สื่อนอกส่องเลือกตั้งไทย 2 ขั้วชิงอำนาจเสี่ยงวุ่นอีก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3968187
สื่อนอกส่องเลือกตั้งไทย 2ขั้วชิงอำนาจเสี่ยงวุ่นอีก
เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนที่คนไทยจะออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคม ท่ามกลางการขับเคี่ยวกันอย่างหนักของพรรคการเมืองทั้งฝ่ายอนุรักษนิยมที่มักใช้เรียกแทนกลุ่มการเมืองในรัฐบาลเก่าภายใต้การนำของพี่น้อง 3 ป. ประกอบด้วย พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.
อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับฝ่ายเสรีนิยมที่เรียกตนเองว่าเป็นขั้วประชาธิปไตย
นำโดยพรรคเพื่อไทย ภายใต้การถือธงนำของ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร บุตรีคนสุดท้องของนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ยังคงมีอิทธิพลต่อการเมืองไทย แม้จะหนีคดีไปอาศัยอยู่ในต่างแดนมานานหลายสิบปี และพรรคก้าวไกลภายใต้การนำของนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ในเวลานี้ต้องยอมรับว่ากระแสแรงมากจนรั้งอันดับ 1 ของโพลเกือบทุกสำนัก
ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ถูกจับตามองในฐานะจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศไทย หลังการสืบทอดอำนาจ 3 ป. ที่ยืนยาวมาตั้งแต่การโค่นล้มรัฐบาล น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โดยการก่อรัฐประหารของ พล.อ.
ประยุทธ์ เพราะแม้พรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจจากการร่างรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อผู้นำรัฐประหาร ต่างจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ที่ดูเหมือนอิทธิพลของกลุ่มอำนาจ 3 ป. จะเสื่อมถอย ท่ามกลางการตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ที่ออกมาแสดงจุดยืนเรียกร้องประชาธิปไตยและการเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
การต่อสู้ที่ร้อนแรงในสนามเลือกตั้งระหว่างสองขั้ว ทำให้สื่อต่างประเทศจับตามองการเลือกตั้งในไทยครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีสิทธิที่จะเป็นฝ่ายชนะและครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เหมือนเช่นที่เป็นมาในการเลือกตั้งเกือบทุกครั้ง แต่ไม่น่าจะได้รับชัยชนะเด็ดขาดแบบ “
แลนด์สไลด์” อย่างที่คาดหวัง แต่จะถูกเตะตัดขาโดยพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นขั้วเดียวกันเองที่ร้อนแรงขึ้นอย่างมากในโค้งสุดท้าย
บทวิเคราะห์ของเว็บไซต์ Foreign Policy ที่นำเสนอสถานการณ์และนโยบายการต่างประเทศทั่วโลกของสหรัฐชี้ว่า ชัยชนะที่ถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยอาจจะถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายอนุรักษนิยมในไทย และเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง
แต่พรรคเพื่อไทยอาจจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ได้โดยการจับมือกับพรรคที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพ อย่างไรก็ดี การประนีประนอมเช่นนี้อาจทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนเกิดความไม่พอใจ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ออกมารวมตัวประท้วงในปี 2563
Foreign Policy ระบุอีกว่า ความท้าทายสำคัญของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ กลายเป็นพันธมิตรฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งหากพรรคก้าวไกลทำผลงานได้ดีในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็อาจทำให้ความพยายามที่จะประนีประนอมของพรรคเพื่อไทยหลังการเลือกตั้งทำได้ยากลำบากมากขึ้น แต่การประนีประนอมกับกองทัพอาจทำให้พรรคเพื่อไทยเสื่อมความนิยม และจะยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลสามารถยึดครองเสียงจากกลุ่มผู้สนับสนุนที่มีแนวคิดแบบเดียวกันไปได้ กระนั้นก็ดีความพยายามที่จะปฏิรูปใดๆ หลังการเลือกตั้งหากทำให้กองทัพรู้สึกว่าถูกคุกคามก็อาจนำไปสู่การคว่ำกระดานขึ้นได้อีกครั้ง
ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างความเห็นของ “
ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์” นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เตือนว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย หากผู้ที่กุมอำนาจพยายามจะรักษาอำนาจในมือ ทางเลือกที่มีผลทำลายล้างสูงทางหนึ่ง อาจกลายเป็นการยุบพรรคการเมืองอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกล
ด้านสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่า การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์การเมืองของไทย แต่ยังจะเป็นตัวชี้ขาดว่านาย
ทักษิณจะสามารถเดินทางกลับประเทศไทยและรับโทษจำคุกเพื่อแลกกับการได้อยู่กับครอบครัวตามที่ประกาศความตั้งใจไว้ได้หรือไม่ โดยนับจนถึงขณะนี้โทษจำคุกที่นาย
ทักษิณต้องรับคือราว 10 ปี และการพิจารณาคดีบางส่วนของเขาก็ยังคงไม่แล้วเสร็จ
ขณะที่ภาคเอกชนไทยคาดหวังให้รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลผสมที่มีเอกภาพและเสถียรภาพ โดยมีแนวทางและข้อตกลงที่ชัดเจนในการทำงานเพื่อชาติที่จะขับเคลื่อนการเติบโตต่อไป แต่ก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับกรอบเวลาในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งที่ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน เพราะหากยืดเยื้อยาวนานก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ และยังทำให้แผนการลงทุนเกิดความล่าช้าได้
บทวิเคราะห์ของ Channel News Asia มองว่าการเลือกตั้งในประเทศไทยยังคงตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ของการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับอำนาจเผด็จการทหาร แม้พรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มที่จะได้รับชัยชนะ แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดาว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนต่อไป เพราะวุฒิสภา 250 คนที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังเป็นตัวแปรสำคัญ เนื่องจากมีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แม้จะยังมีความคลุมเครือถึงจุดยืนของสมาชิกวุฒิสภาก็ตาม เพราะการแตกแยกของกลุ่ม 3 ป. อาจทำให้เสียงของวุฒิสภาไม่ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
และเป็นไปได้ว่า พรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่อันดับ 2 ในขั้วอนุรักษนิยม อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการชี้ขาดใครจะได้เป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล
แต่ที่สุดแล้วความแตกแยกร้าวลึกทางสังคม รวมถึงความแตกแยกในภูมิภาคต่างๆ ของไทยก็จะยังคงอยู่ต่อไป และทำให้การเมืองไทยยังคงตกอยู่ในความไม่แน่นอนเช่นเดิม
'อุ๊งอิ๊ง' ยัน เพื่อไทย จับมือ ก้าวไกล เป็นไปได้ แต่ต้องรอเสียงประชาชนก่อน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7652793
‘อุ๊งอิ๊ง’ ยัน เพื่อไทย จับมือ ก้าวไกล เป็นไปได้ แต่ต้องรอเสียงประชาชนก่อน ต้องดูว่าเรายังได้เป็นพรรคอันดับหนึ่งหรือไม่ รวมถึงเงื่อนไขเรา พรรคอื่นรับได้หรือไม่
8 พ.ค. 2566 – นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรค และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร่วมตอบคำถามหัวข้อ “
หมดเปลือกเพื่อไทย” ผ่านทาง TikTok @moddamkachapa โดยมี
มดดำ นายคชาภา ตันเจริญ พิธีกรชื่อดัง เป็นผู้ดำเนินรายการ
เมื่อถามถึงกรณีอีก 6 วันจะถึงวันเลือกตั้ง แต่หลายคนมองว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยเล่นเกมการเมือง จะไปจับกับ 3 ป.อยู่ดี นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ขอพูดอีกครั้งว่าเรายึดโยงประชาชน ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอา 3 ป. แน่นอน
ขณะที่ น.ส.
แพทองธาร กล่าวว่า เราไม่จับมือแน่ แต่ถามว่าเราจะจับกับใคร ต้องรอดูหลังการเลือกตั้ง เรามีเกณฑ์อยู่แล้วว่าต้องเห็นด้วยกับนโยบายของเรา ว่านายกฯต้องมาจากพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญต้องเป็นของเราเช่นกัน ถามว่าจะรับได้ไหมถ้าจะจับมือกับเรา
เมื่อถามว่าสมการ เพื่อไทย จับมือกับ ก้าวไกล เกิดขึ้นได้หรือไม่ น.ส.
