สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานสำหรับการไปท่องเที่ยวต่างประเทศคนเดียวของเรา ตั้งแต่โควิดมา พาสปอร์ตก็หมดอายุ ข้อมูลของลาวในความทรงจำก็เลือนลางเหลือเกิน ครั้งนี้เลยคิดว่าต้องขอกลับไปซ้ำสักหน่อย โดยเฉพาะตอนนี้ที่ลาวมีรถไฟความเร็วสูง ขอนั่งเป็นบุญตูดอย่างจุใจหน่อยเถอะ...ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจทำรีวิว เพราะถ่ายรูปไม่สวย และถ่ายมาน้อย แต่ตอนเราหาข้อมูลเจออัปเดตค่อนข้างน้อย เลยมาแบ่งปันข้อมูลให้เพื่อนๆในนี้ด้วยดีกว่า เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปเริ่มที่การเตรียมตัวกันก่อนเลย ทริปนี้เราเดินทางวันที่ 05 - 13 พฤษภาคม 2566 สิ่งที่ต้องเตรียม
1. พาสปอร์ตที่ยังมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน (หากใครไม่มีสามารถทำใบผ่านแดนได้ แต่อยู่ได้แค่เวียงจันทน์ 3 วัน 2 คืนเท่านั้น!!)
2. ครีมกันแดด หมวก ร่ม (ช่วงที่เราไปอากาศร้อนมาก เจอฝนแค่บางวัน)
3. เงิน สามารถนำเงินไทยไปได้เลย และไปแลกเงินกีบที่ด่านหรือในเมือง เดี๋ยวเราแนะนำวิธีการแลกเงินอีกที
4. ร่างกาย ก่อนไปแนะนำออกกำลังกายไปหน่อย อย่าเหมือนเรา เกือบตายย
ถ้ามีครบ 5 ข้อนี้ก็ไปกันเลยย
.
.
.
.
.
.
เราเริ่มเดินทางกันจากกรุงเทพฯ โดยรถทัวร์ นครชัยแอร์ที่ ศูนย์เดินทางนครชัยแอร์ ตั๋วไปหนองคาย ราคา 601 บาท เราเลือกรอบเดินทาง 20.30 เป็นรถ แบบ Gold Class จะไปเช้าที่หนองคายพอดี พอเราขึ้นรถ เจ้าหน้าที่จะเดินมาสอบถามว่าจะลงที่ไหน เราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยว่าจะลงหน้าด่าน วันที่เราไป รถถึงหน้าด่านประมาณ 6 โมง ด่านเปิดพอดี การให้บริการบนรถค่อนข้างสบายมาก จะไม่ได้มีแวะจอดกินข้าวเหมือนเจ้าอื่น แต่จะเป็นการแจกอาหารบนรถแทน โดยอาหารที่แจ้งจะมีข้าว 1 กล่อง / น้ำเปล่า / น้ำผลไม้ (ไม่แท้) / นม / ขนม โดยรวมแจกเยอะมาก แต่ด้วยความที่เดินทางดึกแล้ว เราเลยไม่รับข้าว แต่ถ้าใครจะเอาไว้กินตอนเช้าก็แจ้งพี่พนักงานเขาได้ พี่คนขับรถกับพี่พนักงานรถให้บริการดีมาก รู้สึกนั่งละปลอดภัย
.
นั่งรถหลับๆตื่นๆไปไม่เท่าไหร่ พี่พนักงานก็เปิดไฟและแจ้งว่าใกล้จะถึงด่านแล้ว ใครจะลงที่ด่านให้เตรียมตัว แต่ตลอดทางก็จะมีคนขอลงตามจุดใหญ่ๆประปราย โดยด่านจะถึงก่อนสถานีขนส่งหนองคาย ใครที่จะลงสถานีต้องนั่งรถไปต่อ พอเราถึงด่าน จะมีเซเว่นให้บริการอยู่ขวามือ สามารถซื้อของใช้ ของกินได้ หรือถ้าใครอยากจะล้างหน้า เข้าห้องน้ำก็มีห้องน้ำให้บริการ อยู่ตรงด่าน ก่อนเข้าตม.ไทย ด่านจะเป็ดประมาณ 6 โมง ถ้าเลือกรถรอบนี้จะมาถึงช่วงด่านเปิดพอดี แต่ถ้าใครมาแล้วด่านยังไม่เปิด ก็สามารถนั่งรอได้ ห้องน้ำสามารถเข้าได้ตลอด ฟรี..
