ตามที่หัวข้อว่ามาเลยค่ะ เราโดนพ่อกึ่งบังคับให้เรียนคณะที่ไม่ชอบ นั่นคือคณะนิติ มธ. แต่เราไม่ชอบค่ะ เพราะเรามีคณะที่เลือกไว้อยู่แล้วนั่นคือ อักษรศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ เราชอบภาษาญี่ปุ่นค่ะชอบแบบมากๆ แต่มันต้องควบคู่อังกฤษด้วยเราเลยพยายามเรียนอังกฤษไปด้วย และเราตกคำนวณแบบมากๆคะแนนก็อนาถจนรับไม่ได้ เราเคยพยายามกับคำนวณแล้วแต่ไม่ไหว เกรดเราดีมาตลอดไม่เคยต่ำกว่า3.50ตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย ภาษาก็เกรดไม่เคยตก เคยไปแข่งวิชาการบ้าง เราพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า เนี่ย เราชอบทางนี้มากๆเราอยากจะเรียนทางนี้ แรกพ่อเหมือนจะสนับสนุน แต่พอปิดเทอมล่าสุด พ่อบอกให้เราเข้านิติเพราะอยากให้เราเข้าราชการ แก่ไปจะได้ไม่ลำบากมาก เราเคยอธิบายแล้วค่ะ อธิบายทุกอย่าง ว่าทำไมเราเรียนทางนี้ สายนี้ทำอาชีพอะไรได้บ้าง มีข้อดียังไง แต่เค้าเอาแต่บอกว่าภาษาน่ะมันไม่ช่วยอะไรหรอก เราเลยบอกว่าจะยอมเป็นครูก็ได้แต่ก็ยังอยากเป็นครูสอนภาษา ขอเรียนทางสายอักษรศาสตร์อยู่ดี ก็เถียงกันจนเราหนีกลับตจว.เร็วกว่าปกติ ล่าสุดโดนพ่อปล่อยลอยแล้วค่ะ พ่อไม่ส่งเรียนอะไรแล้ว เราเลยต้องฮู้บทำงานหาเงินเอง แต่ทางจังหวัดเราหางานยากมากๆค่ะ ความจริงตอนเด็กเราจะเรียนวาดรูปเพราะชอบวาดรูปเอามากๆแต่แม่บอกว่ามันจะทำงานอะไรจะไปรอดเหรอ เราเลยยอมเปลี่ยนมาเรียนภาษาให้จนมาเจอภาษาญี่ปุ่นค่ะ เราเครียดมากเพราะการเงินเราเรียกได้ว่าจนเลยค่ะ บางครั้งแทบไม่มีเงินซื้อข้าวกินที่โรงเรียน จนบางทีเราก็คิดว่าเราเพ้อฝันมากไปเหรอ เราอาจจะเพ้อเจ้อเกินไปก็ได้ ที่คิดว่าตัวเองสามารถไปม.ดีๆได้ไม่ดูสภาพตัวเอง เราเป็นคนคิดในแง่ร้ายและเครียดบ่อยๆ เคยคิดว่าถ้าตัวเองเรียนนิติแบบพ่อบอกคงไม่รอด มันมีความคิดที่อยากตายโดยไม่ลังเล ที่เรายังอยู่มาทุกวันนี้เพราะนิยายเรายังอ่านไม่จบค่ะ อยากร้องไห้แต่กลัวว่ามันจะดูอ่อนแอ ทั้งที่โตขนาดนี้ยังต้องร้องไห้ พึ่งพาคนอื่นอยู่อีก เรากลัวจะโดนมองแบบนี้ และคำที่พ่อใช้ไม่รู้ว่าเรามีสิทธิ์ไหม แต่พ่อบอกว่า "รักพ่อไหม ถ้ารักก็ฟังพ่อ" เหมือนจะบอกกลายๆว่าที่เราไม่ยอมเรียนตามที่บอกจะเป็นการที่เราไม่รักพ่อ เราบอกว่าเราไปนิติไม่รอดจริงๆ แต่เค้าก็เอาพี่ที่รู้จักมาอ้างว่าพี่เค้าก็เรียนภาษาแต่มาเข้านิติก็ยังทำได้เลย ง่ายๆคือพี่คนนี้โดนบังคับเหมือนกันแต่ที่ต่างคือพี่เค้าทำได้ เลยคิดว่าตัวเราก็ทำได้ถ้าพยายาม เหมือนเค้าไม่เคยเห็นความรู้สึกเราเลยเหนื่อยมากจริงๆค่ะ
โดนบังคับเรียนคณะที่ไม่ชอบมากๆ