คลองยัน ขุนเขา สายน้ำ และผู้คน

สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆของพนักงานประจำ ผู้ที่รักกิจกรรมกลางแจ้ง การท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เดินป่า การเดินทางครั้งนี้เกิดจากประโยคบอกเล่าของชายแก่ ตอนเสวนากันเมื่อครั้งเดินป่าเทือกเขาพนมเบญจาเมื่อสองสามปีที่แล้ว เป็นแรงบัลดาลใจ ให้ได้มาเยือนที่นี่ "คลองยัน"
คลองยัน ทริปเดินป่าระยะไกล 7 วัน 6 คืน ระยะทาง 86 กิโลเมตร เส้นทางแห่งขุนเขาและสายน้ำกับมิตรภาพจากเพื่อนร่วมทาง 30 เมษายน -6 พฤษภาคม 2566
#คลองยัน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของ แม่น้ำพุมดวง และแม่น้ำตาปี สภาพป่าไม้ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบชื้น
คลองยันไหลผ่านพื้นที่ 2 จังหวัด คือสุราษฎร์ธานีและระนอง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ คีรีรัฐนิคม วิภาวดี ไชยา และท่าฉาง ในจังหวัดระนอง ครอบคลุมตำบลบางหิน อำเภอกะเปอร์ สุราษฎร์ธานี
คลองยันอยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง แถมเชื่อมต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา ของจังหวัดระนองอีกด้วย
29/4/66
นัดเจอที่ Lotus พระรามสอง เป็นครั้งแรกที่เข้ากรุง
30/4/66 แคมป์แรก แคมป์บัวผุด 8.5 กม.
เวลา 7:00 ถึง บ้านนา กะเปอร์ จังหวัดระนอง
มื้อเช้า และมื้อเที่ยงได้เสบียงจากตลาดกะเปอร์

1.) ตลาดกะเปอร์ อาหารราคาถูกและหรอย หรอย หรอยจังฮู้
หลังจากนั้นเราทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ อบต บ้านนา เพื่อเปลี่นชุด ตระเตรียมกระเป๋าเพื่อจะนั่งรถโฟร์วิวไปยังจุดเริ่มเดิน แต่ lonpeak ก็ด่วนมาจากลาตั้งแต่ยังไม่ทันได้กระทบผืนป่าเลย พี่ลูกหาบช่วยเป็นธุระจัดหาสตั๊ดดอยมาประจำการอย่างด่วนๆ
เป้ของพวกเราถูกจัดเรียงไว้กระบะหลัง โดยมีพี่ลูกหาบคอยดูแล ส่วนเราเองก็ขึ้นรถอีกคัน ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดเริ่มเดิน ทำไมมันตื่นเต้นอย่างนี้วะ ชักภาพกับป้ายเป็นที่เรียบร้อย ก้าวแรกเริ่มต้นตอนเวลาประมาณ 9:30 ช่วงต้นเป็นการวอร์มเรียกเหงื่อเบาๆของพวกเราด้วยทางราบ พักเดียวเท่านั้น ก็หักศอกขวาเผญิชหน้ากับทางชัน ชันอยู่อย่างนั้นยาวเลย

2.) พี่ลูกหาบ แต่ที่นี่แบกเป้กันทุกคน ระดับพลังประมาณสี่สิบกิโลกรัมอัพ

3.) ขอนไม้ หลังจากพุกร่อน ก็ยังไปทีอาศัยของมอส

4.) เอนกาย ระหว่างทางต้องหาที่พักกาย หย่อนเป้เป็นระยะๆ
แล้วก็จะมาเจอกับเนินพับผ้า ผ่านจุดเช็คอินบัวผุด ตูมบ้าง บานเกินงามบ้าง ยังไม่เจอที่กำลังพอดีสวยเลย

เดินถึงแคมป์แรก แคมป์บัวผุด 8.5 กม.
ประมาณ 14:30 กางเต็นท์เสร็จ ก็หามุมถ่ายภาพ จุดนี้มีช่องเปิดอยู่ที่เดียว ใช้เลนส์ซูม ถ่ายเจาะเหมาะมาก

