ประสบการณ์การเป็นมะเร็งเต้านม

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะทุกคน  นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ตอนนี้เราอายุ 36 ปี เราจะขอเล่าย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้วค่ะ
            ตอนนั้นเราอายุ 28 ปี ก็อยู่ช่วงวัยรุ่น กำลังจะเข้าวัยกลางคนเนอะ 5555 และเพิ่งแต่งงานกับสามีได้ 4 เดือน และพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง (เต้านม) ขุ่นพระ เอามือทาบอกความรู้สึกตอนนั้นเหมือนถูกรางวัลที่ 1 ใจสั่น เต้นระรัว น้ำตาร่วงไหลริน บอกเลยว่า ช๊อคคคคคคคคค ค่ะ
 
           อาการเริ่มต้นคือ ตอนนั้นเราอาบน้ำเสร็จกำลังจะเข้านอน จู่ๆมีน้ำออกจาก (หัวนม) เสื้อบริเวณนั้นเปียก เหมือนน้ำนมไหล เราเอากระดาษทิชชู่มาซับน้ำที่ออกมา เป็นน้ำใสๆปนเลือดนิดๆ เราก็แบบตกใจมากอ่ะ ก็เลยคลำเต้านมแล้วพบก้อนเล็กๆ แต่ไม่มีอาการเจ็บปวดใดใด เรารีบพิมพ์ถามอาจารย์หมอกูเกิ้ล เราก็พิมพ์  มีน้ำไหลออกจากนม  อาการของเรามันสามารถเป็นได้ทั้งมะเร็งเต้านม หรือ ซีทชนิดถุงน้ำ  แต่เรามั่นใจว่าเป็นมะเร็งเต้านมชัวร์  วันรุ่งขึ้นก็ไปหาหมอโรงพยาบาลที่มีสิทธิประกันสังคม คุณหมอให้ขึ้นเตียงนอนแล้วตรวจเต้านม อัลตร้าซาวน์  แต่ไม่แมมโมแกรม คุณหมอบอกเราเป็นแค่ซีทชนิดถุงน้ำ เราขอคุณหมอทำแมมโมแกรม แต่คุณหมอไม่ทำให้ คุณหมอซักประวัติคนในครอบครัวเราว่ามีใครเคยเป็นมะเร็งเต้นนมมั้ย เราก็ตอบว่าไม่มีค่ะ  แล้วก็นัดผ่าตัดซีทอาทิตย์ถัดไปเลย
 
          ชีวิตนี้ไม่เคยต้องป่วยนอนรักษาตัวที่ รพ. เลย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต  บอกเลยตื่นเต้นมากกก วันผ่าตัดคุณหมอวางยาสลบ หลังจากผ่าตัดก็พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 วัน แล้วกลับบ้าน คุณหมอนำชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่ม และนัดเรามาดูแผลผ่าตัดอีก 5 วัน พร้อมฟังผลชิ้นเนื้อ วันที่คุณหมอนัดดูแผลพร้อมฟังผล คุณหมอบอกว่า หมอพบเซลมะเร็งรอบชิ้นเนื้อที่ตัดออกไป ขุ่นพระ  ตอนนั้นคือ ช๊อค  แล้วไป รพ. คนเดียวด้วย คุณหมอพูดอะไร เราฟังไม่รู้เรื่องเลย หูอื้อ นอนร้องไห้ น้ำตาไหลไม่หยุด คิดอย่างเดียวเลยตอนนั้นว่า เราเป็นมะเร็ง เราต้องตาย จะตายวันไหน พ่อแม่จะอยู่อย่างไหร่  กลัวและกังวลไปหมด เลยบอกคุณหมอค่ะ ขอมาพบคุณหมอใหม่อีกครั้งนะคะ  สุดท้ายหมอนัดผ่าตัดอีกครั้ง หมอบอกต้องผ่าตัดออกหมดทั้งเต้า จะนัดวันผ่าใหม่ พอเราได้ยินอย่างนั้นช๊อคคูณสองไปอีก กลับมาบ้านนอนร้องไห้ 3 วัน 3 คืน กินอะไรไม่ลง มันเครียด กลัว และกังวลไปหมด
 
