
เท่าที่ผมนึกได้น่าจะเป็นเรื่องสมัยมัธยม ที่อดข้าวอาหารกลางวัน เงินที่แม่ให้มาวันละ 20 บาท ตอนนั้นสามารถซื้ออาหารกลางวันที่โรงเรียนกินได้
แต่ผมกลับนำเงินที่ควรจะซื้อข้าวกินตอนนั้นไปทำอะไรรู้ไหมครับ ผมอดข้าวแล้วเก็บเงินเอาไปเล่นเกมที่ร้านเกมตอนเย็นครับ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ชั่วโมงละ 10 บาท อดข้าวเพื่อเอาตังค์ไปเล่นเกมวินนิ่ง ตอนนั้นจำได้วินนิ่งอีเลเว่น ดังมาก กุนๆๆๆๆๆ ซู่โท่ววววว....ทุกวันนี้แก่จนหัวใกล้จะหงอก ก็ยังไม่เลิกเล่นเกมวินนิ่ง แต่เวอร์ชั่นล่าสุด มันอยู่ในมือถือ เวอร์ชั่น eFootball ค่ายโกนามินั่นเอง
ยังไม่พอเสาร์อาทิตย์ หรือปิดเทอม เงินที่ผมหยอดกะปุกก็ทุบเอาไปเล่นเกมที่ร้านเกมตอนนั้นติดเกมมาก
ส่วนอีกเรื่อง ออมเงินค่าข้าวไปโรงเรียนหยอดกระปุกไปซื้อเกม FR202 มือสองจากเด็กแถวบ้าน ตอนนั้นก็ฮิตมาก เกมที่ชอบเล่นที่เป็นตลับเสียบ ALL in one และเกมฟุตบอลที่ชอบเล่นมากคือเกม Kunio Kun no Nekketsu Soccer League ลูกยิงบานาน่า ถึงกับจัดแข่งเป็นลีกประกบคู่กับเด็กๆ แถวบ้าน
อีกเรื่อง คือ แถวบ้านรู้ว่าถ้าช่วงไหนจะมีงานวัด ผมจะออมเงินไว้เพื่อไปซื้อของเล่นในงานวัด พอวันงานวัดมาถึงผมจะเอาตังค์ไปซื้อปืนของเล่น โดยเฉพาะปืนอัดลมที่มีลูกกระสุนพลาสติกกลมๆ และปืนแก๊ปลูกโม่ที่ใส่ดินปืนวงๆ ยิงแล้วมีควันไฟเสียงดัง
สิ่งที่ผมคิดย้อนไปและรู้สึกตัวเองจ๊าดง่าว น่าจะเป็นเรื่องอดข้าวเอาตังค์ไปเล่นเกมนี่แหละ คือ กลัวเพื่อนที่โรงเรียนรู้และอายที่ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าอดข้าวเที่ยงที่โรงเรียน คือ พอตอนพักเที่ยงพอเพื่อนๆที่ห้องเรียนไปโรงอาหาร ผมจะทำทีออกไปช้ากว่า พอคนออกไปหมดแล้วผมจะแอบไปที่ห้องสมุดเงียบๆ พอประมาณเที่ยงครึ่งผมก็จะออกมา ช่วงเที่ยงก็อัดน้ำเปล่าเยอะครับ จำได้ว่าช่วงบ่ายตอนเรียนโคตรหิวเลยครับ
แต่ผมมาลองวิเคราะห์ตัวเอง สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าติดมาเป็นนิสัยตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงทุกวันนี้ น่าจะเป็น วินัยในการออมครับ คือ ผมเวลาผมอยากได้อะไร หรือมีเป้าหมายว่าจะเอาอะไร ผมจะมีวินัยในการออมสูงมาก ทุกวันนี้ทำงานมีเงินเดือน เวลาเงินออก