ตรงจุดนี้ยังมีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ไม่มีที่ให้อาบน้ำ
1/5/66 แคมป์สอง น้ำกลางวัน 5 กม.
ตื่นเช้ามากะรอแสงพระอาทิตย์สาดส่อง แต่ก็ไม่มี เพราะดวงอาทิตย์อยู่เฉียงไปทางขวามือ และมีเขาบดบัง สรุปว่าเช้าของวันเป็นอันต้องแห้วภาพสวย วันนี้เราจะเดินสบายๆ เหยียดขา เดินทอดน่อง เพราะระยะทางถึงแคมป์สอง เพียงห้ากิโลเมตร แถมยังไม่ค่อยชันด้วย ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งก็มาถึงแคมป์สอง น้ำกลางวัน 5 กม.
ไม่มีจุดเปิดเลย เพราะล้อมรอบด้วยต้นไม้ แต่ก็มีจุดถ่ายภาพอยู่ เป็นต้นไม่ทรงสวย พอได้ภาพบ้าง

ตรงจุดนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เหมือนอย่างเคย แต่ที่เหมือนเดิมคือไม่มีที่ให้อาบน้ำ
2/5/66 แคมป์สาม น้ำตกรู 12 กม.
เริ่มเดินกันเช้าหน่อย เพราะวันนี้ถือว่าหนัก กว่าสองวันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าขึ้นลงกี่เนินต่อกี่เนิน เดินกันมันมาก โหดร้ายที่สุดของวันนี้ คือเดินลงจากที่สูง อย่างต่อเนื่องเป็นระยะทางเกือบห้ากิโลเมตร คือลงแบบชันๆ ทำเอาเข่าผมนั้นเสียอาการอยู่บ้าง ณ จุดนี้เองสตั๊ดดอยก็เริ่มทำงาน มันพยายามกระแทกเล็บผม จนผมตั้งชื่อเส้นทางนี้ว่า “ดิ่งเล็บหลุด”
สิ้นสุดทางดิ่ง ก็มานั่งกินข้าว แต่ก็เบาใจไม่ได้ เพราะฝนเริ่มเทลงมาแล้ว พี่ลูกหาบบอกต้องรีบข้ามน้ำไปจุดตั้งแคมป์ แต่ผมก็นั่งกิน เติมของลงท้องก่อน ‘หิวๆๆๆ’

เดินต่อลัดเลาะ ตัดลำธารไปมา พี่ลูกหาบบอกว่า ขอเวลาแพลบ แล้วก็ก้มลงไปที่ขอนไม้ ที่เต็มไปด้วยเห็ดหูหนู เดินต่อมาอีกนิด ก็กระซิบบอกขอเก็บผักกูดอีกหน่อย และแล้วก็มาถึงแคมป์สาม น้ำตกรู 12 กม.แคมป์นี้อุดมไปด้วยผึ้ง ต้องจุดไฟไล่ผึ้งกันเลยทีเดียว
มีจุดให้เดินถ่ายภาพอยู่หลายจุด พยายามหามุมมองใหม่ๆ

อาบน้ำในรอบสามวัน นอนแช่น้ำตกเย็นๆไป
3/5/66 แคมป์สี่ ปากหินปูน- คลองยัน 10 กม.
นอนหลับสบายเหมือนอย่างเคย และก็ออกเดินกันแต่เช้า และเราก็จะไม่รู้จักคำว่าแห้ง จนกว่าจะถึงแคมป์

เป็นการเดินทางราบปีนป่าย ตัดคลองปากหินปูน น้ำบางช่วงลึกเอาการอยู่ เน้นย้ำอุปกรณ์อิเลคทรอนิค กล้องถ่ายภาพ ใส่ถุงกันน้ำให้ดี และมั่นใจด้วยว่าน้ำจะไม่เข้า เดินกันมาด้วยดีเกือบตลอดทาง จนมาถึง ทางแยกของคลองปากหินปูน กับคลองยัน ซึ่งผมมาลำดับท้ายๆ ก็เดินๆๆๆๆ แล้วก็พรวด น้ำลึกเกือบอก บอกได้คำเดียวว่า ไม่กลัวเพราะทุกอย่างใส่ถุงกันน้ำอย่างดี ถึงแคมป์สี่ ปากหินปูน- คลองยัน 10 กม.
ประมาณบ่ายสอง ก็ถอดชุดเดินป่า ออกมาตาก กับลานหิน ทุกอย่างในเป้แห้งสนิทดี มีเพียงกระเป๋าคาดเอวเท่านั้นที่เปียกน้ำ

