เสรีพิศุทธ์ ฝากถึง ประยุทธ์ หลังจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ มีเรื่องต้องสะสางกัน
https://www.amarintv.com/news/detail/176233
เสรีพิศุทธ์ ฝากถึง ประยุทธ์ เตรียมตัวโดนเช็กบิล ลั่น! คดีใหญ่ๆ ทั้งนั้น "หมอชลน่าน" เชื่อ ส.ว.โหวต "พิธา" ตามครรลองประชาธิปไตย
วันที่ 18 พ.ค.66 โหนกระแส เชิญตัวตึงการเมือง นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย สองตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล มาร่วมพูดคุยหลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นำ 8 พรรคฯ แถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล
โดย นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว เผยว่า แนวทางการวางนโยบายของพรรคก้าวไกลคือเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาเรื่องของการแบ่งกระทรวงมาเป็นตัวตั้งเหมือนการเมืองยุคเก่า ซึ่งแต่ละนโยบายที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือกัน เป็นไปในลักษณะกลางๆ สิ่งไหนที่เราเห็นว่าจะเป็นปัญหา ก็ท้วงติงไป ทางก้าวไกลเขาก็ยินดีถอย
หมอ
ชลน่าน บอกว่า ตัวเลขของรัฐบาลที่เห็นว่าเข้มแข็ง คือประมาณ 300-310 ที่นั่ง หากเกินไปกว่านี้ จะเป็นไปตามวาทกรรมที่เคยเกิดขึ้นคือ เผด็จการรัฐสภา หากเราไปรุกล้ำฝ่ายตรวจสอบเกินไป มันก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้ ในกรณีที่มีคนบอกว่า ต้องรวมไปให้ได้ถึง 376 เสียง ก็ต้องถามว่า เราจะรวมไปขนาดนั้นเพื่ออะไร มันจะมีปัญหาอีกหลายประการตามมา
ตามหลักแล้วเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยได้รวมกัน 25 ล้านเสียง จากทั้งหมด 39 ล้านเสียง ของประชาชนชาวไทยที่มาเลือกตั้งมันก็แสดงให้เห็นว่าฉันทามติ เสียงข้างมากของพี่น้องประชาชน โหวตเลือกใครเป็นรัฐบาล ต้องการให้ใครเป็นนายกฯ การเลือกนายกฯ ในสภา ก็ควรจะยึดหลักการนี้ เลือกคุณ
พิธาเป็นนายกฯ ซึ่งตนก็เชื่อว่า ส.ว.จำนวนหนึ่ง จะมายกมือโหวตเลือกคุณพิธา ตามครรลองประชาธิปไตย
ด้าน พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส กล่าวในส่วนของตนเองว่า ตนคงไม่เรียกร้องว่าจะต้องนั่งกระทรวงใด มองว่ามันไม่เหมาะสม เรื่องนี้อยู่ที่ผู้มีอำนาจ นายกฯ จะดำเนินการ ตนไม่เรียกร้อง ไม่เป็นก็ได้ ให้คนในพรรคเป็นก็ได้ แต่ถ้าในแง่ความถนัด ตนเองถนัดงานด้านความมั่นคงมากกว่า พวกเจ้าพ่อ มาเฟีย บอกเลยตนไม่ยอม ยาเสพติดเป็นศูนย์ ไปดูนโยบายของตนได้เลยแล้วคอยดูละกันถ้ามีโอกาส
นอกจากนี้ พล.ต.อ.
