JJNY : 5in1 ‘อิ๊ง’เข้าพรรคลุ้นคะแนน│'พิธา'เตรียมคุยพท.│ไทย'รอด-ไม่รอด'│จี้รัฐบาลใหม่แก้ปากท้อง│รุกกลับรัสเซียใกล้เปิดฉาก

‘อิ๊ง’ เข้าพรรคลุ้นคะแนน พร้อมสามี-น้องธิธาร ยังมั่นใจแลนด์สไลด์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3979807
 
 
‘อิ๊ง’ เข้าพรรคลุ้นคะแนน พร้อมสามี-น้องธิธาร ยังมั่นใจ แลนด์สไลด์ แต่ผลออกมาอย่างไรก็ต้องน้อมรับ
 
เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 14 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตรแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางมาถึงที่พรรคพร้อมกับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และลูกสาวน้องธิธาร โดยน.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ (13 พฤษภาคม) น้องธิธารบอกจะมาด้วย สัญญาไว้แล้วว่าวันนี้จะมาที่พรรคจึง

วันนี้จึงพาน้องมาด้วย ซึ่งน้องดูตื่นตาตื่นใจเพราะไม่เคยเห็นกล้องเยอะขนาดนี้ ส่วนเรื่องผลโพลที่บอกว่าจะไม่แลนด์สไลด์นั้น ขณะนี้ตนยังไม่เห็น แต่ก็ขอให้รอก่อน ใจเย็นๆ ทั้งนี้ยังมั่นใจ ตนเพิ่งมาถึงพรรค ยังไม่ได้คุยกับใคร แต่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรทุกพรรคก็ต้องน้อมรับในสิ่งที่ประชาชนเลือก

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ทุกพรรคหาเสียงมาก็ย่อมหวังเต็มที่อยู่แล้ว พรรค พท.ก็เช่นกัน แต่ประชาชนสำคัญที่สุด อย่างไรก็ตามในส่วนของตัวเลขส.ส.ว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นั้น อาจจะต้องมีการคุยกันคร่าวๆ เป็นแนวทางแต่คงไม่มีอะไรที่เป็นทางการ
 


'พิธา' เผย 4-5 ทุ่ม เตรียมคุยเพื่อไทย จับมือตั้งรัฐบาล เชื่อเกิน 251 เสียง
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7663742

‘พิธา’ ดีใจ-มีความหวัง ผลนับคะแนน ‘ก้าวไกล’ เริ่มนำ 4-5 ทุ่ม เตรียมคุยเพื่อไทย จับมือตั้งรัฐบาล เชื่อเกิน 251 เสียง ลั่นแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง
 
เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 14 พ.ค.2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังปิดหีบเลือกตั้ง กล่าวว่า รู้สึกดีใจ มีความหวัง ที่ผ่านมาได้ทำผ่านเคมเปญเต็มที่ ผลโพลออกมาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือก้าวไกลนำเกือบหมด ส่วนอีสานกับเหนือ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ก็นำ ขอขอบคุณผู้ใช้สิทธิ์ จะไม่ทำให้ผิดหวัง และขอบคุณทีมงานที่ร่วมทำกันมา
 
ตอนนี้พอสรุปได้ คือ กทม. เป็นไปตามโพล มาเกือบหมด ส่วนต่างจังหวัดอาจไม่ตามโพล แต่ตัวเลขทะลุ 3 หลัก จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับเพื่อไทยเกิน 251 เสียง จะคุยกับ ‘เพื่อไทย’ หลัง 4-5 ทุ่ม ส่วนโพลเขตหนองแขม บางแค ยังไม่ได้ นั้น ทีมงานตั้งใจสู้เต็มที่และตนได้ลงพื้นที่หลายครั้ง ไว้ดูผลคะแนนจริง
 
สำหรับ พท.นั้นแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ความแตกต่างมีอยู่บ้าง แต่เล็กกว่าโอกาสที่จะทำงานร่วมกันเพื่อประชาชน ศักยภาพโอกาสทำงานร่วมกันมันใหญ่กว่าความแตกต่างสองทั้งสองพรรค


 
หน้าตารัฐบาลใหม่ ส่งผลไทย 'รอด-ไม่รอด' กับดักประเทศโหล่ในอาเซียน นักวิชาการแนะ 4 เรื่องด่วนต้องเร่งแก้
https://www.matichon.co.th/economy/news_3979007