แต่ในนั้นมีเลนส์ซูมหนึ่งอัน มันถูกพันห่อหุ้มไว้กับถุงซิปสองชั้น แต่ๆๆๆๆ ถุงซิบเจ้ากรรมดันมาขาด ทำให้เลนส์ซูมจากเราไปอย่างสงบ ไม่เป็นไร เรายังมีเลนส์ไวด์อีกสองตัว วันนี้เลยถ่ายภาพด้วยเลนส์ไวด์อย่างเดียว
4/5/66 แคมป์ห้า ลานหินลาด 10 กม.
ตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพราะเริ่มจะเจ็บเล็บเท้ามากขึ้น โผล่หน้าออกมาจากเต็นท์กะจะถ่ายดาว แต่ก็ไม่มีอะไรพร่างพราว เพราะหมู่ดาวถูกเมฆบดบัง วันนี้พี่ลูกหาบถามว่าจะเดินขึ้นบกหรือลงน้ำ ขึ้นบกก็จะพบกับของขึ้นชื่อประจำคลอง “น้องทาก” ทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยากเลย ลงน้ำสิครับ รออะไร

น้ำระดับแค่เอวเอง แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก เดินในน้ำ แต่ดันไปสะดุดตอไม่ล้ม ที่ซ้ำร้ายคือ ดันเอากล้องติดกับ peak design ไว้กับเป้ รีบลุกและเดินไปที่ฝั่ง ปล่อยให้เพื่อนที่มาด้วยกัน เดินล่วงหน้าไปกับพี่ลูกหาบก่อนเลย ปลดกล้องและลงเป้ ถอดเลนส์ออกจากกล้อง ถอดฟิลเตอร์หน้าเลนส์ เพราะน้ำขังหน้าเลนส์จนเห็นฝ้าขึ้นแล้ว เอาอุปกรณ์มาตากแดด ลองใส่เลนส์กลับเข้ากับกล้อง และลองถ่าย ถ่ายได้ แต่ยังมีฝ้าอยู่เล็กน้อย ถอดตากแดดอีกที ประกอบเลนส์อีกที ลองถ่าย อาการดีขึ้น เลยเดินต่อ ทางเดินก็ยังเดินผ่านน้ำ ขึ้นเขาวนไป จนมาถึงยอดเขายั่วกัน ชักภาพซักหน่อย แต่สิ่งที่ได้คือ ภาพเบลอ แถมมีข้อความเออเร่อขึ้นที่กล้อง สรุปเราก็ช่วยอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เลนส์10-24ก็จากเราไปอย่างสงบ เดินต่อไปแบบไม่คิดอะไร เพราะความสนุกระหว่างทางรอเราอยู่ และแล้วก็มาถึง แคมป์ห้า ลานหินลาด 10 กม.
แคมป์นี้จุดถ่ายภาพเยอะจริง คลองยันที่อยู่ตรงหน้า ก็น่ากระโดดลงเป็นเล่นจริงๆ แต่พี่ลูกหาบเตือนว่า ในคลองบางช่วงไม่ได้ลึก แถมมีหินอยู่ใต้น้ำด้วย จึงไม่ควรกระโดด เดินถ่ายตั้งแต่ปลายแคมป์ จนหน้าแคมป์ด้วยเลนส์ตัวสุดท้ายที่มี




5/5/66 แคมป์หก คอมมิวนิสต์ 15 กม.