เสรีพิศุทธ์ ยังเผยด้วยว่าเมื่อจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว มีเรื่องต้องสะสางกับ พล.อ.ประยุทธ์
"
คุณประยุทธ์ก็รอให้ผมเข้าสภาไปก่อนนะ คุณเคยฝากมาถึงผมว่ามีเรื่องมีคดีอะไรที่ค้างอยู่ ปปช. ไหม แล้วตัวคุณเองน่ะมีไหม เช็กบิลแน่นอน"
‘ชัยธวัช’ เชื่อมั่นพท. ช่วยตั้งรบ.สำเร็จ รับแนวโน้มดี เห็นส.ว.โชว์จุดยืน ตามเสียงส่วนใหญ่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3986892
‘ก้าวไกล’ เผยจัดเซ็น MOU 22 พ.ค.นี้เหตุครบรอบรัฐประหาร เชื่อ จะเป็นไปได้ด้วยดี ชี้ ส.ว.ออกมาแสดงจุดยืนหนุน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ เป็นทิศทางที่ดี
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 พฤษภาคม ที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการเซ็น MOU พรรคร่วมรัฐบาล ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ว่า เมื่อวานนี้ (17 พฤษภาคม) ทุกพรรคก็เห็นด้วยที่จะมีการเซ็น MOU และแถลงข่าวในวันที่ 22 พฤษภาคม อย่างที่ทราบเพราะเป็นวันครบรอบการรัฐประหารในปี’57
เมื่อถามว่า ต้องมีการพูดคุยอะไรเพิ่มหรือไม่ นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า มีหลายเรื่อง เพราะแต่ละพรรคมีวาระหลักที่ต้องการผลักดัน ฉะนั้น ต้องมาดูว่าอันไหนตรงกัน แม้ไม่ตรงกันแต่ไปด้วยกันได้ก็ต้องคุยกัน รายละเอียดจะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องคุยกัน แต่ละพรรคก็ส่งตัวแทนหลักที่จะมาคุยกันเพื่อให้ได้ข้อตกลงกันก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม
“
เนื่องจากแต่ละพรรคมีนโยบายที่เยอะมาก เราไม่สามารถยัดทุกอย่างเข้าไปใน MOU ได้ เราพยายามหาจุดร่วมและเป็นประเด็นหลักที่เราเห็นร่วมกัน คงไม่สามารถประกาศทุกอย่างได้ ว่าแต่ละพรรคจะทำอะไรบ้าง รัฐบาลจะทำ 100-200 เรื่องก็คงไม่ขนาดนั้น” นายชัยธวัชกล่าว
เมื่อถามว่า ก่อนจะเซ็น MOU ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีหรือไม่ นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ก็มีการถกกันอยู่พอสมควรว่า ควรจะมีเรื่องไหนบ้าง รายละเอียด รวมไปถึงโครงสร้าง MOU คาดว่าจะจบได้ภายในวันที่ 22 พฤษภาคม และเราก็เห็นร่วมกันว่าวันที่ 22 พฤษภาคมเป็นวันดี
เมื่อถามว่า ทางพรรค ก.ก.ส่งใครไปเจรจากับ ส.ว. นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า ก็ช่วยกัน ตนเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าไปคุยด้วย เราเชื่อว่า ได้พูดคุยกันต่อหน้า และทำความเข้าใจกันดีที่สุด ส.ว.จำนวนมากเป็นผู้ใหญ่ มีวิจารญาณที่ดี ว่าบ้านเมืองควรจะเดินไปในทิศทางไหน หลายคนก็ได้รับข้อมูลที่ไม่ค่อยตรง การพูดคุยก็จะทำให้เข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ตนคิดว่าเป็นทิศทางที่ดีที่ ส.ว.หลายคนออกมาแสดงจุดยืน สุดท้ายอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่หลายคนกังวลใจขนาดนั้น
ถามต่อว่า มีความเห็นอย่างไรที่ ส.ว.ที่มาจากกองทัพ แสดงจุดยืนว่าไม่ออกเสียงโหวต นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า ส.ว.ที่อดีตเคยเป็นทหาร เท่าที่ตนสัมผัสก็ไม่ได้เป็นเอกภาพขนาดนั้น หลายท่านก็มีความคิดเป็นของตัวเอง อย่าไปเหมารวมว่าถ้าเป็นทหารต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น ในระหว่างสมัยประชุมที่แล้ว ก็เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนหลายเรื่อง ซึ่งก็มีเหตุมีผลที่เข้าใจตรงกัน
