" ..... และแม้ใด้ในขั้นนี้ซึ่งเป็นสุญญตในขั้นปฏิบัติอย่างสูงสุดแต่ก็ยังมีเหลืออยู่ที่กายนี้ อันมีอายตนะทั้ง๖และมีชีวิตเป็นปัจจัยอันที่จริงนั้นไม่ใช่เหลืออยู่เพียงกายนี้เท่านั้น ยังมีอวิชชาตัณหาอุปาทานเหลืออยู่ด้วยเหมือนอย่างตัวอย่างที่กล่าวเมื่อกี้นี้ ใช้เป็นตัวอย่างอันเดียวกันใด้ว่าเข้าไปค้นหาใครอะไรในห้องๆหนึ่ง ก็ไม่เห็นอะไร ไม่เห็นใคร ว่างไปหมดก็รู้สึกว่าว่าง ไม่มีใคร ไม่มีอะไร แต่อันที่จริงนั้นยังมีตัวเราอยู่ซึ่งเป็นผู้เข้าไปค้นนั้นและการค้นนั้นก็เป็นการปฏิบัติ ซึ่งเรียกว่าเป็นสังขารคือความปรุงแต่ง และเมื่อน้อมเข้ามาที่จิต ก็เป็นความปรุงแต่งจิตใจ ปรุงแต่งให้เป็นอนิมิตเจโตสมาธิขึ้นเช่นเดียวกับปรุงแต่งในขั้นที่แสดงมาโดยลำดับ เป็นขั้นๆขึ้นมา เหมือนอย่างการขึ้นบันไดขึ้นมาทีละขั้น ก็ต้องปรุงแต่งการขึ้นๆมา คือเดินขึ้นมาไม่ปรุงแต่งก็เดินขึ้นมาไม่ใด้การจะขึ้นใด้ก็ต้องเดิน การเดินนั้นก็คือการปรุงแต่ง คือปรุงแต่งการเดินฉันใดก็ดี ในข้อนี้ก็ต้องเป็นการปรุงแต่ง คือการปรุงแต่งการปฏิบัติเพราะฉะนั้น เมื่อยังเป็นการปรุงแต่ง สิ่งใดที่เป็นการปรุงแต่งสิ่งนั้นก็เป็นอนิจจะคือไม่เที่ยงมีความดับไปเป็นธรรมดาคือเป็นสิ่งเกิดดับ......." ธรรมบรรยาย สมเด็จพระญานสังวร สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ( ยังไม่สุดสิ้นเนื้อหาธรรมบรรยาย )
ปรุงแต่งให้เป็นอนิมิตเจโตสมาธิ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชเจ้า