เมื่อผมมีแฟนเป็นผู้หญิงข้ามเพศ

ไม่ได้ตั้งกระทู้ตั้ง 3 ปี ก็คิดอยู่นานว่าจะแชร์เรื่องนี้ผ่าน Facebook ดีไหม แต่เมื่อถึงเวลาคงจะได้แชร์เรื่องนี้ใน Facebook ส่วนตัวผม แต่ก็อยากพูดคุยกับพี่น้องชาว Pantipด้วย

เรื่องมีอยู่ว่า ตัวผมเองก็โสดมานาน 5-6ปีได้ ช่วงที่ผมโสดนั้นผมเองก็มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้จริงกับใครสักทีเดียว จนกระทั่งอยากจะมีใครสักคนที่จริงๆจังๆ จนกระทั่งเมื่อ 8 เดือนก่อน ผมได้รู้จักผู้หญิงคนนึงในแอพ Tinder ใน Proflie ที่เขาเขียนแนะนำตัวนั้น ไม่ได้บอกว่าเป็น Trangender ถ้าเธอเขียนไว้ผมก็คงปัดทิ้ง เดิมทีผมเคยเล่น Tinder ครั้งแรก เมื่อปี 63 ผมเคย Match กับเธอครั้งนึง คุยกันผ่านแอพ จนขอไลน์ เราคุยกันได้ระยะหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นนัดเจอกัน แต่ตอนนั้นผมเลือกที่จะไปคุยต่อกับคนที่เจอในชีวิตจริงเลยไม่ได้คุยกับเธอต่อ เมื่อผมกับผู้หญิงที่ผมคุยด้วยไม่สามารถไปต่อได้ ผมจึงกลับมาเล่น Tinder อีกครั้ง ครั้งนี้ผมเห็นเธอ Match มา ผมจำเธอได้(แต่เธอจำผมไม่ได้) จึงได้เริ่มคุยกันอีกครั้งหนึ่ง เราเริ่มคุยกันผ่านแอพ แล้วผมก็ขอ IG เธอ เพื่อดูไลฟ์สไตล์ จากแอพมาคุยกันต่อใน IG และก็มาคุยต่อใน Line ครั้งแรกๆที่เราคุยกัน ผมบอกว่า “เนี่ย เราจำเธอได้นะ ตอนนั้นเราคุยกันในไลน์” แต่เธอกลับไม่เชื่อผม ครั้นจะหาไลน์เธอมายืนยัน แน่ผมก็ลบ contact เธอไปแล้ว ก็เลยปล่อยไปเลยตามเลย เริ่มคุยกันใหม่ พอเธอแอดไลน์ผม กลับมีแชทเก่าๆ ที่เธอเคยคุยกันโผล่ขึ้นมา เธอบอกว่า “จริงด้วย เราเคยคุยกัน” นั่นแหละครับ คิดว่าโชคชะตาคงทำให้เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง
เราคุยกันได้เกือบ 2 เดือน จนผมตัดสินใจที่จะนัดเจอ (ก่อนเจอผมก็ดู IG ส่องแล้วส่องอีก จนมั่นใจว่าคงไม่ใช่แน่ๆ) เมื่อเวลานั้นมาถึง เราได้เจอกัน แรกพบที่ผมเห็น สรีระร่างกายเธอ เธอคือผู้หญิงคนหนึ่ง ทรวดทรงองค์เอว ไหล่แคบสะโพกกว้าง นิ้วเรียวยาวเล็ก ลูกกระเดือกไม่มี แต่เสียงแอบใหญ่นิดนึง แต่ก็ไม่ใหญ่เสียงแมนขนาดนั้น เรานั่งดื่มกันจนร้านปิด แต่ก็ไม่ได้ไปต่อ ผมเองก็คิดว่า คงเจอแค่ครั้งเดียวแหละเหมือนที่ผมเจอผู้หญิงที่ผ่านๆมาแต่ก็ไม่ วันรุ่งขึ้นผมชวนเธอไปทานข้าวเย็น เธอก็ตกลงไป หลังจากนั้นก็กันครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 โอเค ผมตกลงชวนเธอไปเที่ยวต่างจังหวัดหลังจากกลับก็ขอเธอเป็นแฟน แล้วเราก็ตกลงคบกัน