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่บนเวทีมีการพูดถึงการยืนยัน เรื่องของความคิดที่ต่างกันอาจจะมีดีลลับจะไม่เกิดขึ้น นายชัยธวัชกล่าวว่า เราได้ข้อสรุปในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ตนคิดว่าความไว้วางใจ การให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญ หากมัวแต่คิดเช่นนั้นเช่นนี้ก็ไม่สามารถจับมือร่วมกันได้ ส่วนทางพรรค พท.ก็ยืนยันว่าจะจับมือกับพรรค ก.ก. เนื่องจากมีกระแสข่าวออกมาเยอะ ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลจะสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ 2 พรรคอย่างปฏิเสธไม่ได้
ปริญญา ชี้ ‘ส.ว.งดออกเสียง’ เท่ากับไม่ยอมรับมติปชช. แนะหาเสียง ส.ว.-ส.ส. ขอแรงหนุนเลือกนายกฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3987259
ปริญญา ชี้ ‘ส.ว.งดออกเสียง’ เท่ากับไม่ยอมรับมติปชช. แนะหาเสียง ส.ว.-ส.ส. ขอแรงหนุนเลือกนายกฯ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมจิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชนจาก 10 สถาบัน ร่วมกับสื่อมวลชน 10 สำนัก ได้แก่ มติชน, เวิร์คพอยท์, เนชั่น, ไทยรัฐทีวี, ช่องวัน, PPTV, The Reporters,The Standard, The Matter
และ The Momentum ร่วมจัดแถลงผลการลงคะแนน ‘
เสียงประชาชน’ และอภิปราย ‘
ประชาธิปไตย การตั้งรัฐบาล และการเมืองหลังเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566’
นำโดย ผศ.ดร.
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.
ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย, รศ.ดร.
โอฬาร ถิ่นบางเตียว มหาวิทยาลัยบูรพา, ผศ.ดร.
วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, รศ.ดร.
พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า)
ผศ.ดร.
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล แถลงผลการโหวตลงคะแนน ‘เสียงประชาชน’ ไว้ว่า การโหวตจากทั่วประเทศคือ 3,487,313 โดยโหวตจากในประเทศมากที่สุด จากต่างประเทศอาทิเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย อเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซียไต้หวัน กัมพูชา รวมเป็น 167 ประเทศที่มีส่วนร่วมในการโหวต ด้านผลการโหวตเห็นด้วยให้ ส.ว.โหวตตามเสียงประชาชนเป็นทั้งหมด 2,951,048 คน คิดเป็น 85% เสียงไม่เห็นด้วยคือ 536,266 คน คิดเป็น 15%
“
ผมขอตั้งข้อสังเกตอยู่ประการหนึ่ง ใน 12 ชั่วโมงสุดท้าย แอดมินแจ้งว่าในเวลาก่อนเที่ยงคืนตัวเลขผลการโหวตคือ 93% 12 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการโหวตอย่างผิดปกติ 300,000 ครั้ง ใน 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา เราก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เป็นความผิดปกติการที่มีจำนวนถึง 300,000 คนเข้ามาในเวลา 12 ชั่วโมง ก็เป็นข้อสังเกตและเป็นข้อที่น่ากังวลใจอยู่บ้างถ้าข้อกังวลเป็นเรื่องจริง ก็คล้ายกับว่ามีความพยายามอะไรบางอย่างหรือเปล่า ที่จะทำให้เสียงของประชาชน ที่เห็นด้วยว่า ส.ว. ควรโหวตตามเสียงข้างมากของ ส.ส. ให้น้อยลงหรือเปล่า” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
“
หลักการคือมือถือ 1 เครื่องโหวตได้ 1 ครั้งก็เป็นไปได้มากว่าจะมีคนมามากกว่า 1 ครั้งและมีมือถือมากกว่า 1 เครื่องหรือมีอุปกรณ์ในการโหวตที่ทำส่วนได้มากกว่าคนทั่วไป แต่คนใหญ่ก็มีมือถือแค่เครื่องเดียว” ผศ.ดร.ปริญญาชี้
ในตอนหนึ่ง ผศ.ดร.