สิ่งแรกที่ผมคิดไว้เลยคือเก็บเป็นเงินออมก่อน หลังจากคำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือนแล้ว จะออมเงินแบบ Fix Saving อย่างเคร่งครัด ถ้าเดือนไหนใช้จ่ายเกินงบที่ตัวเองวางแผนไว้ คือต้องเอาตัวรอดเองครบ ไม่ไปยุ่งกับเงินออม เช่นถ้าเงินจะออกอีก 2 วันข้างหน้า แต่เงินใช้จ่ายเหลือ 200 บาทก็ต้องกะแม่ดกะแหม่ใช้แบบขัดๆ ไปก่อน 200 ให้อยู่รอด ใน 2 วัน ซื้อมาม่าอาหารแห้งมาตุน อัดข้าวเปล่าเยอะๆ หน่อย บางทีซื้อก๋วยเตี๋ยวมาถุงนึง แบ่งกัน 2 มื้อ แบ่งน้ำก๋วยเตี๋ยวไว้อัดกับข้างเปล่าเยอะๆ และอีกทางคือหารายได้เสริม ให้มีแหล่งรายได้หลายทาง อันนี้จะเบาหน่อยครับ ช่วยได้เยอะครับถ้าเรามีรายได้เล็กๆ น้อยๆ หลายๆทาง พอเอามารวมๆ ก็พอค่าข้าวยามขัดสนได้อยู่ครับ
อ่อมีอีกเรื่องที่จำได้ สมัยเรียนประถมเวลาไปโรงเรียนแล้วปวดขี้ ผมจะไม่กล้าขี้ที่โรงเรียนครับ เพราะตอนนั้นคิดระแวงว่ากลัวเด็กคนอื่นแอบดูตอนนั่งขี้อยู่ เพราะห้องน้ำสมัยนั้น จะมีแค่ฝาไม้ปิดบังเห็นข้อเท้า และรางน้ำล้างก้นก็เป็นแบบรางเดี่ยวเชื่อมโยงกันทุกห้อง เวลาเข้าห้องน้ำก่อนนั่งขี้ก็ต้องดูด้วยว่าขันน้ำมันลอยไปห้องไหน คือเวลาปวดขี้ผมจะอดทนไปขี้ที่บ้านครับ รู้สึกสบายใจกว่า บางทีขี้จุกตูดก็ต้องอดทนเดินขมิบตูดจนถึงบ้านไปขี้ที่บ้าน
เคสที่หนักสุดน่าจะเป็นตอนเข้าค่าย รด. 7 วัน ผมติดมาจากตอนประถมเหมือนกัน คือไม่กล้าขี้ที่ห้องน้ำครูฝึกทำไว้ น่าจะเป็นผ้าใบทหารสร้างบังล้อมไว้เป็นห้องขี้ส่วนรวม เพราะไปค่าย 7 วันน่าจะปี 3 มันรวมหลายโรงเรียน เชื่อมั้ยผมอดทนไม่ขี้ถึง 7 วันได้ กลับมาบ้านเบ่งขี้ทีบาดตูดผมเลยครับ ขี้มันแข็งมาก หล่อนกระแทกโถนั่งยอง เสียงดั่ง โป่ก โป่ก เลยทีเดียวครับ คิดว่าร่างกายมันดูดซึมและหมักหมมกาก ไม่รู้จะดูดซึมอะไรแล้ว ขี้แห้งในล้ำใส้หมดแล้วครับ
ทุกวันนี้ยังติดเป็นนิสัยอยู่เลยครับ เวลาไปเที่ยวที่ไหน ไม่ค่อยอยากใช้ห้องน้ำสาธารณะถ้าไม่สุดจริงๆ ถ้าไปเที่ยวข้างนอก ก็จะกลับมาขี้ที่พักโรงแรม หรือขี้ให้เรียบร้อยก่อนออกไปเที่ยว
ประมาณนี้ที่นึกได้ครับ แล้วเพื่อนๆ มีวัยเด็กที่จ๊าดง่าว ง่าวไบ๊ง่าวๆ เหมือนผมไหมครับ มาเล่ากันให้ฟังหน่อยครับ