           พอเราตั้งสติได้แล้ว ก็เสริจหาโรงพยาบาลที่รักษาใหม่ ยอมจ่ายเงินเอง เพราะเรารู้สึก รพ. แรกที่ใช้สิทธิประกันสังคม ไม่ตรวจเราให้ละเอียด เราขอตรวจแมมโมแกรมก็ไม่ตรวจให้ เราเลยโทรหา รพ.ที่รักษามะเร็งเต้านม ประมาณ 4 โรงพยาบาล แต่ไม่มีที่ไหนรับ เพราะเราเพิ่งผ่าตัดมา จนโทรมาโรงพยายาลศิริราช พยาบาลบอกให้ลองเข้ามาคุยกับคุณหมอก่อน แต่ก็ไม่รับปากว่าคุณหมอจะรับเคสไหม เราก็โอเค แล้วก็ไปตามที่คุณหมอนัด ที่ รพ. ศิริราชปิยะการุณ 
 
           เมื่อมาถึง รพ.ศิริราชปิยะการุณ โอ้ววววว รพ.หรูมาก นึกว่าโรงแรม 5 ดาว พยายาลที่นี่พูดเพราะ ดูแลดีมากกกก เรียกคนไข้ว่าคุณผู้หญิงทุกคำ ถึงเวลาพบคุณหมอ คุณหมอสืบวงศ์  คุณหมอส่งไปตรวจเม็มโมแกรม อัลตร้าซาวน์ จ่ายเงินไปเกือบ 5,000 บาท 30 นาทีรู้ผลวันนั้นเลย เร็วมากก ผลก็คือ เจอเซลมะเร็งจริง และคุณหมอก็บอกวิธีการรักษา ว่าเราเป็นมะเร็งระยะศูนย์ จะต้องผ่าตัดแบบทิ้งเต้านะ ไม่ต้องฉายแสง ไม่ต้องให้คีโม แต่อาจจะต้องทานยาต้านฮอโมนร่วมด้วย และจะผ่าตัดแบบพร้อมเสริมให้ เพราะเราอายุยังน้อย ตอนแรกคุณหมอจะเนื้อบริเวณสะโพกมาแปะแต่ตอนนั้นผอมเนื้อมีน้อย คุณหมอเลยแนะนำเป็นเสริมสิริโคลนแทน เราก็โอเค
 
          เหตุผลที่คุณหมอต้องเสริมเต้านมให้  เพราะเราอายุยังน้อย เพิ่งแต่งงาน หากมีเต้านมข้างเดียว อาจจะทำให้เราป่วยเป็นโรควิตกจริตได้ ไม่มั่นใจในตนเอง และคุณหมอบอกจะส่งตัวไปผ่าตัดที่ รพ.ศิริราชธรรมดาให้ เพราะค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า คุณหมอสืบวงเป็นคนรักษาเหมือนเดิม คือคุณหมอดีมากๆ เพราะถ้าผ่าตัดที่นี่ ค่าใช้จ่ายประมาณ 4 แสนบาท หากย้ายไปผ่าตัดที่สิริราชธรรมดา ค่าใช้จ่ายจะเหลือ 1 แสนบาท เราก็ตกลงย้ายตามคุณหมอแนะนำ

           เมื่อถึงวันผ่าตัด ก็เปลี่ยนชุด งดน้ำ งดอาหาร ขึ้นเตียง แล้วดมยาสลบ เป็นการผ่าตัดออกทั้งเต้าพร้อมเสริมสิริโคลน และทำการเลาะต่อมน้ำเหลืองบรเวณรักแร้ออก คุณหมอบอกว่าโชคดีที่มะเร็งยังไม่ลามไปต่อมน้ำเหลือง เพราะถ้าหากลามไปต่อมน้ำเหลืองแล้ว อวัยวะอื่นๆ ในร่างกายก็เสี่ยงที่มะเร็งจะไปหาได้เช่นกัน ส่วนระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 4 ชม. นอนพักฟื้นที่ รพ. เป็นระยะเวลา 5 วัน ค่าใช้จ่าย 130,000 บ. 
 
           การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด เราทานอาหารอ่อน ผัก หมู อาหารสุก และเวลาเดินอะไรก็ต้องระวัง เพราะหลังผ่าตัดเราจะมีขวดพร้อมสายที่ระบายพวกเลือดหรือของเสียต่าง ๆ ออกจากเต้านมหลังการผ่าตัด ต้องดูดเลือดเสียออกให้ได้มากที่สุด ก็จะมีขวดนี้ติดตัวเราตลอดประมาณ 4 วันคุณหมอก็ถอดสายออก ให้พักฟื้นอีกวัน วันรุ่งขึ้นก็ให้เราสามารถกลับมาพักผ่อนรักษาตัวที่บ้านได้ แต่หลังจากหายแล้วใช้วิตตามปกติ อยากกินอะไรกิน คุณหมอไม่ห้ามเลย พร้อมทำกายภาพบำบัด ออกกำลังเบาๆบริเวณแขนข้างซ้ายที่คุณหมอเลาะต่อมน้ำเหลืองออกไป  
 