ตัวผมเองอาศัยอยู่หอพัก ส่วนเธอนั้นอยู่บ้านกับย่าและอาของเธอ บ้านหลังนั้นก็ไม่ใช่บ้านของเธอ แรกๆ เธอก็มาผมแค่วันเสาร์ อาทิตย์ก็กลับไปอยู่บ้าน หลังจากนั้นก็เพิ่มวันเรื่อยๆ จนเข้าสู่เดือนที่ 2 ที่เราเป็นแฟนกัน เธอตกลงมาอยู่กับผม ช่วงที่มาอยู่กับผมเดือนแรก ผมก็ตะหงิดใจนะ ผมถามเธอว่า “ประจำเดือนเธอมาวันไหน” เธอก็ยึกยักตอบมาว่า “เค้าประจำเดือนชอบมาไม่ตรง บางที 2 เดือนมาที”  ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่แปลกใจนะ เพราะผมเองก็มีเพื่อน พี่น้อง ที่เป็นผู้หญิงเยอะ บางคนก็ประจำเดือนมาตรงเวลา บางคนก็ 2-3เดือนมาที แฟนเก่าผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ผมจึงมองว่ามันไม่แปลก หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ได้มั้ง ผมกลับห้องไป เห็นผ้าอนามัยก็ อ่อ โล่งใจเปราะนึง ทีนี้ก็คบกันไปก็ต้องพูดถึงเรื่องอนาคตกัน ว่าจะซื้อรถ ซื้อบ้าน สร้างครอบครัว มีลูกสัก 1-2 คน แต่เธอกลับบอกผมว่า  เธอไม่อยากมีลูก ก็อย่างว่าแหละด้วยสภาพสังคมเศรษฐกิจตอนนี้ มันไม่พร้อมที่จะมีลูกกันจริงๆ ก็โอเคผมก็คิดว่าช่างเถอะ เมื่อถึงเวลาที่พร้อมกันจริงๆ เดี๋ยวมันก็มาเองแหละ เราก็คบกันต่อไป แน่นอนคนคบกันมันก็ต้องมีเรื่องทะเลาะกันบ้าง เวลาที่ทะเลาะกันเธอชอบไล่ให้ผมไปหาคนที่ดีกว่าตลอด(ลึกๆในใจเธอคงรู้ดีกับเพศสภาพตัวเองตลอด) แต่ผมก็ไม่ใส่ใจ จนกระทั่ง เราทะเลาะกันครั้งใหญ่ เธอบอกขอเลิก ผมตามง้อตามคุยจนปรับความเข้าใจกันได้ และเธอก็บอกผมว่า

เธอ : จริงๆเค้ามีเหตุผลนึง ถ้าเธอรู้เธอต้องอยากเลิกกับเค้าแน่ๆ
ผม : เหตุผลอะไรล่ะ บอกมาสิ
เธอ : เธอบอกเค้าว่าอยากสร้างครอบครัว อยากมีลูกใช่ไหม 
ผม : ใช่ ทำไมอ่ะ
เธอ : เค้ามีลูกให้เธอไม่ได้หรอก 
ผม ก็คิดอยู่พักนึงและพูดออกไปว่า : ทำไมอ่ะ เธอร่างกายไม่สมบูรณ์หรอ หรือว่าเป็นโรคอะไร ต้องตัดมดลูกทิ้งหรือไง
เธอเงียบสักพักและตอบกลับมาว่า : ไม่ใช่ว่าไม่มีแต่เค้าไม่มีมดลูกมาตั้งแต่เกิด

นั่นแหละครับ ผ่านมา 6 เดือนที่คบกัน ผมอึ้งเลย จะพูดว่าผมพลาดก็ไม่ผิด ผมว่าผมก็ดูดีแล้วนะ เรื่องที่ผมสงสัยมาตลอด เช่น เรื่องประจำเดือนไม่ตรง เสียงเธอแอบดูใหญ่นิดนึง ด้วยตัวผมเองผมถูกเลี้ยงมาโดยมีแม่ ป้า2คน ยาย และลูกพี่ลูกน้องผมก็เป็นเกย์ เพื่อนของผมก็มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย LGBT อีกทั้งเพื่อนร่วมงานของผมส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด เรื่องที่ผมสงสัยมันก็ไม่แปลกอะไรเลยเพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น ทำให้ผมไม่ได้คิดมาก
 