ปริญญากล่าวว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่ ส.ว.ควรเคารพเสียงประชาชนโดยโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงข้างมากของ ส.ส. เพราะผลก็คือแลนด์สไลด์ 85% และแลนด์สไลด์ยิ่งกว่า 14 พฤษภาคมที่ผ่านมาเสียอีก
“
นี่คือเสียงประชาชนที่เราควรจะถามและรับฟังให้บ่อยยิ่งขึ้น ประชาธิปไตยนั้นไม่ใช่เพียงแค่การเลือกตั้ง แต่ผู้ที่มาจากการเลือกตั้งก็ควรที่จะฟังเสียงของประชาชน ไม่ว่าจะอยู่พรรคการเมืองใด ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมวิธีการยุติความเห็นต่างก็คือเป็นไปตามกติกาของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา นั่นคือถ้ามีพรรคการเมือง ในการอนุมัติจากประชาชนด้วยเสียงข้างมากก็ตั้งรัฐบาล หากว่าไม่มีพรรคใดได้คะแนนเกินครึ่งพรรคอันดับหนึ่ง ก็มีสิทธิชวนพรรคอื่นมารวมเสียงให้ถึงครึ่งแล้วตั้งรัฐบาลนี่คือวิถีทางที่มันเกิดขึ้นแล้ว เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันประคับประคองประชาธิปไตยจากหีบบัตรเลือกตั้ง ให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งเดินหน้าต่อไป” ผศ.ดร.
ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.
ปริญญา ตอบคำถามกรณีหุ้นสื่อของ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า
การที่จะไม่รับรองผลก่อนประกาศผลก็เป็นความประหลาดอยู่แล้ว เพราะประชาชนเลือกมาถ้าหากจะไม่ได้เป็น ส.ส. ต้องเป็นเรื่องของศาล แต่เราไปให้อำนาจ กกต. ให้ ใบเหลือง ใบแดงใบส้ม ใบดำ ใบต่างๆ การตั้งรัฐบาลในระบบรัฐสภาไม่ใช่แค่การเลือกสมาชิกของฝ่ายนิติบัญญัติแต่คือการตั้งรัฐบาลว่าประกาศผลอย่างไร รับรอง ส.ส. อย่างไร ซึ่งมีส่วนได้เสียทั้งสิ้นต่อการตั้งรัฐบาล จากพรรคอันดับสอง อาจกลายเป็นพรรคอันดับอื่น หากประกาศผลโดยไม่คำนึงถึงว่ากำลังจัดตั้งรัฐบาลกันอยู่ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องพึงระวัง
ถ้าหากว่าไม่ใช่เรื่องของการคดโกงทุจริตซื้อเสียง เช่น กรณีของนายพิธา ถือหุ้นไอทีวี ตามข้อเท็จจริงคือไอทีวีไม่ได้ดำเนินการเป็นสื่อมา 17 ปีแล้ว ตามอำนาจของ กตต.ที่มี กกต.มีอำนาจที่จะไม่รองรับผู้หนึ่งผู้ใดที่คุณสมบัติไม่ครบแต่กระบวนการเช่นนี้ควรเกิดก่อนเลือกตั้ง และเรื่องนี้ก็มีการพูดก่อนเลือกตั้งไม่ใช่มาทำหลังเลือกตั้ง เมื่อหลังเลือกตั้งแล้วก็ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย วิธีการคือทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมเที่ยงตรง และยกให้เป็นอำนาจของตุลาการ” ผศ.ดร.
ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.ปริญญา ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมในประเด็นนี้คือ ข้อกฎหมาย มาตรา 98 (3) เรื่องการถือหุ้นสื่อซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้ามของการเป็น ส.ส. ซึ่งการเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ที่มาตรา 160 โดยมาตรา 160 ก็ให้เอาคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 98 เช่นกันถ้าจะมีปัญหาก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ส.ส. ดังนั้นจะมีคุณสมบัติหรือไม่ มาตรา 98 ยังไปไม่ถึงเพราะยังไม่ใช่รัฐมนตรี ผศ.ดร.ปริญญาอธิบาย
JJNY : 5in1 ถึงประยุทธ์│‘ชัยธวัช’เชื่อมั่นพท.│ปริญญาชี้‘ส.ว.งดออกเสียง’│คุก 3 อดีตส.ส.ภูมิใจไทย│ตรังรับไม่ได้ ขึ้นค่าแรง
https://www.amarintv.com/news/detail/176233
เสรีพิศุทธ์ ฝากถึง ประยุทธ์ เตรียมตัวโดนเช็กบิล ลั่น! คดีใหญ่ๆ ทั้งนั้น "หมอชลน่าน" เชื่อ ส.ว.โหวต "พิธา" ตามครรลองประชาธิปไตย
วันที่ 18 พ.ค.66 โหนกระแส เชิญตัวตึงการเมือง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย สองตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล มาร่วมพูดคุยหลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นำ 8 พรรคฯ แถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล
โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เผยว่า แนวทางการวางนโยบายของพรรคก้าวไกลคือเอาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาเรื่องของการแบ่งกระทรวงมาเป็นตัวตั้งเหมือนการเมืองยุคเก่า ซึ่งแต่ละนโยบายที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือกัน เป็นไปในลักษณะกลางๆ สิ่งไหนที่เราเห็นว่าจะเป็นปัญหา ก็ท้วงติงไป ทางก้าวไกลเขาก็ยินดีถอย
หมอชลน่าน บอกว่า ตัวเลขของรัฐบาลที่เห็นว่าเข้มแข็ง คือประมาณ 300-310 ที่นั่ง หากเกินไปกว่านี้ จะเป็นไปตามวาทกรรมที่เคยเกิดขึ้นคือ เผด็จการรัฐสภา หากเราไปรุกล้ำฝ่ายตรวจสอบเกินไป มันก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้ ในกรณีที่มีคนบอกว่า ต้องรวมไปให้ได้ถึง 376 เสียง ก็ต้องถามว่า เราจะรวมไปขนาดนั้นเพื่ออะไร มันจะมีปัญหาอีกหลายประการตามมา
ตามหลักแล้วเมื่อผลการเลือกตั้งออกมา ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยได้รวมกัน 25 ล้านเสียง จากทั้งหมด 39 ล้านเสียง ของประชาชนชาวไทยที่มาเลือกตั้งมันก็แสดงให้เห็นว่าฉันทามติ เสียงข้างมากของพี่น้องประชาชน โหวตเลือกใครเป็นรัฐบาล ต้องการให้ใครเป็นนายกฯ การเลือกนายกฯ ในสภา ก็ควรจะยึดหลักการนี้ เลือกคุณพิธาเป็นนายกฯ ซึ่งตนก็เชื่อว่า ส.ว.จำนวนหนึ่ง จะมายกมือโหวตเลือกคุณพิธา ตามครรลองประชาธิปไตย
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส กล่าวในส่วนของตนเองว่า ตนคงไม่เรียกร้องว่าจะต้องนั่งกระทรวงใด มองว่ามันไม่เหมาะสม เรื่องนี้อยู่ที่ผู้มีอำนาจ นายกฯ จะดำเนินการ ตนไม่เรียกร้อง ไม่เป็นก็ได้ ให้คนในพรรคเป็นก็ได้ แต่ถ้าในแง่ความถนัด ตนเองถนัดงานด้านความมั่นคงมากกว่า พวกเจ้าพ่อ มาเฟีย บอกเลยตนไม่ยอม ยาเสพติดเป็นศูนย์ ไปดูนโยบายของตนได้เลยแล้วคอยดูละกันถ้ามีโอกาส
นอกจากนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังเผยด้วยว่าเมื่อจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว มีเรื่องต้องสะสางกับ พล.อ.ประยุทธ์
"คุณประยุทธ์ก็รอให้ผมเข้าสภาไปก่อนนะ คุณเคยฝากมาถึงผมว่ามีเรื่องมีคดีอะไรที่ค้างอยู่ ปปช. ไหม แล้วตัวคุณเองน่ะมีไหม เช็กบิลแน่นอน"
‘ชัยธวัช’ เชื่อมั่นพท. ช่วยตั้งรบ.สำเร็จ รับแนวโน้มดี เห็นส.ว.โชว์จุดยืน ตามเสียงส่วนใหญ่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3986892
‘ก้าวไกล’ เผยจัดเซ็น MOU 22 พ.ค.นี้เหตุครบรอบรัฐประหาร เชื่อ จะเป็นไปได้ด้วยดี ชี้ ส.ว.ออกมาแสดงจุดยืนหนุน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ เป็นทิศทางที่ดี
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 พฤษภาคม ที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการเซ็น MOU พรรคร่วมรัฐบาล ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ว่า เมื่อวานนี้ (17 พฤษภาคม) ทุกพรรคก็เห็นด้วยที่จะมีการเซ็น MOU และแถลงข่าวในวันที่ 22 พฤษภาคม อย่างที่ทราบเพราะเป็นวันครบรอบการรัฐประหารในปี’57
เมื่อถามว่า ต้องมีการพูดคุยอะไรเพิ่มหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า มีหลายเรื่อง เพราะแต่ละพรรคมีวาระหลักที่ต้องการผลักดัน ฉะนั้น ต้องมาดูว่าอันไหนตรงกัน แม้ไม่ตรงกันแต่ไปด้วยกันได้ก็ต้องคุยกัน รายละเอียดจะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องคุยกัน แต่ละพรรคก็ส่งตัวแทนหลักที่จะมาคุยกันเพื่อให้ได้ข้อตกลงกันก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม
“เนื่องจากแต่ละพรรคมีนโยบายที่เยอะมาก เราไม่สามารถยัดทุกอย่างเข้าไปใน MOU ได้ เราพยายามหาจุดร่วมและเป็นประเด็นหลักที่เราเห็นร่วมกัน คงไม่สามารถประกาศทุกอย่างได้ ว่าแต่ละพรรคจะทำอะไรบ้าง รัฐบาลจะทำ 100-200 เรื่องก็คงไม่ขนาดนั้น” นายชัยธวัชกล่าว
เมื่อถามว่า ก่อนจะเซ็น MOU ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อยดีหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ก็มีการถกกันอยู่พอสมควรว่า ควรจะมีเรื่องไหนบ้าง รายละเอียด รวมไปถึงโครงสร้าง MOU คาดว่าจะจบได้ภายในวันที่ 22 พฤษภาคม และเราก็เห็นร่วมกันว่าวันที่ 22 พฤษภาคมเป็นวันดี
เมื่อถามว่า ทางพรรค ก.ก.ส่งใครไปเจรจากับ ส.ว. นายชัยธวัชกล่าวว่า ก็ช่วยกัน ตนเป็นส่วนหนึ่งที่เข้าไปคุยด้วย เราเชื่อว่า ได้พูดคุยกันต่อหน้า และทำความเข้าใจกันดีที่สุด ส.ว.จำนวนมากเป็นผู้ใหญ่ มีวิจารญาณที่ดี ว่าบ้านเมืองควรจะเดินไปในทิศทางไหน หลายคนก็ได้รับข้อมูลที่ไม่ค่อยตรง การพูดคุยก็จะทำให้เข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ตนคิดว่าเป็นทิศทางที่ดีที่ ส.ว.หลายคนออกมาแสดงจุดยืน สุดท้ายอาจจะไม่เป็นไปอย่างที่หลายคนกังวลใจขนาดนั้น
ถามต่อว่า มีความเห็นอย่างไรที่ ส.ว.ที่มาจากกองทัพ แสดงจุดยืนว่าไม่ออกเสียงโหวต นายชัยธวัชกล่าวว่า ส.ว.ที่อดีตเคยเป็นทหาร เท่าที่ตนสัมผัสก็ไม่ได้เป็นเอกภาพขนาดนั้น หลายท่านก็มีความคิดเป็นของตัวเอง อย่าไปเหมารวมว่าถ้าเป็นทหารต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น ในระหว่างสมัยประชุมที่แล้ว ก็เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนหลายเรื่อง ซึ่งก็มีเหตุมีผลที่เข้าใจตรงกัน
