นาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดอีกประเด็นร้อนฉ่า ปมถือหุ้นสื่อฯของหน.ก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อ้างถึงข้อบังคับพรรคก้าวไกล มีข้อความระบุสมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรธน.ม.98(3) ห้ามมีหุ้นสื่อฯในครอบครอง หากกกต.ส่งเรื่องที่ร้องเรียนปมถือหุ้นไอทีวีให้ศาลรธน.วินิจฉัย หากศาลเห็นว่ากระทำผิดรธน.
98(3)จะมีผลให้ขาดสมาชิกภาพการเป็นส.ส. จะบานปลายไปถึงรายชื่อสมาชิกพรรคที่นายพิธาลงนามรับรองสมัครรับเลือกส.ส.ตั้งจะมีปัญหาชื่อผู้สมัครทั้งหมดของพรรคชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โอ้ มายบุ๊ดด๊าาาา
ด้านปิยบุตร แสงกนกกุล มือกฎหมายพรรค สวนกลับทันที หากใช้"นิติสงคราม" กลั่นแกล้งทางกฎหมาย วิธีการเดิมๆอย่างที่เคยใช้ยุบพรรคอนค.และเล่นนงานธนาธรเรื่องถือหุ้นสื่อวีลักซ์มีเดีย ได้น่าดูชมแน่นวลเที่ยวนี้ ย้ำนี่ไม่ใช่การขู่ กล้าทำก็ลองดู....
ข่าวไทยโพสต์... ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต. ในกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล
นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำข้อบังคับของพรรคก้าวไกลมายื่นเพิ่มเติม และจับประเด็นว่านายพิธาจะพ้นจากสมาชิก และหัวหน้าพรรคหรือไม่ เพราะข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการแก้ไขลงในราชกิจจานุเบกษา ปี 2563 ซึ่งข้อบังคับพรรคในข้อ 12,21,37 ซึ่งในข้อ 12 ระบุว่าสมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ดังนั้นเมื่อระบุเช่นนี้ มาตรา 98 (3) ก็จะทำให้พ้นสมาชิกหรือไม่ และกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งหัวหน้าพรรค ก็จะต้องขาดจากความเป็นหัวหน้าพรรคโดยสิ้นสุดเฉพาะตัว รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อที่ 36
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตให้ กกต. ตรวจสอบในกรณีที่ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายว่าจะมีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส. รวมถึงเป็นสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรคไม่ได้ ซึ่งผลที่ตามาในการสมัครเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3-7 เม.ย. ที่ผ่านมา นายพิธาได้เซ็นรับรองการสมัครส.ส. เกือบ 400 เขตและส.ส. บัญชีรายชื่อ ดังนั้นจึงขอให้กกต. ตรวจสอบเพิ่มเติมว่าการยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ขอให้กกต. ดำเนินกฎหมายต่อไป
เมื่อถามว่าถ้านายพิธามีความผิดจริง และได้ไปเซ็นรับรองการสมัครส.ส. ของพรรค ถ้าเป็นเช่นนี้การสมัครนั้นจะเป็นโมฆะใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ก็ให้กกต. ตรวจสอบว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ต้องถอดสมการว่าการเป็นหัวหน้าพรรคพ้นไปหรือยัง เพราะในข้อบังคับเป็นหน้าที่ของนายทะเบียน แล้วนายพิธาก็ให้สัมภาษณ์ด้วยว่าเรื่องนี้รู้มาตั้งนานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้พรรคเคยมาปรึกษาตนแต่ไม่ได้ยกประเด็นนี้มาปรึกษา แต่ถึงอย่างไรตนก็ได้ให้ความรู้เรื่องกฎหมายไป ตนไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง
Cr.Thaipost
@@@ เรืองไกรจะโดยชกอีกไหม? @@@
98(3)จะมีผลให้ขาดสมาชิกภาพการเป็นส.ส. จะบานปลายไปถึงรายชื่อสมาชิกพรรคที่นายพิธาลงนามรับรองสมัครรับเลือกส.ส.ตั้งจะมีปัญหาชื่อผู้สมัครทั้งหมดของพรรคชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โอ้ มายบุ๊ดด๊าาาา
ด้านปิยบุตร แสงกนกกุล มือกฎหมายพรรค สวนกลับทันที หากใช้"นิติสงคราม" กลั่นแกล้งทางกฎหมาย วิธีการเดิมๆอย่างที่เคยใช้ยุบพรรคอนค.และเล่นนงานธนาธรเรื่องถือหุ้นสื่อวีลักซ์มีเดีย ได้น่าดูชมแน่นวลเที่ยวนี้ ย้ำนี่ไม่ใช่การขู่ กล้าทำก็ลองดู....
ข่าวไทยโพสต์... ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต. ในกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล
นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำข้อบังคับของพรรคก้าวไกลมายื่นเพิ่มเติม และจับประเด็นว่านายพิธาจะพ้นจากสมาชิก และหัวหน้าพรรคหรือไม่ เพราะข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการแก้ไขลงในราชกิจจานุเบกษา ปี 2563 ซึ่งข้อบังคับพรรคในข้อ 12,21,37 ซึ่งในข้อ 12 ระบุว่าสมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ดังนั้นเมื่อระบุเช่นนี้ มาตรา 98 (3) ก็จะทำให้พ้นสมาชิกหรือไม่ และกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งหัวหน้าพรรค ก็จะต้องขาดจากความเป็นหัวหน้าพรรคโดยสิ้นสุดเฉพาะตัว รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อที่ 36
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตให้ กกต. ตรวจสอบในกรณีที่ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เข้าข่ายว่าจะมีลักษณะต้องห้ามเป็น ส.ส. รวมถึงเป็นสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรคไม่ได้ ซึ่งผลที่ตามาในการสมัครเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3-7 เม.ย. ที่ผ่านมา นายพิธาได้เซ็นรับรองการสมัครส.ส. เกือบ 400 เขตและส.ส. บัญชีรายชื่อ ดังนั้นจึงขอให้กกต. ตรวจสอบเพิ่มเติมว่าการยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ขอให้กกต. ดำเนินกฎหมายต่อไป
เมื่อถามว่าถ้านายพิธามีความผิดจริง และได้ไปเซ็นรับรองการสมัครส.ส. ของพรรค ถ้าเป็นเช่นนี้การสมัครนั้นจะเป็นโมฆะใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ก็ให้กกต. ตรวจสอบว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ต้องถอดสมการว่าการเป็นหัวหน้าพรรคพ้นไปหรือยัง เพราะในข้อบังคับเป็นหน้าที่ของนายทะเบียน แล้วนายพิธาก็ให้สัมภาษณ์ด้วยว่าเรื่องนี้รู้มาตั้งนานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้พรรคเคยมาปรึกษาตนแต่ไม่ได้ยกประเด็นนี้มาปรึกษา แต่ถึงอย่างไรตนก็ได้ให้ความรู้เรื่องกฎหมายไป ตนไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง
Cr.Thaipost