พอรู้ทุกอย่าง สิ่งต่างๆมันประโคมเข้ามาในหัว ที่ผมคิดที่ผมสงสัยมันจริงหรอ มันใช่หรอ ผมสับสนและงงไปหมด (ตอนที่ทะเลาะกัน ตอนนั้นผมอยู่หอพัก เธออยู่บ้านเธอ เพราะว่าผมติดโควิด) รุ่งขึ้นวันต่อมา เป็นเวลาที่ผมรักษาโควิดหายพอดี ผมกลับไปทำงาน ผมทำงานไป หาความจริงไป ผมไปเจอความจริง ในรายชื่อศิษย์ของมหา’ลัย ผ่านเว็บมหา’ลัย นั้น แล้วก็จริงครับ รายชื่อศิษย์เก่าคำนำหน้าเป็นผู้ชาย ผมนึกถึงเรื่องที่ทะเลาะกันเมื่อคืนผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ ลุกออกจากโต๊ะทำงานหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำ กลับมาทำงาน บางครั้งก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ ก็ต้องลุกออกไปในร้องไห้ในห้องน้ำ เป็นแบบนี้ทั้งวัน จนเลิกงานและกลับหอ เมื่อผมถึงห้องพักผมยังคงร้องไห้ กับเรื่องที่เกิดขึ้น จนผมโทรปรึกษาแม่

ผมเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง (ก่อนหน้านั้น ผมพาไปเปิดตัวกับที่บ้านตอนสงกรานต์ที่ผ่านมา) เชื่อไหมครับ แม่ผมให้คำปรึกษาที่ดีมาก แม่ผมบอกว่า

“แม่ไม่ติดใจหรอกนะ เมื่อลูกเลือกแล้ว แม่ก็เคารพในการตัดสินใจของลูก คนที่จะอยู่กับลูกตลอด ไม่ใช่แม่ ไม่ใช่ญาติพี่น้องคนไหน ไม่ใช่เพื่อนฝูง คนที่จะอยู่กับลูกก็คือคู่ชีวิตของลูก คบกันก็ขอพากันไปในทางที่ดี อย่าพากันไปสร้างหนี้สร้างสิน อย่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุหร่ายจนชีวิตมันเกินตัว หากมั่นใจในตัวเขาก็คบกันต่อไป”

คำพูดนี้จากแม่ทำเอาผมร้องไห้โฮอีกครั้งนึงเลย ก่อนหน้านั้นช่วงที่ผมโสด 5-6 ปี แม่ผมก็ชอบแซวผมว่า “จีบใครไม่ติด รักใครชอบใครก็โดนเขาหักอกหมด ลองคบกับกะเทยที่แปลงแล้วก็ได้นะ ไม่ต้องลำบากเลี้ยงลูก คบสบายแม่เองก็ไม่อยากได้หลานหรอก”
หลังจากนั้นผมหายจากโควิด เธอกลับมา เรานั่งพูดคุยกันทุกเรื่อง แล้วผมตัดสินใจคบกับเธอต่อ เพราะผม”รัก”เธอไปแล้ว
ก่อนหน้าที่ผมจะเจอเธอ ผมก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย สำมะเลเทเมา เงินเดือนชนเดือนไม่เหลือเก็บ ทำงานมาเกือบ 10ปี รถคันนึงยังไม่มีปัญญาจะซื้อเลย เป็นผู้ชายที่ห่วยแตกคนนึง ที่คิดอยากจะมีแฟนอยากมีคู่ชีวิตแต่ไม่คิดจะสร้างตัว การใช้ชีวิตคู่แค่รักอย่างเดียวมันกินไม่ได้มันต้องมีเงิน ต้องสร้างฐานะตัวเองให้ดีในระดับนึงด้วย

พอคิดย้อนกลับไป ตั้งแต่ที่คบกับเธอชีวิตผมดีขึ้นมากนะ เธอทำให้ผมมีความหวังในการสร้างชีวิต ชีวิตผมเป็นระบบระเบียบมากขึ้นเริ่มมีเงินเก็บ เริ่มใช้จ่ายอย่างประหยัดและพอดี