.
พอเราเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ สามารถเดินเข้ามาที่ด่านได้เลย พาสปอร์ตไทยสามารถใช้พาสปอร์ตในการผ่านแดนได้เลย ปกติจะมีตู้ Auto gate แต่เนื่องจากเราน่าจะข้ามเช้าไป ตู้เลยปิดอยู่ สามารถต่อแถวเจ้าหน้าที่ปกติได้เลย ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินออกมา พอเราเดินออกมาจะมีตู้ขายตั๋วรถในการข้ามด่าน โดยราคาปกติจะอยู่ที่ 30 บาท แต่หากไปนอกเวลาราชการจะเสียเพิ่ม 5 บาท เป็น 35 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 - 15 นาทีก็จะถึงฝั่งลาว (รถจะมีมาเป็นรอบๆ ใช้เวลารอไม่นาน ถ้ามีคนขับรถเดินมาบอกเช้าไป ไม่มีรถอย่าไปเชื่อ เพราะรถมีตั้งแต่ 6 โมง แต่ถ้าใครมากันหลายคน อยากจะเหมารถก็ต่อรองราคาอีกที เพราะใช้เวลาเดินทางไม่ไกลเลย) เนื่องจากเรานั่งมารอบเช้า คนก็เลยไม่แน่นมาก นั่งสบายๆ
.
พอถึงที่หมาย เดินลงจากรถจะมีโต๊ะเจ้าหน้าที่แจกใบขาเข้าลาวอยู่ สามารถไปขอได้ฟรี (แนะนำให้เตรียมปากกาไปด้วยเพราะเจ้าหน้าที่เขาจะไม่ให้ยืม จะคิดค่าเขียน 20 บาท ใครสะดวกจ่ายก็แล้วแต่ความพึงพอใจ) พอได้มาเราก็กรอกข้อมูลตามหน้าพาสปอร์ตเป็นภาษาอังกฤษ ตอนนี้เข้าลาวไม่ต้องใช้อะไรเลย นอกจากพาสปอร์ตที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนกับใบตม. พอกรอกข้อมูลเสร็จ เราก็เดินไปยื่นกับตมได้เลย ความหงุดหงิดเริ่มตรงนี้ เราไม่รู้ว่าปกติต้องมีจ่ายค่าผ่านแดนไหม ก่อนหน้านี้เราไปลาวมา 3 รอบ ไม่เคยต้องเสียสักรอบ แต่ครั้งนี้เขาเรียกเก็บเรา 20 บาท ซึ่งเราเคยเจอเหตุการณ์นี้ต้องไปกัมพูชา ซึ่งเราไม่โอเคมาก (เดี๋ยวมีเวลาจะมาเล่า) เราก็ถามเขาไปว่าค่าอะไร ปกติมากี่รอบไม่เคยจ่าย (ก่อนโควิด) เขาบอกค่าเหยียบแผ่นดิน เราก็งงว่าต้องมีด้วยหรอ แต่ด้วยความที่เช้าด้วย เราไม่อยากเสียเวลาเลยยอมจ่ายไป แต่ก็ยังเอ๊ะในใจอยู่ดี
.