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่บนเวทีมีการพูดถึงการยืนยัน เรื่องของความคิดที่ต่างกันอาจจะมีดีลลับจะไม่เกิดขึ้น นายชัยธวัชกล่าวว่า เราได้ข้อสรุปในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ตนคิดว่าความไว้วางใจ การให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญ หากมัวแต่คิดเช่นนั้นเช่นนี้ก็ไม่สามารถจับมือร่วมกันได้ ส่วนทางพรรค พท.ก็ยืนยันว่าจะจับมือกับพรรค ก.ก. เนื่องจากมีกระแสข่าวออกมาเยอะ ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลจะสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ 2 พรรคอย่างปฏิเสธไม่ได้
ปริญญา ชี้ ‘ส.ว.งดออกเสียง’ เท่ากับไม่ยอมรับมติปชช. แนะหาเสียง ส.ว.-ส.ส. ขอแรงหนุนเลือกนายกฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3987259
ปริญญา ชี้ ‘ส.ว.งดออกเสียง’ เท่ากับไม่ยอมรับมติปชช. แนะหาเสียง ส.ว.-ส.ส. ขอแรงหนุนเลือกนายกฯ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมจิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เครือข่ายนักวิชาการเสียงประชาชนจาก 10 สถาบัน ร่วมกับสื่อมวลชน 10 สำนัก ได้แก่ มติชน, เวิร์คพอยท์, เนชั่น, ไทยรัฐทีวี, ช่องวัน, PPTV, The Reporters,The Standard, The Matter
และ The Momentum ร่วมจัดแถลงผลการลงคะแนน ‘เสียงประชาชน’ และอภิปราย ‘ประชาธิปไตย การตั้งรัฐบาล และการเมืองหลังเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566’
นำโดย ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย, รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว มหาวิทยาลัยบูรพา, ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต, รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า)
ผศ.ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล แถลงผลการโหวตลงคะแนน ‘เสียงประชาชน’ ไว้ว่า การโหวตจากทั่วประเทศคือ 3,487,313 โดยโหวตจากในประเทศมากที่สุด จากต่างประเทศอาทิเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย อเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซียไต้หวัน กัมพูชา รวมเป็น 167 ประเทศที่มีส่วนร่วมในการโหวต ด้านผลการโหวตเห็นด้วยให้ ส.ว.โหวตตามเสียงประชาชนเป็นทั้งหมด 2,951,048 คน คิดเป็น 85% เสียงไม่เห็นด้วยคือ 536,266 คน คิดเป็น 15%
“ผมขอตั้งข้อสังเกตอยู่ประการหนึ่ง ใน 12 ชั่วโมงสุดท้าย แอดมินแจ้งว่าในเวลาก่อนเที่ยงคืนตัวเลขผลการโหวตคือ 93% 12 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการโหวตอย่างผิดปกติ 300,000 ครั้ง ใน 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา เราก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เป็นความผิดปกติการที่มีจำนวนถึง 300,000 คนเข้ามาในเวลา 12 ชั่วโมง ก็เป็นข้อสังเกตและเป็นข้อที่น่ากังวลใจอยู่บ้างถ้าข้อกังวลเป็นเรื่องจริง ก็คล้ายกับว่ามีความพยายามอะไรบางอย่างหรือเปล่า ที่จะทำให้เสียงของประชาชน ที่เห็นด้วยว่า ส.ว. ควรโหวตตามเสียงข้างมากของ ส.ส. ให้น้อยลงหรือเปล่า” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
“หลักการคือมือถือ 1 เครื่องโหวตได้ 1 ครั้งก็เป็นไปได้มากว่าจะมีคนมามากกว่า 1 ครั้งและมีมือถือมากกว่า 1 เครื่องหรือมีอุปกรณ์ในการโหวตที่ทำส่วนได้มากกว่าคนทั่วไป แต่คนใหญ่ก็มีมือถือแค่เครื่องเดียว” ผศ.ดร.ปริญญาชี้
