เลี้ยงเด็กที่ก่อเหตุก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการด้วย มีการสร้างพยานเท็จขึ้นมาโดยโยนว่าเหตุการณ์ทั้งหมด เด็กกระทำต่อเด็กเองไม่เกี่ยวข้องกับพี่เลี้ยง
 
สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง หลังจากที่มีภาพหลุดออกไป ซึ่งกลุ่มพี่เลี้ยงได้เรียกเด็ก ทั้งหมดมารวมกันแล้วเค้นถามว่าใครเป็นคนถ่ายภาพ ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับเด็ก ในฐานะที่เป็นพยาบาลวิชาชีพและเป็นนักจิตวิทยา รับไม่ได้กับพฤติกรรมที่กระทำกับเด็กเพราะเด็กแต่ละคนที่เข้ามาอยู่ในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ ส่วนมากมาจากครอบครัวที่ไม่สามารถดูแลได้ 

เด็กบางคนโดนกระทำทารุณกรรมทั้งร่างกายและจิตใจมาก่อน แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในสถานสงเคราะห์ ซึ่งควรจะเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลับมาทำร้ายกับเด็กแบบนี้ “เหมือนเด็กอยู่ในคุก” เป็นห่วงกลัวว่าในอนาคตเรื่องราวเหล่านี้จะกลายเป็นปมในใจ และทำให้เด็กเป็นโรคซึมเศร้า จึงอยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลตรวจสอบต่อไป. 


 
ส.ร้านอาหารฯ ค้านขึ้นค่าแรง ชี้เก่งจริงต้องแก้ตั้งแต่ต้นทาง-ไม่ซ้ำเติมเอสเอ็มอี
https://www.matichon.co.th/economy/news_4002338

ส.ร้านอาหารฯ ค้านนโยบายขึ้นค่าแรง ชี้เก่งจริงต้องแก้ตั้งแต่ต้นทาง-ไม่ซ้ำเติมเอสเอ็มอี 
 
น.ส.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด เปิดเผยถึงนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ ของพรรคก้าวไกล โดยกำหนดไว้ที่ 450 บาทต่อวัน ว่า หากมีการปรับขึ้นราคาค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้นมาที่ 450 บาทต่อวันต่อคน มองว่าเป็นราคาที่แรงเกินไป อยากให้ชะลอไว้ก่อน เนื่องจากจะกระทบกับต้นทุนทันที ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีกำไรน้อยอยู่แล้ว จากปัจจัยเรื่องสภาพอากาศ การแพร่ระบาดของโควิด-19 นักท่องเที่ยวลดลงจากเดือนเมษายน 2566 และคนมีกำลังซื้อน้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากการที่สถานศึกษาเปิดเทอม 

หากรัฐบาลชุดใหม่ต้องการช่วยเหลือประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการจริง ต้องไปแก้ปัญหาที่ต้นทาง ถ้าเก่งจริงต้องไปแก้ตั้งแต่เรื่องการเกษตร ควรจัดพื้นที่ปลูกพืชแต่ละชนิดให้ชัดเจน เพื่อลดปัญหาราคาผันผวน รวมถึงต้องแก้ไขเรื่องต้นทุนพลังงานที่ถือเป็นต้นทุนหลักของทุกธุรกิจ หากสามารถแก้ไงสิ่งเหล่านี้ได้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็ยังไม่จำเป็น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องวัดฝีมืของรัฐบาลใหม่ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีใครแก้ไขปัญหาเรื่องต้นทุนได้”  น.ส.ประภัสสร กล่าว
 
น.ส.ประภัสสร กล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่ต้องแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด การแก้ปัญหาด้วยการปรับขึ้นราคาค่าแรงขั้นต่ำ จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ ถ้าหากนำนโยบายนี้มาใช้ในทันที คาดว่าช่วงปลายปี 2566 ได้เห็นธุรกิจอาหารรายเล็กล้มหายตายจากอีกแน่นอน เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว เนื่องจากสิ่งที่ตามมาหลังจากปรับขึ้นค่าแรง อาทิ ค่าต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น และในที่สุดผู้ประกอบการก็ต้องปรับราคาอาหารขึ้น เพื่อใหธุรกิจยังสามารถอยู่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลกระทบถึงประชาชนโดยตรง จึงอยากให้มีการพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่