ทำไมตัดใจไม่ได้เสียที ?

ดูเหมือนสมัยนี้จะฮิตใช้คำว่า move on เนอะ

เจอคำถามนี้บ่อยมาก ทั้งจากคนที่เลิกกันด้วยดี คนที่เลิกกันไม่ดี (โดนหลอกเงิน หลอกลวง ทะเลาะ
กันจนอ่อนใจ จนต้องเลิก)  คนที่เลิกเพราะสมควรเลิก (เช่น แอบไปเป็นมือ 2 หรือ 4 ในความสัมพันธ์) 
แต่ในความเป็นจริง ก็ยังเลิกไม่ได้ หรือถึงเลิกได้ ก็ยังตัดใจไม่ได้สักที

 
จนได้ไปอ่านเจอคอลัมน์นี้มาคิดว่าน่าสนใจเลยขอสรุปใจความ และเพิ่มเติมความเห็นส่วนตัวเอามา
แชร์นะคะ เพราะมีหลายอย่างที่อาจเป็น common sense คือ น่าจะรู้ ๆ กันแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้เสียที
ไปอ่านคอลัมน์เต็ม ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

 
เราจะมาดูกันค่ะว่า ทำไมเวลาเราต้องเลิกกับใครบางคน ไม่ว่าจะบอกเลิกเอง โดนบอกเลิก ถูกบังคับให้เลิก เช่น อีกคนแปลงตัวเป็นอากาศธาตุลอยหายไปดื้อ ๆ เราถึงยังวนเวียนเหมือนทิ้งวิญญาณเดิมไว้กับความสัมพันธ์เก่า ๆ  ถอนตัวออกมาเดินไปข้างหน้าไม่ได้เสียที
 

1. คุณยังคงโฟกัสแต่ความทรงจำดี ๆ ในความสัมพันธ์

2. คุณคิดว่าแฟนเก่าที่เลิกไปน่ะ เป็นคนดีที่สุดที่คุณจะหาได้แล้ว

3. คุณอาจจะแอบคิด (โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว) ว่า คุณเป็นคนที่สมควรต้องเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน

4. คุณยังคงเกาะติด แอบดูคนเก่าของคุณตามโซเชียลมีเดีย หรือยังคงติดต่อกับเขาหรือเธออยู่

5. คุณยังคงพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

6. คุณเสียความเป็นตัวตนไปในความสัมพันธ์ที่จบไปแล้ว

7. คุณยังไม่ทันได้เสียใจให้ “พอ” กับความสูญเสียนั้น

8. การเลิกกันนั้นกระตุ้นให้คุณนึกถึงบาดแผลในอดีต
 

 
คนส่วนใหญ่เวลาเลิกกัน ที่ไปไหนไม่ได้สักที เพราะเอาแต่ยึดติดกับความทรงจำดี ๆ ที่มีร่วมกัน
เช่น  หลงรักลูกอ้อนของอีกฝ่าย ชอบการดูแลเอาใจใส่ของอีกฝ่าย 
แล้วก็จะปรุงแต่งอะไรต่อมิอะไรไปมากมาย เวลาไปตามที่ที่เคยไปด้วยกัน ร้านที่เคยไปกินด้วยกัน
ความยึดติดเฉพาะความทรงที่ดี จะทบทวีขึ้น และทำให้คุณเจ็บปวดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณทำสิ่งที่(คุณคิดว่า)ผิดมากกว่าถูกในความสัมพันธ์ อย่างการไม่ให้เวลาอีกฝ่ายเพียงพอ ไม่ดูแลความรู้สึก เคยโกหกหรือนอกใจอีกฝ่าย และอีกฝ่ายดีกับคุณมาโดยตลอด 

 
แล้วคุณก็จะคิดว่า ชาตินี้น่ะ คุณจะหาไม่ได้อีกแล้ว คนที่ทั้งหล่อทั้งสวย ทั้งเก่ง ทั้งแสนดี อย่างแฟนคุณ คนที่จะเข้าใจ คนที่จะเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตา โอบกอดคุณและบีบมือคุณในวันที่คุณเศร้า
ความโหยหาในอดีตอันแสนงาม (เพราะคุณโฟกัสเฉพาะส่วนที่ “แสนงาม” อย่างไรเล่า ถ้ามันดีพร้อมไปหมด มันจะเดินมาถึงวันนี้หรือ ? คิดสิคะ คิด) ความคิดที่คุณอยากลงโทษตัวเอง คิดว่า คุณเป็นคนที่สมควรจะทุกข์ทรมาน ความเสพติดกับความเจ็บปวดนี่แหละทำให้คุณยังไปไหนไม่ได้ ?

 
อาจมีคำถามว่า มีด้วยหรือคนที่เสพติดความเจ็บปวด ?
ลองดูรอบตัวสิคะ ? คนที่อกหักแล้วฟังเพลงอกหักได้เป็นปี ๆ เวียนไปเวียนมานี่ รอบตัวคุณมีกี่คน ?

 
พอทรมานทนไม่ไหวทำไง ?
ก็สิงตามโซเชียลมีเดียไงคะ ? คอย stalk แอบดูทุกความเคลื่อนไหว ทุก platform ที่ ex ของคุณอยู่   
อดใจไม่คอมเมนท์ไม่ไหว ก็นี่เลย แอคหลุมมีไว้ทำไม ? มีไว้หลอนเค้าหรือเธอคนนั้นไงคะ ? ตามไปนาน ๆ คุณจะหลอนตัวเองเข้าไปด้วย
 
 
พอจะมีเหตุผลขึ้นมาหน่อย คุณก็คงจะพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เฮ้อออออ... ถอนหายใจหนัก ๆ เลยนะคะ
บางเรื่องที่เกิดขึ้น มันใช้เหตุผลไม่ได้ทั้งหมดหรอกค่ะ มันมีอารมณ์เจือมาด้วยเสมอ บางทีการคิดด้วยเหตุผลกับความสัมพันธ์ มันก็ใช้ไม่ได้หรอกนะคะ ไม่งั้น จะมีปัญหาที่มาถามกันซ้ำ ๆ ในนี้ได้ทุกวันหรือคะ ว่า รักคนที่ไม่สมควรรัก ควรทนอยู่ไหมกับแฟนลักษณะแบบนี้ (ว่าแล้ว ก็เล่ารายละเอียดที่คนนอกฟังแล้ว ได้แต่คิดว่า ทนมายังไงได้เป็นปี ???)

 
หรือบางคน พอเลิกกับแฟนแล้วก็เสียศูนย์ เสียตัวตน เสียความเป็นตัวของตัวเองไปเลย ลืมไปแล้วว่า ก่อนหน้าที่จะมีเขาหรือเธอ ตัวเองมีชีวิตอยู่มาได้ยังไง ?

 
บางคนแก้ปัญหาด้วยการตี “หน้ามึน” และรักษาความรู้สึกให้ด้านชาเข้าไว้ ทำอะไรไม่ได้ ก็กินเหล้าหัวราน้ำไป จะได้ไม่ต้องคิด ไม่ต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงว่าตัวเองเสียใจและกำลังทนไม่ได้
ที่ยิ่งแย่ก็คือ บางคนมีแผลใจจากในอดีต พอต้องมาเจอกับการเลิกรา มันไปกระตุ้นให้หวนคิดถึงความรู้สึกเจ็บช้ำในอดีต แล้วผลลัพธ์ก็จะวนเวียนอยู่กับการที่เราข้ามไม่พ้นโคลนปลัก  ไม่สามารถเดินไปหาชีวิตใหม่ที่ดีได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่