แพทองธาร กล่าวต่อว่า เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เราไม่ได้มีปัญหากัน เราเป็นพรรคฝ่ายค้านทำงานมาด้วยกัน แต่สุดท้ายต้องรอเสียงของประชาชนก่อน มันคือข้อเท็จจริงไม่ใช่เรื่องของอารมรณ์ ต้องดูว่าเรายังได้เป็นพรรคอันดับหนึ่งหรือไม่ รวมถึงเงื่อนไขของเรา พรรคอื่นรับได้หรือไม่
ก้าวไกล บุกถิ่น ภูมิใจไทย ‘ธนาธร-อมรัตน์’ ปราศรัยลานเซราะกราว ลั่นจะเจาะบุรีรัมย์ให้ได้
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3968115
ก้าวไกล บุกถิ่น ภูมิใจไทย ‘ธนาธร-อมรัตน์’ ปราศรัยลานเซราะกราว ลั่นจะเจาะบุรีรัมย์ให้ได้
เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.ที่สวนรมณ์บุรี ตรงข้ามสำนักงานเทศบาลเมือง เมืองบุรีรัมย์ พรรคก้าวไกล ได้เปิดเวทีกลางปราศรัยย่อย หาเสียงให้กับลูกพรรคทั้ง 10 เขตเลือกตั้งของจังหวัดบุรีรัมย์ โดยหลังจากเริ่มเปิดเวที ได้มีผู้ช่วยหาเสียงหลายคนขึ้นเวทีปราศรัย เช่นนายทวีศักดิ์ ทักษิณ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล น.ส.
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล
ผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่ถูกคนปล่อยข่าวเท็จ หลายกรณีเช่น การงดจ่ายบำนาญข้าราชการ บางช่วงได้กล่าวเสียดสีนักการเมืองบ้านใหญ่บุรีรัมย์ มีคนมาฟังการปราศรัยประมาณ 2,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น
ต่อมานาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้เดินทางมาถึง และขึ้นเวทีปราศรัย ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกึกก้องทั่วบริเวณลานเซราะกราว บรรยากาศโดยทั่วไปถือว่าคึกคักไม่แพ้เวทีปราศรัยอื่นของพรรคก้าวไกลเดินทางไป
นาย
ธนาธร กล่าวว่า เท่าที่เดินทางตระเวนไปปราศรัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสาน ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี ทุกพื้นที่ไม่เฉพาะในตัวเมือง มีประชาชนให้การต้อนรับเกินความคาดหมายสำหรับจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นจังหวัดเป้าหมายพิเศษ ต้องการเจาะพื้นที่ สส.เขตที่จังหวัดบุรีรัมย์ให้ได้ เพื่อลบความสบประมาท ที่มีคนพูดเอาไว้ว่าพรรคก้าวไกล “
จะไม่ได้ สส.เขตแม้แต่เขตเดียวในจังหวัดบุรีรัมย์”
นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ปรากฎการณ์ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อพรรคก้าวไกลที่เกิดขึ้น จนถึงขณะนี้เชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกล จะได้ ส.ส.ทั้งประเทศด้วยตัวเลข 3 หลักอย่างแน่นอน
JJNY : สื่อนอกส่องเลือกตั้งไทย│'อุ๊งอิ๊ง'ยันพท.จับมือก้าวไกลเป็นไปได้│ก้าวไกลบุกถิ่น ภท.│ผู้ปกครองอ่วมค่าใช้จ่ายพุ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3968187
สื่อนอกส่องเลือกตั้งไทย 2ขั้วชิงอำนาจเสี่ยงวุ่นอีก
เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนที่คนไทยจะออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พฤษภาคม ท่ามกลางการขับเคี่ยวกันอย่างหนักของพรรคการเมืองทั้งฝ่ายอนุรักษนิยมที่มักใช้เรียกแทนกลุ่มการเมืองในรัฐบาลเก่าภายใต้การนำของพี่น้อง 3 ป. ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับฝ่ายเสรีนิยมที่เรียกตนเองว่าเป็นขั้วประชาธิปไตย
นำโดยพรรคเพื่อไทย ภายใต้การถือธงนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรีคนสุดท้องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ยังคงมีอิทธิพลต่อการเมืองไทย แม้จะหนีคดีไปอาศัยอยู่ในต่างแดนมานานหลายสิบปี และพรรคก้าวไกลภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ในเวลานี้ต้องยอมรับว่ากระแสแรงมากจนรั้งอันดับ 1 ของโพลเกือบทุกสำนัก
ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ถูกจับตามองในฐานะจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศไทย หลังการสืบทอดอำนาจ 3 ป. ที่ยืนยาวมาตั้งแต่การโค่นล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โดยการก่อรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะแม้พรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจจากการร่างรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อผู้นำรัฐประหาร ต่างจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ที่ดูเหมือนอิทธิพลของกลุ่มอำนาจ 3 ป. จะเสื่อมถอย ท่ามกลางการตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ที่ออกมาแสดงจุดยืนเรียกร้องประชาธิปไตยและการเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