หน้าตารัฐบาลใหม่ ส่งผลไทย ‘รอด-ไม่รอด’ กับดักประเทศโหล่ในอาเซียน นักวิชาการแนะ 4 เรื่องด่วนต้องเร่งแก้ไขทันที
 
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2566 จะเป็นเงินสะพัดจากการจัดเลือกตั้ง 6,000 ล้านบาท และเงินจากการรณรงค์หาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ประเมินไว้เกิน 5 หมื่นล้านบาท รวมถึงรายได้จากการเดินทางของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามามากในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และจำนวนมากกว่าไตรมาสแรก ส่วนไตรมาส 3/2566 การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยขึ้นกับหน้าตารัฐบาลใหม่ หากยังเป็นขั้วเดิม ความเชื่อของนักลงทุนก็มองว่านโยบายและการบริหารประเทศก็คงเหมือนเดิม แต่หากเป็นขั้วใหม่ มุมมองต่อความเชื่อมั่นของการลงทุนใหม่ และการใช้จ่ายก็จะดีขึ้น เศรษฐกิจจะยิ่งดีขึ้นไปอีก หากขั้วใหม่ผลักดันนโยบายและบริหารจัดการประเทศได้ตามที่ได้หาเสียงไว้ อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ได้ว่าทั้งปี 2566 จีดีพีไทยจะขยายตัวได้เกิน 3% แน่นอน ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามและรัฐบาลใหม่ต้องเร่งมาแก้ไข คือ การผลักดันการส่งออก
 
นอกจากหน้าตารัฐบาลใหม่ ว่าจะได้รัฐบาลจากขั้วประชาธิปัตย์ หรือ อนุรักษนิยม อีกเรื่องคือจะไม่เกิดความวุ่นวายภายในประเทศหลังการเลือกตั้ง และได้รัฐบาลเสียงข้างมาก มีเสถียรภาพและมีเวลาจัดการบริการประเทศได้ครบเทอม เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีและบุคคลที่จะเข้าดูแลในแต่ละกระทรวง รวมถึงการลงในรายละเอียดของการบริหารประเทศของรัฐบาลใหม่จะใช้เวลาระยะหนึ่ง ซึ่งดูจากโพลและการดีเบตก่อนเลือกตั้ง เห็นน้ำหนักเทไปขั้วประชาธิปัตย์ ดังนั้น จากนี้ความเชื่อมั่นการลงทุนของไทยและต่างชาติ กำลังใช้จ่ายจะฟื้นตัวขาขึ้นและจีดีพีจากนี้จะโตเกิน 3% จะดีขึ้นหรือแย่ลง ขึ้นกับหน้าตารัฐบาลใหม่ ก็หวังว่าไทยจะไม่เป็นประเทศโหล่สุดของอาเซียน” นายอัทธ์กล่าว
 
นายอัทธ์กล่าวว่า นโยบายแรกๆ ที่ประชาชนและนักธุรกิจอยากเห็นในระยะแรกๆ คือ 

1. จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างไร ทุกพรรคระบุว่าจะผลักดันความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดต้นทุน ลดภาระ เพิ่มรายได้ แต่ยังไม่เห็นความชัดเจนของแผนงานจะเพิ่มกำลังซื้อประชาชน วิธีการลดภาระค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะค่าไฟ ค่าน้ำ ต้นทุนผลิตสินค้าและราคาสินค้าที่ยังสูง โดยเฉพาะต้นทุนภาคเกษตร และเอสเอ็มอีที่เป็นรายย่อยจริงๆ ที่ยังมีหนี้ครัวเรือนสูง ซึ่งตอนนี้ทางศูนย์ศึกษาการค้าฯกำลังเก็บข้อมูลและวิเคราะห์หนี้ชาวนาไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนให้รัฐบาลใหม่ได้รู้ว่าอะไรควรทำต่อและอะไรต้องแก้ไข ภาคเกษตรวันนี้รัฐบาลนี้ออกมาพูดว่าราคาดี แต่ต้นทุนผลิตสูงแต่ก็ไม่อาจผลักภาระให้ผู้ซื้อได้ และสำรวจราคารับซื้อของพ่อค้าคนกลางก็ยังไม่ได้สูงในอัตราส่วนพ่อค้าคนกลางนำไปขายต่อถึงผู้บริโภค เช่น ทุเรียน หลายพื้นที่ระบุว่าราคารับซื้อยังไม่เกิน 50 บาท/กิโลกรัม แต่ราคาปลายทางแพงมาก ก็อ้างในเรื่องต้นทุนหีบห่อและค่าขนส่ง รายได้ที่มากจึงไปอยู่ที่พ่อค้าคนกลาง เกษตรกรยังไม่ได้รับรายได้ที่ดีขึ้นเท่าที่ควรเป็น
 
