JJNY : ฮาร์วาร์ดยันเอง│ชลน่านเตือน ‘เรืองไกร’ ระวังร้องเท็จ│ชัชชาติถ่อมตัว เทียบก.ก.ไม่ติด│ส.อ.ท.ห่วงตั้งรัฐบาลช้า

ฮาร์วาร์ด ยืนยันเอง ‘พิธา’ จบจากมหาวิทยาลัย ‘จริง’ เปิดรายงานตอนเรียนโชว์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3994982
 
 
ฮาร์วาร์ด ยืนยันเอง ‘พิธา’ จบจากมหาวิทยาลัย ‘จริง’ เปิดรายงานตอนเรียนโชว์
 
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเผยแพร่ข้อความระบุว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่เป็นโรงเรียนชื่อฮาร์วาร์ดเคนเนดี้ ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งคำกล่าวอ้างนี้ถูกแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์
 
โดยอ้างว่า สมาชิกคนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทหารที่เข้ามารัฐประหารประเทศในปี 2557 ตั้งข้อสงสัยว่า พิธาอาจไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยอเมริกันชื่อดังจริง
 
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว AFP โดย AFP Fact-Check ประเทศไทย ในส่วนของการตรวจสอบข่าวปลอม ได้เผยแพร่ข้อมูลโดยระบุว่า

จิม มีแฮน เจ้าหน้าที่ทะเบียนจากวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคนเนดี้ ตอบ AFP ทางอีเมลเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ว่า “ฝั่งทะเบียนแห่ง HKS ยืนยันว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลงทะเบียนเรียนเต็มเวลาในระดับรัฐประศาสนศาสตร์ มหาบัณฑิต ที่วิทยาลัยการปกครองจอห์น เอฟ เคนเนดี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
 
เขาเริ่มการศึกษาในเดือนกันยายน 2551 และสำเร็จการศึกษารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตในวันที่ 26 พฤษภาคม 2554
  
ข้อเท็จจริงนั้น ตรงกันข้ามกับคำกล่าวอ้างในโพสต์ที่ทำให้เข้าใจผิด เพราะจากข้อมูลทางการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด HKS เป็นหนึ่งใน 11 วิทยาลัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด วิทยาเขตเคมบริดจ์
 
ขณะที่ คริสเตียน คีเทลส์ หนึ่งในอาจารย์จากโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด (HBS) กล่าวกับ AFP เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลงเรียนในวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาคเพื่อการแข่งขัน ซึ่งเป็นวิชาที่สอนโดยโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด ในปี 2554 วิชาดังกล่าวเป็นการเรียนควบทั้งกับ HBS และวิทยาลัยปกครองเคนเนดี้

คุณลิ้มเจริญรัตน์ลงเรียนในวิชานี้ในฐานะนักเรียนจากวิทยาลัยเคนเนดี้ เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ศึกษาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
 
สำหรับ รายงานประเด็นอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่พิธาร่วมเขียนนั้นถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ของโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด (คลิกอ่านผลงานของนายพิธา ที่นี่ )
 
ที่มา : Fact-Check ประเทศไทย


 
ชลน่าน เตือน ‘เรืองไกร’ ระวังร้องเท็จ มั่นใจพรรคร่วมไม่ถูกยุบ ถาม MOU ครอบงำตรงไหน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3995108

‘ชลน่าน’ มั่นใจการลงเอ็มโอยู 8 พรรคไม่เข้าข่ายครอบงำเป็นเหตุให้ถูกพรรคยุบ เตือน ‘เรืองไกร’ ระวังยื่นคำร้องอันเป็นเท็จหรือไม่
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลลงนามเอ็มโอยู เป็นการครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่ว่า เป็นสิทธิของนายเรืองไกร ตนมองว่าการยื่นร้องของนายเรืองไกรทำตามหน้าที่ แต่ต้องระมัดระวังว่าจะเข้าเงื่อนไขขัดต่อ พระราชบัญญัติประกอบประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 101 หรือไม่ ว่าด้วยในการร้องเท็จ ใส่ร้ายพรรคการเมือง ต้องไปดูในรายละเอียดคำร้อง