การต่อสู้ที่ร้อนแรงในสนามเลือกตั้งระหว่างสองขั้ว ทำให้สื่อต่างประเทศจับตามองการเลือกตั้งในไทยครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีสิทธิที่จะเป็นฝ่ายชนะและครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เหมือนเช่นที่เป็นมาในการเลือกตั้งเกือบทุกครั้ง แต่ไม่น่าจะได้รับชัยชนะเด็ดขาดแบบ “แลนด์สไลด์” อย่างที่คาดหวัง แต่จะถูกเตะตัดขาโดยพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นขั้วเดียวกันเองที่ร้อนแรงขึ้นอย่างมากในโค้งสุดท้าย
บทวิเคราะห์ของเว็บไซต์ Foreign Policy ที่นำเสนอสถานการณ์และนโยบายการต่างประเทศทั่วโลกของสหรัฐชี้ว่า ชัยชนะที่ถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยอาจจะถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายอนุรักษนิยมในไทย และเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง
แต่พรรคเพื่อไทยอาจจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ได้โดยการจับมือกับพรรคที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพ อย่างไรก็ดี การประนีประนอมเช่นนี้อาจทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนเกิดความไม่พอใจ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ออกมารวมตัวประท้วงในปี 2563
Foreign Policy ระบุอีกว่า ความท้าทายสำคัญของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ กลายเป็นพันธมิตรฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งหากพรรคก้าวไกลทำผลงานได้ดีในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็อาจทำให้ความพยายามที่จะประนีประนอมของพรรคเพื่อไทยหลังการเลือกตั้งทำได้ยากลำบากมากขึ้น แต่การประนีประนอมกับกองทัพอาจทำให้พรรคเพื่อไทยเสื่อมความนิยม และจะยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลสามารถยึดครองเสียงจากกลุ่มผู้สนับสนุนที่มีแนวคิดแบบเดียวกันไปได้ กระนั้นก็ดีความพยายามที่จะปฏิรูปใดๆ หลังการเลือกตั้งหากทำให้กองทัพรู้สึกว่าถูกคุกคามก็อาจนำไปสู่การคว่ำกระดานขึ้นได้อีกครั้ง
ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างความเห็นของ “ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์” นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เตือนว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย หากผู้ที่กุมอำนาจพยายามจะรักษาอำนาจในมือ ทางเลือกที่มีผลทำลายล้างสูงทางหนึ่ง อาจกลายเป็นการยุบพรรคการเมืองอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกล
ด้านสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่า การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์การเมืองของไทย แต่ยังจะเป็นตัวชี้ขาดว่านายทักษิณจะสามารถเดินทางกลับประเทศไทยและรับโทษจำคุกเพื่อแลกกับการได้อยู่กับครอบครัวตามที่ประกาศความตั้งใจไว้ได้หรือไม่ โดยนับจนถึงขณะนี้โทษจำคุกที่นายทักษิณต้องรับคือราว 10 ปี และการพิจารณาคดีบางส่วนของเขาก็ยังคงไม่แล้วเสร็จ
ขณะที่ภาคเอกชนไทยคาดหวังให้รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลผสมที่มีเอกภาพและเสถียรภาพ โดยมีแนวทางและข้อตกลงที่ชัดเจนในการทำงานเพื่อชาติที่จะขับเคลื่อนการเติบโตต่อไป แต่ก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับกรอบเวลาในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งที่ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน เพราะหากยืดเยื้อยาวนานก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ และยังทำให้แผนการลงทุนเกิดความล่าช้าได้
บทวิเคราะห์ของ Channel News Asia มองว่าการเลือกตั้งในประเทศไทยยังคงตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ของการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกับอำนาจเผด็จการทหาร แม้พรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มที่จะได้รับชัยชนะ แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะคาดเดาว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล และเป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนต่อไป เพราะวุฒิสภา 250 คนที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังเป็นตัวแปรสำคัญ เนื่องจากมีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แม้จะยังมีความคลุมเครือถึงจุดยืนของสมาชิกวุฒิสภาก็ตาม เพราะการแตกแยกของกลุ่ม 3 ป. อาจทำให้เสียงของวุฒิสภาไม่ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