ผมรักเธอ ศรัทธาในความเข้มแข็งของเธอ เธอเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับชีวิตของเธอ แม่ของเธอเสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก พ่อของเธอก็มาเสียตามไปตอนเธอเรียนอยู่สมัย ปวช. และพี่สาวเธอมาเสียตามไปอีกตอนเธอเรียนอยู่มหา’ลัย เธอโดนญาติฝั่งพ่อโกงสมบัติอีก ตอนที่พ่อเธอเสียพี่สาวเธอและตัวเธออายุยังไม่ถึง 20ปี แน่นอนครับ ป้าเธอเลยเป็นผู้จัดการมรดกแทน ชื่อทุกอย่างเป็นของป้า จนทุกวันนี้ผ่านมา 10ปี ป้าของเธอก็ไม่โอนสมบัติของพ่อให้เธอเลยกลับไปอีกทีป้าเขาขายสมบัติกินไปแล้วเรียบร้อย ดูสิครับ ผมมานั่งคิดเธอเข้มแข็งเพียงใด ที่ใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวทั้งที่อายุตั้งแต่ 20 จนถึงปัจจุบัน ช่วงที่คบกันเธอไม่เคยพาไปเจอญาติทางใั่งพ่อเธอเลย เพราะเธอแค้นมาก เจอแค่ญาติทางฝั่งแม่ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องเพียงคนเดียว การเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคสีส้มชนะ ดูเธอมีความหวังกับประเทศนี้มาก โดยเฉพาะกฏหมายสมรสเท่าเทียม นั่นแหละเป็นสิ่งที่ชาว LGBT+ ต้องการมากที่สุดอย่างหนึ่ง

หลังจากวันที่รู้ความจริงทุกอย่างก็ผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้วที่ผมตัดสินใจคบต่อ รวมตอนนี้ก็คบกันได้ จะครบ 7 เดือนแล้ว และจะคบต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ผมเองก็ยังมั่นใจว่าผมยังเป็นผู้ชาย 100% ผมมองเธอรักเธอในฐานะที่เขาเป็นผู้หญิงคนนึงทั้งกายและใจ หากจะต้องเลิกลากันไปคงไม่ใช่เหตุผลที่เธอไม่ใช่ผู้หญิงแท้ แต่จะต้องเป็นเหตุผลที่คู่รักคู่หนึ่งไม่สามารถไปต่อด้วยกันได้

ตอนที่เธอบอกเราก็คบกันได้ 6 เดือนแล้ว ถือว่ายังโชคดีนะที่เธอตัดสินใจบอกเร็วกว่านี้ ดีกว่าที่ว่าผมจะต้องวาดฝันไว้หรือผ่านไปเป็นปี 2 ปี หากมารู้ถึงตอนช่วงเวลานั้นความคิดของผมอาจจะไม่ใช่อย่างวันนี้ก็ได้ และก็โชคดีอีกอย่างที่เธอตัดสินใจแปลงเพศ ถ้าเธอยังมีเจ้าช้างน้อยอยู่ ผมก็ปฏิเสธในตัวเธอเหมือนกัน อีกทั้งผมเองก็เปิดตัวทั้งที่บ้านและกลุ่มเพื่อนๆ หากเพื่อนๆหรือญาติถาม "ทำไมแฟนเหมือนกะเทย" มันก็ไม่แปลกที่หลายคนจะตั้งคำถาม ด้วยความเป้นจริงของสังคม บางครั้ง "ผู้หญิงก็สวยเหมือนกะเทย กะเทยสวยกว่าผู้หญิง" หากใครมีคำถามเกี่ยวกับตัวเธฮ ผมก็จะไม่บอกนะ ให้เขาสงสัยและคิดกันไปเอง เพราะเรื่องนี้มันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล การที่จะป่าวประกาศว่า ผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงข้ามเพศมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติคนที่เรารัก และมันก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต่อจิตใจของคนคนนึง ถ้าเธอจะบอกให้เธอบอกเอง 

ฝากเป็นกำลังใจให้กับคู่รักหลายคู่ โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่มีรักแบบผม ให้รักด้วยความศรัทธาและรักเขาในแบบที่เขาเป็นจริงๆนะครับ และฝากถึงผู้หญิงข้ามเพศทั้งหลาย อย่ากลัวที่จะบอกความจริง เพราะความจริงก็คือความจริง หากเขารับไม่ได้ก็คิดซะว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ หากเจอผู้ชายที่ยอมรับได้ ก็ขอให้เป็นความรักที่ดีและอยู่ด้วยกันยืนยาว

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของผม และหวังว่าผมจะเล่าเรื่องนี้ผ่านกระทู้นี้ต่อไป

ปล.หากมีคำไหนไม่เหมาะสม ขอให้มั่นใจว่าไม่ได้มีเจตนาดูถูกหรือเหยียดหยามเพศใดๆ เพียงแต่คำศัพท์บางคำเป็นการอ้างอิงถึงคำพูดที่คนเราใช้สนทนากันเท่านั้น หากกระทบต่อจิตใจผู้อ่านบางท่าน ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่