วันนี้ต้องเดินกันไกลหน่อย ดีที่ยังเป็นทางราบเนินต่ำๆ เดินตัดลำน้ำไปมา หาผักหาเสบียงตลอดทาง อีกอย่างต้องระวังสำหรับเส้นนี้คือ ต้นช้างร้อง พี่ลูกหาบพยายามเน้นย้ำไม่ให้ไปโดนเด็ดขาด

เส้นทางเดินไม่ยาก แต่ต้องคอยจอดเช็คน้องทากกันตลอดทาง สำหรับผมหากน้องทากมา รับประกันได้เลยว่า กินเลือดผมจนต้องหลุดไปเองเลย รับประกันอ้วนอวบทุกตัว
ถึงแคมป์ก็นอนแช่น้ำ ความสูงระดับหน้าแข้ง เย็นสบาย
มีจุดถ่ายภาพอยู่บ้าง โดยเฉพาะช่วงเช้า แสงสาดอย่างสวย

6/5/66 จุดเริ่มเดิน 8.5 กม.
วันสุดท้าย ระยะทางไม่ไกลมาก แต่รูปแบบการเดินคล้ายๆกับวันที่สาม เดินขึ้นลงสามเนิน พี่ลูกหาบเรียกว่าสามครวญ ครวญคางกันเลย เพราะดันไปเตะรากไม้ในตำแหน่งเล็บที่เจ็บ เดินดันจนมาถึงทางดิ่ง
ดิ่งยาวๆ จนมาถึงน้ำตก ก็เป็นทางราบ เดินต่ออีกอึดใจเดียวก็มาถึงจุดเริ่มเดิน ที่มีน้ำอัดลม และเครื่องดื่มอื่นแช่น้ำแข็งเย็นๆรอเราอยู่ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
สรุปภาพรวม 5 จาก 5ดาว (เหมาะสำหรับคนชอบป่าร้อนชื้น และความดิบป่า) - คะแนนวิวทิวทัศน์ (5/5) สวยแบบป่าทึบเขียวชะอุ่ม ชุ่มชื้น หาหัวข้อที่จะหักคะแนนไม่เจอเลย เพราะแค่มีเพียงเราๆกับธรรมชาติ ก็สุขแบบสาสมแล้ว
#คลองยัน
#เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน
#อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง
#ซังกุงสูงสุดแห่งขุนเขา
#เพราะความไม่สมบูรณ์แบบ ทำให้เราได้เจอความสุขในแบบที่คิดไม่ถึง
#แด่มิตรภาพระหว่างการเดินทางครั้งนี้
[CR] คลองยัน ความฝัน ผู้คน
สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆของพนักงานประจำ ผู้ที่รักกิจกรรมกลางแจ้ง การท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เดินป่า การเดินทางครั้งนี้เกิดจากประโยคบอกเล่าของชายแก่ ตอนเสวนากันเมื่อครั้งเดินป่าเทือกเขาพนมเบญจาเมื่อสองสามปีที่แล้ว เป็นแรงบัลดาลใจ ให้ได้มาเยือนที่นี่ "คลองยัน"
คลองยัน ทริปเดินป่าระยะไกล 7 วัน 6 คืน ระยะทาง 86 กิโลเมตร เส้นทางแห่งขุนเขาและสายน้ำกับมิตรภาพจากเพื่อนร่วมทาง 30 เมษายน -6 พฤษภาคม 2566
#คลองยัน เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของ แม่น้ำพุมดวง และแม่น้ำตาปี สภาพป่าไม้ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบชื้น
คลองยันไหลผ่านพื้นที่ 2 จังหวัด คือสุราษฎร์ธานีและระนอง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ คีรีรัฐนิคม วิภาวดี ไชยา และท่าฉาง ในจังหวัดระนอง ครอบคลุมตำบลบางหิน อำเภอกะเปอร์ สุราษฎร์ธานี
คลองยันอยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง แถมเชื่อมต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา ของจังหวัดระนองอีกด้วย
29/4/66
นัดเจอที่ Lotus พระรามสอง เป็นครั้งแรกที่เข้ากรุง
30/4/66 แคมป์แรก แคมป์บัวผุด 8.5 กม.
เวลา 7:00 ถึง บ้านนา กะเปอร์ จังหวัดระนอง
มื้อเช้า และมื้อเที่ยงได้เสบียงจากตลาดกะเปอร์
1.) ตลาดกะเปอร์ อาหารราคาถูกและหรอย หรอย หรอยจังฮู้
หลังจากนั้นเราทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ อบต บ้านนา เพื่อเปลี่นชุด ตระเตรียมกระเป๋าเพื่อจะนั่งรถโฟร์วิวไปยังจุดเริ่มเดิน แต่ lonpeak ก็ด่วนมาจากลาตั้งแต่ยังไม่ทันได้กระทบผืนป่าเลย พี่ลูกหาบช่วยเป็นธุระจัดหาสตั๊ดดอยมาประจำการอย่างด่วนๆ
เป้ของพวกเราถูกจัดเรียงไว้กระบะหลัง โดยมีพี่ลูกหาบคอยดูแล ส่วนเราเองก็ขึ้นรถอีกคัน ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดเริ่มเดิน ทำไมมันตื่นเต้นอย่างนี้วะ ชักภาพกับป้ายเป็นที่เรียบร้อย ก้าวแรกเริ่มต้นตอนเวลาประมาณ 9:30 ช่วงต้นเป็นการวอร์มเรียกเหงื่อเบาๆของพวกเราด้วยทางราบ พักเดียวเท่านั้น ก็หักศอกขวาเผญิชหน้ากับทางชัน ชันอยู่อย่างนั้นยาวเลย
2.) พี่ลูกหาบ แต่ที่นี่แบกเป้กันทุกคน ระดับพลังประมาณสี่สิบกิโลกรัมอัพ
3.) ขอนไม้ หลังจากพุกร่อน ก็ยังไปทีอาศัยของมอส
4.) เอนกาย ระหว่างทางต้องหาที่พักกาย หย่อนเป้เป็นระยะๆ
แล้วก็จะมาเจอกับเนินพับผ้า ผ่านจุดเช็คอินบัวผุด ตูมบ้าง บานเกินงามบ้าง ยังไม่เจอที่กำลังพอดีสวยเลย
เดินถึงแคมป์แรก แคมป์บัวผุด 8.5 กม.
ประมาณ 14:30 กางเต็นท์เสร็จ ก็หามุมถ่ายภาพ จุดนี้มีช่องเปิดอยู่ที่เดียว ใช้เลนส์ซูม ถ่ายเจาะเหมาะมาก
ตรงจุดนี้ยังมีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ไม่มีที่ให้อาบน้ำ
1/5/66 แคมป์สอง น้ำกลางวัน 5 กม.
ตื่นเช้ามากะรอแสงพระอาทิตย์สาดส่อง แต่ก็ไม่มี เพราะดวงอาทิตย์อยู่เฉียงไปทางขวามือ และมีเขาบดบัง สรุปว่าเช้าของวันเป็นอันต้องแห้วภาพสวย วันนี้เราจะเดินสบายๆ เหยียดขา เดินทอดน่อง เพราะระยะทางถึงแคมป์สอง เพียงห้ากิโลเมตร แถมยังไม่ค่อยชันด้วย ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งก็มาถึงแคมป์สอง น้ำกลางวัน 5 กม.
ไม่มีจุดเปิดเลย เพราะล้อมรอบด้วยต้นไม้ แต่ก็มีจุดถ่ายภาพอยู่ เป็นต้นไม่ทรงสวย พอได้ภาพบ้าง
ตรงจุดนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เหมือนอย่างเคย แต่ที่เหมือนเดิมคือไม่มีที่ให้อาบน้ำ
2/5/66 แคมป์สาม น้ำตกรู 12 กม.