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาว่าการยื่นร้องดังกล่าวเป็นคำร้องเท็จหรือไม่ สำหรับเรื่องจากการลงนามเอ็มโอยูนั้น เป็นการทำร่วมกันอย่างเป็นอิสระภายใต้ความเห็นชอบแต่ละพรรคที่จะตกลงร่วมกัน ซึ่งไม่เห็นว่าจะเป็นการครอบงำชี้นำตรงไหน และมั่นใจว่าไม่เข้าข่ายทำให้พรรคร่วมถูกยุบพรรคแน่นอน
 
การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุด แต่ 8 พรรคมีอิสระที่จะทำเพื่อบ้านเมือง เอาเรื่องที่ร้องให้จบก่อน อย่าเพิ่งขยับไปเรื่องอื่น” นพ.ชลน่าน กล่าว



ชัชชาติถ่อมตัว เทียบก.ก.ไม่ติด ลั่น ‘เราเล็กกว่าเยอะ’ – เชื่อโอกาสดี ‘ทบทวนความล้าสมัย’ หันหน้าคุยเลิกทะเลาะ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3995104

ชัชชาติ ลั่น ‘เราเล็กกว่าเยอะ’ ถ่อมตัว เทียบก้าวไกลไม่ติด – เชื่อ โอกาสดี ‘ทบทวนความล้าสมัย’ ชวนเปลี่ยนความคิด พลิกการกระทำ แนะคุยกัน เลิกทะเลาะแล้วเดินหน้า
 
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ At Work ชั้น 3 อาคาร CentralwOrld Office เขตปทุมวัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในงานแถลงข่าว THAILAND’S PRIDE CELEBRATION 2023 “PRIDE FOR ALL” โดยได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่บริเวณหน้าแบ็คดรอป ถึงประเด็นที่ประชาชนเปรียบเทียบบรรยากาศระหว่างการได้ว่าที่ผู้นำคนใหม่ในการเมืองภาพใหญ่สะท้อนบรรยากาศช่วงที่กรุงเทพมหานครได้ผู้ว่าราชการคนใหม่

นายชัชชาติกล่าวว่า บรรยากาศในช่วงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครนั้น เล็กกว่าเยอะ เพราะเป็นเพียงระดับท้องถิ่น แต่นี่เป็นถึงระดับประเทศ ซึ่งอิมแพค (impact) ในระดับประเทศมากกว่าของเราเยอะ พรรคก้าวไกลมีคนโหวต 14-15 ล้านคน ในขณะที่เรามีเพียงล้านคน เพราะฉะนั้นของเราเป็นระดับเล็กเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งใหญ่
 
ผมว่าก็เป็นสิ่งที่ดี พอมีการเปลี่ยนแปลงทำให้เราต้องตื่นตัวมากขึ้น ทุกคนต้องมาทบทวนความคิดใหม่ ว่าความคิดที่เรามีอยู่มันล้าสมัยไหม องค์ความคิดใหม่คืออะไร จะปรับตัวอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลง ผมว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ดี เราก็ช่วยกันเดินหน้าไปด้วยกัน บรรยากาศนี้ก็เป็นบรรยากาศที่ดี แต่เราคงไม่กล้าเอาตัวเราเองไปเทียบ เพราะว่าของเราเองมันเป็นแค่ท้องถิ่น ไม่เยอะ” นายชัชชาติกล่าว

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อถึงประเด็นความคิดเห็นว่า หลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ มองว่าเป็นช่วงที่ประชาธิปไตยกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวหรือไม่
นายชัชชาติกล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี หลายๆ เรื่องที่คนไม่เคยคุยกันก็คุยกันในครอบครัวได้มากขึ้น และก็ชอบเรื่องที่ว่า ‘สุดท้ายแล้วจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว’ ถ้าเราไม่เปลี่ยนความคิด เราไม่มีทางเปลี่ยนการกระทำได้เลย
 
ถ้าเกิดเราเริ่มคิดอะไรใหม่ๆ มีการทบทวนกัน มีการคุยกันโดยไม่ต้องทะเลาะกันได้ ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ผมว่าก็เป็นมิติที่ได้เห็นความตื่นตัว อันนี้ผมว่าก็สำคัญต้องเริ่มจากความคิด แนวคิด แล้วเดี๋ยวมันจะเปลี่ยนการปฏิบัติได้” นายชัชชาติกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่