หลังจากเราผ่านตม.ออกมาก็จะเจอคนเข้ามาทักมากมาย ทั้งรถเข้าเมือง ไปขนส่ง ไปสถานีรถไฟ แลกเงิน ขายซิม บลาๆ ตรงนี้ทุกคนต้องตั้งสติดีๆ เราคือบอกปัดทุกคนละไปนั่งก่อน เพราะเรามีแพลนจะแลกเงินและซื้อซิมตรงนี้ ปกติคนจะรีวิวการแลกเงินตรงตู้ตรงด่าน แต่วันที่เราไป เนื่องจากมันเพิ่งประมาณ 7 โมง ตู้น่าจะยังไม่เปิด พี่แถวนี้จะบอกเขายกเลิกแล้ว ให้แลกกับเขาอย่าไปเชื่อ จริงๆมันสามารถแลกได้ เขาแค่ยังไม่เปิด แต่เราเน้นสะดวกสบาย เรทที่ได้จากพี่เขาก็โอเคคือ 510กีบ = 1 บาท เราเลยแลกกับพี่เขา (เรทที่เราแลกมา ที่หลวงพระบางได้เรทดีสุดคือ 535 กีบ = 1 บาท วังเวียง 510 เท่ากัน ตัวเมืองเวียงจันทน์เราไม่ได้แลก แต่จะมีร้านรับเงินไทย แต่ทอนเงินกีบ คิดเรท 520 = 1 บาท) เราซื้อซิมกับพี่เขา ซิม 100 บาท ได้ 10 GB 10 วัน มีโทรได้ 5000 กีบ แต่ทริคที่เราจะบอกคือสามารถไปซื้อซิมแยกที่ร้าน 20.000 กีบ สมัครโปรนี้อีก 10.000 กีบ เท่ากับเราจะเสียค่าซิมพร้อมเน็ตแค่ 30.000 กีบ หรือประมาณ 60 บาทเท่านั้น เดินผ่านตรงนี้ไปจะมีร้านขายซิมลองไปถามราคาได้ แต่เราเน้นสบายเลยให้พี่เขาทำให้ หลังจากนั้นเราเดินตรงไป มองขวามือจะมีรถเมล์เข้าเมือง แพลนเราคือนอนเวียงจันทน์ 1 คืน พรุ่งนี้จะนั่งรถไฟไปวังเวียง เราเลยจะไปตลาดเช้าเพื่อเข้าที่พักก่อน ค่ารถ 12.000 กีบ

.
หลังจากนั่งรถชมเมืองเวียงจันทน์ไปได้ประมาณ 40 นาที เราก็มาถึงตลาดเช้าที่เป็นท่ารถไปสถานที่ต่างๆ ตรงนี้ทำใหม่ดูดีมาก เป็นท่ารถ มีหลังคามีป้ายบอกหมายเลขรถไปยังสถานที่ต่างๆ ตรงนี้เรามีทริคสำหรับคนอยากประหยัด คือเราสามารถนั่งรถเมล์ไปที่สถานีรถไฟลาว-จีนได้ โดยไม่ต้องเสียเงินแพงๆเหมารถ โดยเฉพาะคนที่เดินทางคนเดียวอย่างเรา ประหยัดมาก
.