นายอัทธ์กล่าวต่อว่า 2. ตลาดส่งออก ที่มีทิศทางไม่ขยายตัว ยังมีทั้งโอกาสบวกหรือลบ 1% นั้น รัฐบาลใหม่จะทำอย่างไร ที่ผ่านมาความสามารถการแข่งขันส่งออกของไทยด้อยกว่าหลายประเทศในอาเซียน ทั้งเรื่องต้นทุนสูงกว่า จากค่าไฟ วัตถุดิบหรือวัสดุเพื่อแปรรูป ราคาผลิตต่อชิ้น แรงงาน ล้วนเป็นปัจจัยสะสมต่อต้นทุนผลิตไทยแพงขึ้นๆ เรื่องเหล่านี้รัฐบาลใหม่จะทำอย่างไร โดยเฉพาะทำอย่างไรจะทิ้งห่างมาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ที่กำลังทิ้งห่างไทย ซึ่งเร็วๆ นี้ทางศูนย์ศึกษาฯจะเปิดเผยการวิเคราะห์ทิศทางส่งออกไทยในครึ่งหลังปี 2566 

3. อิทธิพลและบทบาทของจีนต่างชาติที่กำลังเข้าแย่งพื้นที่ขายในไทย ไม่ว่าจะทุนจีน ทุนตะวันตก หรือการเข้ามาของสหรัฐในเอเซียแปซิฟิก ที่จะมีผลต่อห่วงโซ่ซัพพลายเชน 

และ 4. ภูมิรัฐศาสตร์ ต้องเพิ่มความเข้าใจให้ประชาชนและธุรกิจได้รับรู้ว่ารัฐบาลจะรับมือและทำอย่างไร ทั้งนี้ 4 ข้อจะได้รู้ว่ารัฐบาลใหม่ “เข้าใจ” แค่ไหนที่จะแก้ไขและผลักดันอย่างไร เพื่อให้ไทยหลุดจากความกังวลว่าจะรั้งท้ายประเทศในอาเซียน



ประธาน สอท.จี้รัฐบาลใหม่แก้ปากท้อง-ค่าไฟ สร้างจุดแข็ง ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7663644

ประธาน สอท.จี้รัฐบาลใหม่แก้ปากท้อง-ค่าไฟ สร้างจุดแข็งใหม่ๆ ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
 
เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการเมืองไทย และจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต โดยสิ่งที่ภาคเอกชนคาดหวังเป็นลำดับแรกคือ การเร่งจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) เข้ามาทำหน้าที่โดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดช่วงสุญญากาศหรือเว้นว่างในการบริหารประเทศ

นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายของพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งและเข้ามาทำหน้าที่รัฐบาลชุดใหม่ ส่วนตัวมีความเห็นว่า บางนโยบายของพรรคการเมือง หลายเรื่องก็เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจในแต่ละภาคส่วนได้ ดังนั้น หากรัฐบาลชุดใหม่สามารถนำนโยบายหาเสียงที่เป็นประโยชน์เหล่านี้ มาพิจารณาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับบริบท และสภาพการณ์ในแต่ละช่วงได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างแน่นอน
 
ปัญหาการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน และการเร่งแก้ไขปัญหาต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่อยากให้เร่งดำเนินการ ขณะเดียวกันรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ จะต้องพยายามเร่งสร้างจุดแข็งใหม่ๆ ขึ้นมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งด้านการลงทุน การค้า และการบริการ
 
โดยที่มีเป้าหมายหลักที่จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางให้ได้ ซึ่งการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จึงเป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนจะต้องให้ความสำคัญ” ประธาน ส.อ.ท.
 
ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพรรคใดเป็นรัฐบาล รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะต้องมีวิสัยทัศน์ มองก้าวข้ามปัญหาการเมืองแบบเดิมๆ และมุ่งเน้นให้ความสำคัญไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นที่ตั้ง มีการกำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานการพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ช่วยทำให้อันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของไทยปรับตัวดีขึ้น
 
ซึ่งถือเป็นตัวแปรที่สำคัญอย่างหนึ่งต่อการสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุน และดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นและข้อเสนอแนะในการกำหนดนโยบายต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต เพื่อให้เกิดการทำงานที่สร้างสรรค์บรรลุเป้าหมายร่วมกัน เพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่