เพื่อนๆคิดว่าอะไรในสมัยเด็กที่เราทำแล้ว....พอโตขึ้นย้อนกลับไปหวนคิด แล้วรู้สึกว่า ตัวเองทำไมโง่หรืองั่ง...จั๊ดง่าวสุดๆ
เท่าที่ผมนึกได้น่าจะเป็นเรื่องสมัยมัธยม ที่อดข้าวอาหารกลางวัน เงินที่แม่ให้มาวันละ 20 บาท ตอนนั้นสามารถซื้ออาหารกลางวันที่โรงเรียนกินได้
แต่ผมกลับนำเงินที่ควรจะซื้อข้าวกินตอนนั้นไปทำอะไรรู้ไหมครับ ผมอดข้าวแล้วเก็บเงินเอาไปเล่นเกมที่ร้านเกมตอนเย็นครับ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ชั่วโมงละ 10 บาท อดข้าวเพื่อเอาตังค์ไปเล่นเกมวินนิ่ง ตอนนั้นจำได้วินนิ่งอีเลเว่น ดังมาก กุนๆๆๆๆๆ ซู่โท่ววววว....ทุกวันนี้แก่จนหัวใกล้จะหงอก ก็ยังไม่เลิกเล่นเกมวินนิ่ง แต่เวอร์ชั่นล่าสุด มันอยู่ในมือถือ เวอร์ชั่น eFootball ค่ายโกนามินั่นเอง
ยังไม่พอเสาร์อาทิตย์ หรือปิดเทอม เงินที่ผมหยอดกะปุกก็ทุบเอาไปเล่นเกมที่ร้านเกมตอนนั้นติดเกมมาก
ส่วนอีกเรื่อง ออมเงินค่าข้าวไปโรงเรียนหยอดกระปุกไปซื้อเกม FR202 มือสองจากเด็กแถวบ้าน ตอนนั้นก็ฮิตมาก เกมที่ชอบเล่นที่เป็นตลับเสียบ ALL in one และเกมฟุตบอลที่ชอบเล่นมากคือเกม Kunio Kun no Nekketsu Soccer League ลูกยิงบานาน่า ถึงกับจัดแข่งเป็นลีกประกบคู่กับเด็กๆ แถวบ้าน
อีกเรื่อง คือ แถวบ้านรู้ว่าถ้าช่วงไหนจะมีงานวัด ผมจะออมเงินไว้เพื่อไปซื้อของเล่นในงานวัด พอวันงานวัดมาถึงผมจะเอาตังค์ไปซื้อปืนของเล่น โดยเฉพาะปืนอัดลมที่มีลูกกระสุนพลาสติกกลมๆ และปืนแก๊ปลูกโม่ที่ใส่ดินปืนวงๆ ยิงแล้วมีควันไฟเสียงดัง
สิ่งที่ผมคิดย้อนไปและรู้สึกตัวเองจ๊าดง่าว น่าจะเป็นเรื่องอดข้าวเอาตังค์ไปเล่นเกมนี่แหละ คือ กลัวเพื่อนที่โรงเรียนรู้และอายที่ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าอดข้าวเที่ยงที่โรงเรียน คือ พอตอนพักเที่ยงพอเพื่อนๆที่ห้องเรียนไปโรงอาหาร ผมจะทำทีออกไปช้ากว่า พอคนออกไปหมดแล้วผมจะแอบไปที่ห้องสมุดเงียบๆ พอประมาณเที่ยงครึ่งผมก็จะออกมา ช่วงเที่ยงก็อัดน้ำเปล่าเยอะครับ จำได้ว่าช่วงบ่ายตอนเรียนโคตรหิวเลยครับ