เริ่มเดินกันเช้าหน่อย เพราะวันนี้ถือว่าหนัก กว่าสองวันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าขึ้นลงกี่เนินต่อกี่เนิน เดินกันมันมาก โหดร้ายที่สุดของวันนี้ คือเดินลงจากที่สูง อย่างต่อเนื่องเป็นระยะทางเกือบห้ากิโลเมตร คือลงแบบชันๆ ทำเอาเข่าผมนั้นเสียอาการอยู่บ้าง ณ จุดนี้เองสตั๊ดดอยก็เริ่มทำงาน มันพยายามกระแทกเล็บผม จนผมตั้งชื่อเส้นทางนี้ว่า “ดิ่งเล็บหลุด”
สิ้นสุดทางดิ่ง ก็มานั่งกินข้าว แต่ก็เบาใจไม่ได้ เพราะฝนเริ่มเทลงมาแล้ว พี่ลูกหาบบอกต้องรีบข้ามน้ำไปจุดตั้งแคมป์ แต่ผมก็นั่งกิน เติมของลงท้องก่อน ‘หิวๆๆๆ’
เดินต่อลัดเลาะ ตัดลำธารไปมา พี่ลูกหาบบอกว่า ขอเวลาแพลบ แล้วก็ก้มลงไปที่ขอนไม้ ที่เต็มไปด้วยเห็ดหูหนู เดินต่อมาอีกนิด ก็กระซิบบอกขอเก็บผักกูดอีกหน่อย และแล้วก็มาถึงแคมป์สาม น้ำตกรู 12 กม.แคมป์นี้อุดมไปด้วยผึ้ง ต้องจุดไฟไล่ผึ้งกันเลยทีเดียว
มีจุดให้เดินถ่ายภาพอยู่หลายจุด พยายามหามุมมองใหม่ๆ
อาบน้ำในรอบสามวัน นอนแช่น้ำตกเย็นๆไป
3/5/66 แคมป์สี่ ปากหินปูน- คลองยัน 10 กม.
นอนหลับสบายเหมือนอย่างเคย และก็ออกเดินกันแต่เช้า และเราก็จะไม่รู้จักคำว่าแห้ง จนกว่าจะถึงแคมป์
เป็นการเดินทางราบปีนป่าย ตัดคลองปากหินปูน น้ำบางช่วงลึกเอาการอยู่ เน้นย้ำอุปกรณ์อิเลคทรอนิค กล้องถ่ายภาพ ใส่ถุงกันน้ำให้ดี และมั่นใจด้วยว่าน้ำจะไม่เข้า เดินกันมาด้วยดีเกือบตลอดทาง จนมาถึง ทางแยกของคลองปากหินปูน กับคลองยัน ซึ่งผมมาลำดับท้ายๆ ก็เดินๆๆๆๆ แล้วก็พรวด น้ำลึกเกือบอก บอกได้คำเดียวว่า ไม่กลัวเพราะทุกอย่างใส่ถุงกันน้ำอย่างดี ถึงแคมป์สี่ ปากหินปูน- คลองยัน 10 กม.
ประมาณบ่ายสอง ก็ถอดชุดเดินป่า ออกมาตาก กับลานหิน ทุกอย่างในเป้แห้งสนิทดี มีเพียงกระเป๋าคาดเอวเท่านั้นที่เปียกน้ำ
แต่ในนั้นมีเลนส์ซูมหนึ่งอัน มันถูกพันห่อหุ้มไว้กับถุงซิปสองชั้น แต่ๆๆๆๆ ถุงซิบเจ้ากรรมดันมาขาด ทำให้เลนส์ซูมจากเราไปอย่างสงบ ไม่เป็นไร เรายังมีเลนส์ไวด์อีกสองตัว วันนี้เลยถ่ายภาพด้วยเลนส์ไวด์อย่างเดียว
4/5/66 แคมป์ห้า ลานหินลาด 10 กม.
ตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพราะเริ่มจะเจ็บเล็บเท้ามากขึ้น โผล่หน้าออกมาจากเต็นท์กะจะถ่ายดาว แต่ก็ไม่มีอะไรพร่างพราว เพราะหมู่ดาวถูกเมฆบดบัง วันนี้พี่ลูกหาบถามว่าจะเดินขึ้นบกหรือลงน้ำ ขึ้นบกก็จะพบกับของขึ้นชื่อประจำคลอง “น้องทาก” ทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยากเลย ลงน้ำสิครับ รออะไร