ในตอนหนึ่ง ผศ.ดร.ปริญญากล่าวว่า เห็นด้วยหรือไม่ที่ ส.ว.ควรเคารพเสียงประชาชนโดยโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงข้างมากของ ส.ส. เพราะผลก็คือแลนด์สไลด์ 85% และแลนด์สไลด์ยิ่งกว่า 14 พฤษภาคมที่ผ่านมาเสียอีก
“นี่คือเสียงประชาชนที่เราควรจะถามและรับฟังให้บ่อยยิ่งขึ้น ประชาธิปไตยนั้นไม่ใช่เพียงแค่การเลือกตั้ง แต่ผู้ที่มาจากการเลือกตั้งก็ควรที่จะฟังเสียงของประชาชน ไม่ว่าจะอยู่พรรคการเมืองใด ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมวิธีการยุติความเห็นต่างก็คือเป็นไปตามกติกาของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา นั่นคือถ้ามีพรรคการเมือง ในการอนุมัติจากประชาชนด้วยเสียงข้างมากก็ตั้งรัฐบาล หากว่าไม่มีพรรคใดได้คะแนนเกินครึ่งพรรคอันดับหนึ่ง ก็มีสิทธิชวนพรรคอื่นมารวมเสียงให้ถึงครึ่งแล้วตั้งรัฐบาลนี่คือวิถีทางที่มันเกิดขึ้นแล้ว เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันประคับประคองประชาธิปไตยจากหีบบัตรเลือกตั้ง ให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งเดินหน้าต่อไป” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.ปริญญา ตอบคำถามกรณีหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า การที่จะไม่รับรองผลก่อนประกาศผลก็เป็นความประหลาดอยู่แล้ว เพราะประชาชนเลือกมาถ้าหากจะไม่ได้เป็น ส.ส. ต้องเป็นเรื่องของศาล แต่เราไปให้อำนาจ กกต. ให้ ใบเหลือง ใบแดงใบส้ม ใบดำ ใบต่างๆ การตั้งรัฐบาลในระบบรัฐสภาไม่ใช่แค่การเลือกสมาชิกของฝ่ายนิติบัญญัติแต่คือการตั้งรัฐบาลว่าประกาศผลอย่างไร รับรอง ส.ส. อย่างไร ซึ่งมีส่วนได้เสียทั้งสิ้นต่อการตั้งรัฐบาล จากพรรคอันดับสอง อาจกลายเป็นพรรคอันดับอื่น หากประกาศผลโดยไม่คำนึงถึงว่ากำลังจัดตั้งรัฐบาลกันอยู่ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องพึงระวัง
ถ้าหากว่าไม่ใช่เรื่องของการคดโกงทุจริตซื้อเสียง เช่น กรณีของนายพิธา ถือหุ้นไอทีวี ตามข้อเท็จจริงคือไอทีวีไม่ได้ดำเนินการเป็นสื่อมา 17 ปีแล้ว ตามอำนาจของ กตต.ที่มี กกต.มีอำนาจที่จะไม่รองรับผู้หนึ่งผู้ใดที่คุณสมบัติไม่ครบแต่กระบวนการเช่นนี้ควรเกิดก่อนเลือกตั้ง และเรื่องนี้ก็มีการพูดก่อนเลือกตั้งไม่ใช่มาทำหลังเลือกตั้ง เมื่อหลังเลือกตั้งแล้วก็ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย วิธีการคือทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมเที่ยงตรง และยกให้เป็นอำนาจของตุลาการ” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.ปริญญา ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมในประเด็นนี้คือ ข้อกฎหมาย มาตรา 98 (3) เรื่องการถือหุ้นสื่อซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้ามของการเป็น ส.ส. ซึ่งการเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ที่มาตรา 160 โดยมาตรา 160 ก็ให้เอาคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 98 เช่นกันถ้าจะมีปัญหาก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ส.ส. ดังนั้นจะมีคุณสมบัติหรือไม่ มาตรา 98 ยังไปไม่ถึงเพราะยังไม่ใช่รัฐมนตรี ผศ.ดร.ปริญญาอธิบาย