          หลังจากผ่าตัดผ่านไป 6 เดือน คุณหมอนัดแมมโมแกรม เจอเซลมะเร็งอีก 2 จุด เจอตรงเนื้อที่คุณหมอเหลือไว้ 2 ซม. เพื่อให้มีชั้นไขมันหุ้มสิริโคลน ตอนนั้นเข้า รพ. ขึ้นเขียงผ่าตัด เป็นว่าเล่น ชิวมากกก ภายในระยะเวลา 2 ปี กล้วยผ่าตัดไป 5 ครั้ง คุณหมอบอกอาจจะมีโอกาศกลับมาเป็นอีก ขึ้นอยู่กับร่างกายของเรา เอาจริงสำหรับเรา เราคิดว่ามะเร็งมันเป็นโรคเวรโรคกรรมนะ เพราะต่อให้เราดูแลตัวเองดี กินอาหารที่มีประโยช์ คนจะเป็นมันก็เป็นค่ะ
 
           บอกเลยว่าเคยมีความคิดที่จะ ... ตัวตาย  เพราะตอนนั้นจิตตก คิดมาก ด้วยที่ร่างกายไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นทั่วไป มีเต้านมสองข้างก็จริง แต่มันไม่เหมือนเดิม แล้วมีแต่รอยแผลผ่าตัด  5 แผลที่บริเวณเต้านม คือ ช่วงนั้นเหมือนกลายเป็นโรคซึมเศร้า เครียด กังกล น้อยใจ นอยส์ หลายอย่างมาก แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าคนเรายังไงก็ต้องตาย ถ้าฆ่าตัวตายก็บาป ไหนจะพ่อแม่เรา พี่น้องเรา สามีเรา จะอยู่ยังไง ฉะนั้นจงมีชีวิตอยู่ต่อไปค่ะ  อย่ายอมแพ้  ทุกวันนี้ก็พยายามให้กำลังใจตัวเอง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทำใจยอมรับกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ 
 
           พอวันเวลาผ่านไปก็ทำใจ ยอมรับ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน  เมื่อรักษาหายจากมะเร็งแล้ว คุณหมอก็จะนัดตรวจประเมินติดตามอาการ คุณหมอก็จะนัดตรวจโดยทำแมมโมแกรม และอัลตร้าซาวน์ทุกปี อยากขอบคุณครอบครัว ทั้งครอบครัวเรา ครอบครัวสามี ที่คอยให้กำลังใจ และคอยซัพพอร์ทเรา  และที่สำคัญขอบคุณสามีที่เข้าใจ คอยดูแลตอนเราป่วย หลังจากเราป่วย ก็ไม่ทำท่าทีรังเกียจร่างกายเรา เพราะจะมีสักกี่คนที่รับได้ได้สิ่งที่เราเป็น และร่างกายเราที่เป็นแบบนี้ กำลังใจสำคัญ  มันส่งผลให้เราหายเร็วขึ้น มีกำลังใจในการที่จะมีชีวิตต่อไปมากขึ้น  แต่กำลังใจที่สำคัญที่สุดคือ กำลังใจจากตัวเอง
 
           เราขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยมะเร็ง และครอบครัวของผู้ป่วย ทุกคนนะคะ ให้กำลังใจกัน จับมือกันก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน อยากให้ทุกคนมีสติ ไม่ว่าเราจะเจอกับปัญหาอะไร หนักแค่ไหน สิ่งแรกที่ทำคือ ทำใจยอมรับมันให้ได้ มันอาจจะต้องใช้เวลา หลังจากนั้นหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ชีวิตเราเราเป็นคนลิขิต จะทุกข์หรือจะสุขอยู่ที่เรา  เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะมีชีวิตอยู่อีกได้นานแค่ไหน ฉะนั้น เราอยากทำอะไรต้องรีบทำ อะไรที่มีความสุขทำเลยค่ะ ไม่เดือดร้อนผู้อื่น ที่สำคัญใครที่พอจะมีกำลังทรัพย์ แนะนำให้ทำประกันสุขภาพนะคะ เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอนจริงๆค่ะ
 
 #มะเร็งเต้านม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่