น้ำระดับแค่เอวเอง แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก เดินในน้ำ แต่ดันไปสะดุดตอไม่ล้ม ที่ซ้ำร้ายคือ ดันเอากล้องติดกับ peak design ไว้กับเป้ รีบลุกและเดินไปที่ฝั่ง ปล่อยให้เพื่อนที่มาด้วยกัน เดินล่วงหน้าไปกับพี่ลูกหาบก่อนเลย ปลดกล้องและลงเป้ ถอดเลนส์ออกจากกล้อง ถอดฟิลเตอร์หน้าเลนส์ เพราะน้ำขังหน้าเลนส์จนเห็นฝ้าขึ้นแล้ว เอาอุปกรณ์มาตากแดด ลองใส่เลนส์กลับเข้ากับกล้อง และลองถ่าย ถ่ายได้ แต่ยังมีฝ้าอยู่เล็กน้อย ถอดตากแดดอีกที ประกอบเลนส์อีกที ลองถ่าย อาการดีขึ้น เลยเดินต่อ ทางเดินก็ยังเดินผ่านน้ำ ขึ้นเขาวนไป จนมาถึงยอดเขายั่วกัน ชักภาพซักหน่อย แต่สิ่งที่ได้คือ ภาพเบลอ แถมมีข้อความเออเร่อขึ้นที่กล้อง สรุปเราก็ช่วยอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เลนส์10-24ก็จากเราไปอย่างสงบ เดินต่อไปแบบไม่คิดอะไร เพราะความสนุกระหว่างทางรอเราอยู่ และแล้วก็มาถึง แคมป์ห้า ลานหินลาด 10 กม.
แคมป์นี้จุดถ่ายภาพเยอะจริง คลองยันที่อยู่ตรงหน้า ก็น่ากระโดดลงเป็นเล่นจริงๆ แต่พี่ลูกหาบเตือนว่า ในคลองบางช่วงไม่ได้ลึก แถมมีหินอยู่ใต้น้ำด้วย จึงไม่ควรกระโดด เดินถ่ายตั้งแต่ปลายแคมป์ จนหน้าแคมป์ด้วยเลนส์ตัวสุดท้ายที่มี
5/5/66 แคมป์หก คอมมิวนิสต์ 15 กม.
วันนี้ต้องเดินกันไกลหน่อย ดีที่ยังเป็นทางราบเนินต่ำๆ เดินตัดลำน้ำไปมา หาผักหาเสบียงตลอดทาง อีกอย่างต้องระวังสำหรับเส้นนี้คือ ต้นช้างร้อง พี่ลูกหาบพยายามเน้นย้ำไม่ให้ไปโดนเด็ดขาด
เส้นทางเดินไม่ยาก แต่ต้องคอยจอดเช็คน้องทากกันตลอดทาง สำหรับผมหากน้องทากมา รับประกันได้เลยว่า กินเลือดผมจนต้องหลุดไปเองเลย รับประกันอ้วนอวบทุกตัว
ถึงแคมป์ก็นอนแช่น้ำ ความสูงระดับหน้าแข้ง เย็นสบาย
มีจุดถ่ายภาพอยู่บ้าง โดยเฉพาะช่วงเช้า แสงสาดอย่างสวย
6/5/66 จุดเริ่มเดิน 8.5 กม.
วันสุดท้าย ระยะทางไม่ไกลมาก แต่รูปแบบการเดินคล้ายๆกับวันที่สาม เดินขึ้นลงสามเนิน พี่ลูกหาบเรียกว่าสามครวญ ครวญคางกันเลย เพราะดันไปเตะรากไม้ในตำแหน่งเล็บที่เจ็บ เดินดันจนมาถึงทางดิ่ง
ดิ่งยาวๆ จนมาถึงน้ำตก ก็เป็นทางราบ เดินต่ออีกอึดใจเดียวก็มาถึงจุดเริ่มเดิน ที่มีน้ำอัดลม และเครื่องดื่มอื่นแช่น้ำแข็งเย็นๆรอเราอยู่ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
สรุปภาพรวม 5 จาก 5ดาว (เหมาะสำหรับคนชอบป่าร้อนชื้น และความดิบป่า) - คะแนนวิวทิวทัศน์ (5/5) สวยแบบป่าทึบเขียวชะอุ่ม ชุ่มชื้น หาหัวข้อที่จะหักคะแนนไม่เจอเลย เพราะแค่มีเพียงเราๆกับธรรมชาติ ก็สุขแบบสาสมแล้ว
#คลองยัน
#เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน
#อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง
#ซังกุงสูงสุดแห่งขุนเขา
#เพราะความไม่สมบูรณ์แบบ ทำให้เราได้เจอความสุขในแบบที่คิดไม่ถึง
#แด่มิตรภาพระหว่างการเดินทางครั้งนี้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้