แต่ผมมาลองวิเคราะห์ตัวเอง สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าติดมาเป็นนิสัยตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงทุกวันนี้ น่าจะเป็น วินัยในการออมครับ คือ ผมเวลาผมอยากได้อะไร หรือมีเป้าหมายว่าจะเอาอะไร ผมจะมีวินัยในการออมสูงมาก ทุกวันนี้ทำงานมีเงินเดือน เวลาเงินออก สิ่งแรกที่ผมคิดไว้เลยคือเก็บเป็นเงินออมก่อน หลังจากคำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือนแล้ว จะออมเงินแบบ Fix Saving อย่างเคร่งครัด ถ้าเดือนไหนใช้จ่ายเกินงบที่ตัวเองวางแผนไว้ คือต้องเอาตัวรอดเองครบ ไม่ไปยุ่งกับเงินออม เช่นถ้าเงินจะออกอีก 2 วันข้างหน้า แต่เงินใช้จ่ายเหลือ 200 บาทก็ต้องกะแม่ดกะแหม่ใช้แบบขัดๆ ไปก่อน 200 ให้อยู่รอด ใน 2 วัน ซื้อมาม่าอาหารแห้งมาตุน อัดข้าวเปล่าเยอะๆ หน่อย บางทีซื้อก๋วยเตี๋ยวมาถุงนึง แบ่งกัน 2 มื้อ แบ่งน้ำก๋วยเตี๋ยวไว้อัดกับข้างเปล่าเยอะๆ และอีกทางคือหารายได้เสริม ให้มีแหล่งรายได้หลายทาง อันนี้จะเบาหน่อยครับ ช่วยได้เยอะครับถ้าเรามีรายได้เล็กๆ น้อยๆ หลายๆทาง พอเอามารวมๆ ก็พอค่าข้าวยามขัดสนได้อยู่ครับ
อ่อมีอีกเรื่องที่จำได้ สมัยเรียนประถมเวลาไปโรงเรียนแล้วปวดขี้ ผมจะไม่กล้าขี้ที่โรงเรียนครับ เพราะตอนนั้นคิดระแวงว่ากลัวเด็กคนอื่นแอบดูตอนนั่งขี้อยู่ เพราะห้องน้ำสมัยนั้น จะมีแค่ฝาไม้ปิดบังเห็นข้อเท้า และรางน้ำล้างก้นก็เป็นแบบรางเดี่ยวเชื่อมโยงกันทุกห้อง เวลาเข้าห้องน้ำก่อนนั่งขี้ก็ต้องดูด้วยว่าขันน้ำมันลอยไปห้องไหน คือเวลาปวดขี้ผมจะอดทนไปขี้ที่บ้านครับ รู้สึกสบายใจกว่า บางทีขี้จุกตูดก็ต้องอดทนเดินขมิบตูดจนถึงบ้านไปขี้ที่บ้าน
เคสที่หนักสุดน่าจะเป็นตอนเข้าค่าย รด. 7 วัน ผมติดมาจากตอนประถมเหมือนกัน คือไม่กล้าขี้ที่ห้องน้ำครูฝึกทำไว้ น่าจะเป็นผ้าใบทหารสร้างบังล้อมไว้เป็นห้องขี้ส่วนรวม เพราะไปค่าย 7 วันน่าจะปี 3 มันรวมหลายโรงเรียน เชื่อมั้ยผมอดทนไม่ขี้ถึง 7 วันได้ กลับมาบ้านเบ่งขี้ทีบาดตูดผมเลยครับ ขี้มันแข็งมาก หล่อนกระแทกโถนั่งยอง เสียงดั่ง โป่ก โป่ก เลยทีเดียวครับ คิดว่าร่างกายมันดูดซึมและหมักหมมกาก ไม่รู้จะดูดซึมอะไรแล้ว ขี้แห้งในล้ำใส้หมดแล้วครับ
ทุกวันนี้ยังติดเป็นนิสัยอยู่เลยครับ เวลาไปเที่ยวที่ไหน ไม่ค่อยอยากใช้ห้องน้ำสาธารณะถ้าไม่สุดจริงๆ ถ้าไปเที่ยวข้างนอก ก็จะกลับมาขี้ที่พักโรงแรม หรือขี้ให้เรียบร้อยก่อนออกไปเที่ยว
ประมาณนี้ที่นึกได้ครับ แล้วเพื่อนๆ มีวัยเด็กที่จ๊าดง่าว ง่าวไบ๊ง่าวๆ เหมือนผมไหมครับ มาเล่ากันให้ฟังหน่อยครับ