ผมเพิ่งคิดได้เมื่อกี๊

แต่เมื่อเช้าผมคิดว่า ต้องไปคุยกับภจท. ต้องยอมเพราะเราขาด70 เขามี70 พอดี
เพราะเมื่อเช้าผมคิดว่า คุยกับสว.ไม่รู้เรื่องหรอก ถึงเกลียดก็ต้องเอาภจท อย่างน้อยนักการเมืองอะ
คุยง่ายกว่าสว.เยอะ เพราะนักการเมืองคุยกันที่ผลประโยชน์ หยิบยื่นผลประโยชน์ไป เขาก็ดีลผลประโยชน์มา
เช่น ผมเอากระทรวงคมนาคมให้เฮียนะ เฮียเอา70เสียงมาสนับสนุนผมตั้งรัฐบาล วินวิน
ดีกว่าไปลุ้นสว. กดดันสว.ให้มีสำนึก มันไม่มีทางหรอก สว.มันเป็นสลิ่ม คุยกับสลิ่มเหมือนคุยกับก้อนหิน ไม่มีประโยชน์

แต่เมื่อกี๊ผมคิดล้ำไปอีกขั้น

ตอนนี้ฝ่ายประชาธิปไตย์ แค่2 พรรค มี300 เสียง พรรคหญิงหน่อย ป๋าเสรี + อีกนิดหน่อย
เกิน300 พอเหลือๆ สำหรับการเป็น "ฝ่ายค้านเสียงข้างมาก"

งั้นถ้าสว.เขาอยากดันพรรคฝั่งนู้น มา ให้หนูมาเป็นนายก หรือ ตู่มาเป็น ป้อมมาเป็น อยากเป็น เป็นเลย
แต่ พอเข้าสภา หมดหน้าที่สว. เพราะสว.มีหน้าที่แค่โหวตนายก
แต่หน้าที่โหวตในสภาเป็นของสส. เรามี300 พวกเค้ามี 180 190 มากกว่า100กว่าเสียง

ก็บอกแล้วว่า ฝ่ายค้านเสียงข้างมาก5555

คราวนี้พวกมันจะได้รู้ว่า "ยื่นญัตติอะไรไปก็โดนปัดตกตลอด" มันเป็นยังไง
อย่างที่เราโดนมาตลอด8ปี
คราวนี้ก็แกล้งมันบ้าง ยื่นมา ปัดตก จะของบทำนู่นทำนี่ ปัดตก ปัดตก ปัดตก
และรอเวลาครับ รอเวลาอะไร สว.มีอายุอีกแค่1ปี
พอสว.ใกล้หมดวาระ พวกมันก็ต้องยื่นญัตติ ต่ออายุสว. ยื่นมา เราปัดตก

แล้วพอปัดตกต่ออายุสว.แล้ว คราวนี้ก็ไม่มีสว.

แล้วไงต่อ ยื่น ไม่ไว้วางใจ นายก และ รัฐมนตรีสิค๊าบ
เราเป็นฝ่ายค้าน แต่เป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมาก
และเราก็ยกพรึ่บๆๆๆๆๆ กันทั้ง300คน
คราวนี้ก็ยุบสภาแม่ ง เลย

และ รอบนี้สว.หมดอายุแล้วนี่
ไม่มีสว.มาค้ำคอ ก็ เลือกตั้งใหม่สิค๊าบ
คราวนี้แฟร์ๆ วัดกันที่ประชาชน
จะได้รู้กันไป

เป็นไง ต้องคิดเหนือๆ