เหตุเกิดจากอยากชวนเทพเทวดาเเละสัตว์เทพ เช่น พญานาค ครุฑ คนธรรพ์ เเละอีกมากกมายที่คิดว่ามีบนสววรค์ เเละ วิญญาณสัมเวสี พระภูมิเจ้าที่มาร่วมสวดมนต์เราก็สวดบูชาพระพุทธเจ้าก่อนเเล้วก็ชุมนุมเทวดาเเล้วก็กล่าวเชิญทั้งหลาย เเล้วก็อธิฐานให้การสวดมนต์นี้จงก้องกังวาลไปถึงให้ 3 ภพ เมืองมนุษย์เมืองสววรค์ เมืองนรก จากนั้นก็สวดไปได้ 1 ชั่วโมง
(ในระหว่างสวดเราก็ไม่ได้มึความกลัวหรืออะไรที่เชิญอะไรต่ออะไรมานักหนาเเถมดีใจด้วยซ้ำที่มีกัลยาณมิตรอยู่กันหลายตนมาก ความรู้สึกยินดีบรรยากาศตอนนั้นคือเหมือนมีคนมานั่งล้อมกันอยู่จริงๆเเต่เราเเค่มองไม่เห็น)
พอสวดมนต์เสร็จจากนั้นเราก็ยกหัวข้อมาตั้งเป็นกระทู้บรรยายธรรมคำสอนขององค์พระพุทธองค์มานั่งบรรยาย เราก็หันหน้าตรงข้ามที่คิดว่าพวกเขานั่งอยู่บรรยายหัวข้อเรื่อง การไม่ยึดติดในทุกสิ่งเเม้กระทั่งธรรมมะเอง *ในระหว่างบรรยายธรรมคำพูดต่างๆนามาจากไหนไม่รู้มาก็ผุดขึ้นมาให้เราพูดไปเรื่อยๆจนมันยาวมากถ้าให้เล่ายังจำไม่หมดเลย* เเละเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองมนุษย์ว่าคนสมัยนี้คนดีหายากคนชั่วมีให้เห็นทั่วไปที่หลงในกามทั้งหลาย พอบรรยายเสร็จเราก็บอกให้เขาตั้งใจรับบุญนะเพราะเราสวดเเผ่เมตตาใหญ่ทั่วจักวาลเเละก็กรวดน้ำเเล้วก็ตามด้วยบทกรวดน้ำโบราณ
(เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นบุญใหญ่นะความเจตนาอยากให้รับบุญอย่างทั่วถึงโดยไม่เกรี่ยงว่าจะเป็นเปรตอสูรกายหรือภูติผีปีศาจใช้ความเมตตากับพวกเขานี่ละเราพอใจสุดละ)
จากนั้นก็สวดส่งเทพเทวดากลับสววรค์เป็นอันจบ
ความรู้สึกคือพอใจมากๆถึงเเม้เราจะมองไม่เห็นเเต่ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าเราเป็นบ้าเป็นป่วยจิตเพราะคุยคนเดียวเเน่นอน เเต่ความรู้สึกเรา เราว่าเขามีจริงเเละน่าจะมาจริงไม่งั้นบรรยากาศคง ไม่อบอุ่นขนาดนี้หรอกมั้ง
วันนี้คงจบเเค่นี้ไม่ค่อยมีอะไรมากเเต่ถ้ามีอีกจะมาเล่าให้ฟังอีกจ้า
บรรยายธรรมให้เทวดาฟังเเบบ ชิลๆ
เหตุเกิดจากอยากชวนเทพเทวดาเเละสัตว์เทพ เช่น พญานาค ครุฑ คนธรรพ์ เเละอีกมากกมายที่คิดว่ามีบนสววรค์ เเละ วิญญาณสัมเวสี พระภูมิเจ้าที่มาร่วมสวดมนต์เราก็สวดบูชาพระพุทธเจ้าก่อนเเล้วก็ชุมนุมเทวดาเเล้วก็กล่าวเชิญทั้งหลาย เเล้วก็อธิฐานให้การสวดมนต์นี้จงก้องกังวาลไปถึงให้ 3 ภพ เมืองมนุษย์เมืองสววรค์ เมืองนรก จากนั้นก็สวดไปได้ 1 ชั่วโมง
(ในระหว่างสวดเราก็ไม่ได้มึความกลัวหรืออะไรที่เชิญอะไรต่ออะไรมานักหนาเเถมดีใจด้วยซ้ำที่มีกัลยาณมิตรอยู่กันหลายตนมาก ความรู้สึกยินดีบรรยากาศตอนนั้นคือเหมือนมีคนมานั่งล้อมกันอยู่จริงๆเเต่เราเเค่มองไม่เห็น)
พอสวดมนต์เสร็จจากนั้นเราก็ยกหัวข้อมาตั้งเป็นกระทู้บรรยายธรรมคำสอนขององค์พระพุทธองค์มานั่งบรรยาย เราก็หันหน้าตรงข้ามที่คิดว่าพวกเขานั่งอยู่บรรยายหัวข้อเรื่อง การไม่ยึดติดในทุกสิ่งเเม้กระทั่งธรรมมะเอง *ในระหว่างบรรยายธรรมคำพูดต่างๆนามาจากไหนไม่รู้มาก็ผุดขึ้นมาให้เราพูดไปเรื่อยๆจนมันยาวมากถ้าให้เล่ายังจำไม่หมดเลย* เเละเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองมนุษย์ว่าคนสมัยนี้คนดีหายากคนชั่วมีให้เห็นทั่วไปที่หลงในกามทั้งหลาย พอบรรยายเสร็จเราก็บอกให้เขาตั้งใจรับบุญนะเพราะเราสวดเเผ่เมตตาใหญ่ทั่วจักวาลเเละก็กรวดน้ำเเล้วก็ตามด้วยบทกรวดน้ำโบราณ
(เพราะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นบุญใหญ่นะความเจตนาอยากให้รับบุญอย่างทั่วถึงโดยไม่เกรี่ยงว่าจะเป็นเปรตอสูรกายหรือภูติผีปีศาจใช้ความเมตตากับพวกเขานี่ละเราพอใจสุดละ)
จากนั้นก็สวดส่งเทพเทวดากลับสววรค์เป็นอันจบ
ความรู้สึกคือพอใจมากๆถึงเเม้เราจะมองไม่เห็นเเต่ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าเราเป็นบ้าเป็นป่วยจิตเพราะคุยคนเดียวเเน่นอน เเต่ความรู้สึกเรา เราว่าเขามีจริงเเละน่าจะมาจริงไม่งั้นบรรยากาศคง ไม่อบอุ่นขนาดนี้หรอกมั้ง
วันนี้คงจบเเค่นี้ไม่ค่อยมีอะไรมากเเต่ถ้ามีอีกจะมาเล่าให้ฟังอีกจ้า