หลังจากนั่งมาสักพัก รถก็จะจอดที่ท่ารถตลาดเช้า ซึ่งตอนนี้ทำดีมากก มีป้ายบอกหมายเลขรถ มีตารางเวลาบอก คือใครจะไปไหนสามารถมาขึ้นรถที่นี่ได้เลย ค่อนข้างสะดวก หลังจากลงจากรถก็จะมีคนมารุมถามทั้งสามล้อ มอเตอร์ไซค์ว่าจะไปไหน คล้ายๆหมอชิดบ้านเรา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีกระเป๋าใบใหญ่ ก็จะมีคนเดินมาคุย ให้เหมาชมเมือง ไปส่งสถานีรถไฟ หรือไปท่ารถสายเหนือ เราต้องใจแข็งบอกปัดไป (แต่ใครมีแพลนต้องใช้บริการก็ลองต่อรองราคาเอาทีเรารับได้) เราเปิด Google Map ในการเดินทางไปที่พัก ที่พักเราจะเลือกไม่ไกลจากตลาดเช้ามาก

หลังจากนั้นเราก็เดินไปที่โรงแรมเพื่อเช็คอิน เนื่องจากเราไปถึงเร็ว ยังไม่ได้เวลาเชคอิน เราเลยฝากกระเป๋า และถามเขาเรื่องการจองรถไฟไปวังเวียง เจ้าหน้าที่แจ้งว่าสามารถให้เอเจ้นท์ไปจองให้ได้ แต่เขาจะบวกค่าดำเนินการประมาณ 100.000 - 150.000 กีบแล้วแต่เจ้า สำหรับเราเราคิดว่าเราคาแรงไปหน่อย เลยจะไปจองเอง ก็เลยถามเขาเพิ่มเติม เขาบอกว่าตอนนี้มันมีแอพให้จอง ชื่อว่า LCR ค่อนข้างสะดวกมาก สามารถจองล่วงหน้าได้ 3 วัน เราแนะนำให้ดาวน์โหลดและสมัครจองจ่ายเงินจากไทยไปเลย สะดวกมาก พอถึงเวลาก็เดินขึ้นรถได้เลย ไม่ต้องแลกตั๋วแล้ว (ถ้าเราซื้อจ่ายเงินเอง แต่ถ้าให้คนอื่นจองผ่านแอพให้ก็ต้องมาเอาตั๋วก่อน) เราไปสมัครที่นู่น เราใช้ซิมลาวไม่มีปัญหาอะไร มามีปัญหาตอนจ่ายเงิน ในแอพจะสามารถจ่ายผ่าน UnionPay Wechat Alipay และ Visa ได้ แต่บัตรเราเป็นเบอร์ไทย ต้องขอ OTP เราเลยจองไม่ได้ แต่สะดวกในการดูรอบรถ ราคามากๆ แนะนำให้โหลดและสมัครก๋อนไป ใครสงสัยตรงนี้หลังไมค์มาถามเราได้นะ เดี๋ยวเราแปะรูปกับหน้าตาแอพคร่าวๆให้
.
หลังจากที่เราอกหักจากการจองผ่านแอพแล้ว เราก็ตัดสินใจจะไปจองตั๋วเอง ละไปดูรอบรถเมล์เพื่อไปสถานีรถไฟพรุ่งนี้ด้วย เราเลยถามร้านสำหรับเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ที่โรงแรมแนะนำร้าน Kong's Motorbike rental อยู่แถวริมโขง ใครที่จะไปเช่ามอเตอร์ไซค์เพื่อไปซื้อตั๋วรถไฟ เราแนะนำให้ถ่ายเอกสารพาสปอร์ตไปด้วยนะ เพราะร้านจะเก็บตัวจริงไว้ ไปซื้อตั๋วรถไฟต้องถ่ายเอกสารไป ถ้าเปิดรูปจากมือถือเขาไม่รับ สำคัญมากก!! แต่ถ้าใครลืมจริงๆก็ไปปริ้นได้ เราก็ไปปริ้นที่นู่น น้องก้องเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์แนะนำดีมาก ค่าเช่ารถ 24 ชั่วโมง 100.000 กีบ ราคาดีมากก ละเราเช่าเกินเวลาน้องก็ไม่คิดเพิ่ม แถมช่วยดูแลดีมากๆๆ ส่งโลเคชั่นปั้มน้ำมัน ที่เที่ยว ต่างๆมาให้ ใครไปเวียงจันทน์แนะนำร้านน้องเลย อีกอย่างไปลาวเขาไม่นิยมเล่นไลน์กันนะ เขาเล่น Whatsapp แนะนำให้โหลดไป เพราะร้านถ่ายเอกสารเขาให้ส่งรูปในWhatsapp เท่านั้น ไม่มีไลน์ ตอนเราไปก็ให้น้องก้องช่วยส่งรูปให้ สะดวกมากจริงๆ
[CR] [CR] ลุยเดี่ยวเที่ยวเวียงจันทน์ วังเวียง หลวงพระบาง ฉบับupdate2023
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้