และเป็นไปได้ว่า พรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่อันดับ 2 ในขั้วอนุรักษนิยม อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการชี้ขาดใครจะได้เป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล
แต่ที่สุดแล้วความแตกแยกร้าวลึกทางสังคม รวมถึงความแตกแยกในภูมิภาคต่างๆ ของไทยก็จะยังคงอยู่ต่อไป และทำให้การเมืองไทยยังคงตกอยู่ในความไม่แน่นอนเช่นเดิม
'อุ๊งอิ๊ง' ยัน เพื่อไทย จับมือ ก้าวไกล เป็นไปได้ แต่ต้องรอเสียงประชาชนก่อน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7652793
‘อุ๊งอิ๊ง’ ยัน เพื่อไทย จับมือ ก้าวไกล เป็นไปได้ แต่ต้องรอเสียงประชาชนก่อน ต้องดูว่าเรายังได้เป็นพรรคอันดับหนึ่งหรือไม่ รวมถึงเงื่อนไขเรา พรรคอื่นรับได้หรือไม่
8 พ.ค. 2566 – นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรค และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร่วมตอบคำถามหัวข้อ “หมดเปลือกเพื่อไทย” ผ่านทาง TikTok @moddamkachapa โดยมีมดดำ นายคชาภา ตันเจริญ พิธีกรชื่อดัง เป็นผู้ดำเนินรายการ
เมื่อถามถึงกรณีอีก 6 วันจะถึงวันเลือกตั้ง แต่หลายคนมองว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยเล่นเกมการเมือง จะไปจับกับ 3 ป.อยู่ดี นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอพูดอีกครั้งว่าเรายึดโยงประชาชน ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอา 3 ป. แน่นอน
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราไม่จับมือแน่ แต่ถามว่าเราจะจับกับใคร ต้องรอดูหลังการเลือกตั้ง เรามีเกณฑ์อยู่แล้วว่าต้องเห็นด้วยกับนโยบายของเรา ว่านายกฯต้องมาจากพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญต้องเป็นของเราเช่นกัน ถามว่าจะรับได้ไหมถ้าจะจับมือกับเรา
เมื่อถามว่าสมการ เพื่อไทย จับมือกับ ก้าวไกล เกิดขึ้นได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เราไม่ได้มีปัญหากัน เราเป็นพรรคฝ่ายค้านทำงานมาด้วยกัน แต่สุดท้ายต้องรอเสียงของประชาชนก่อน มันคือข้อเท็จจริงไม่ใช่เรื่องของอารมรณ์ ต้องดูว่าเรายังได้เป็นพรรคอันดับหนึ่งหรือไม่ รวมถึงเงื่อนไขของเรา พรรคอื่นรับได้หรือไม่
ก้าวไกล บุกถิ่น ภูมิใจไทย ‘ธนาธร-อมรัตน์’ ปราศรัยลานเซราะกราว ลั่นจะเจาะบุรีรัมย์ให้ได้
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3968115
ก้าวไกล บุกถิ่น ภูมิใจไทย ‘ธนาธร-อมรัตน์’ ปราศรัยลานเซราะกราว ลั่นจะเจาะบุรีรัมย์ให้ได้
เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น.ที่สวนรมณ์บุรี ตรงข้ามสำนักงานเทศบาลเมือง เมืองบุรีรัมย์ พรรคก้าวไกล ได้เปิดเวทีกลางปราศรัยย่อย หาเสียงให้กับลูกพรรคทั้ง 10 เขตเลือกตั้งของจังหวัดบุรีรัมย์ โดยหลังจากเริ่มเปิดเวที ได้มีผู้ช่วยหาเสียงหลายคนขึ้นเวทีปราศรัย เช่นนายทวีศักดิ์ ทักษิณ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล
ผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่ถูกคนปล่อยข่าวเท็จ หลายกรณีเช่น การงดจ่ายบำนาญข้าราชการ บางช่วงได้กล่าวเสียดสีนักการเมืองบ้านใหญ่บุรีรัมย์ มีคนมาฟังการปราศรัยประมาณ 2,000 คน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น
ต่อมานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้เดินทางมาถึง และขึ้นเวทีปราศรัย ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกึกก้องทั่วบริเวณลานเซราะกราว บรรยากาศโดยทั่วไปถือว่าคึกคักไม่แพ้เวทีปราศรัยอื่นของพรรคก้าวไกลเดินทางไป
นายธนาธร กล่าวว่า เท่าที่เดินทางตระเวนไปปราศรัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสาน ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี ทุกพื้นที่ไม่เฉพาะในตัวเมือง มีประชาชนให้การต้อนรับเกินความคาดหมายสำหรับจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นจังหวัดเป้าหมายพิเศษ ต้องการเจาะพื้นที่ สส.เขตที่จังหวัดบุรีรัมย์ให้ได้ เพื่อลบความสบประมาท ที่มีคนพูดเอาไว้ว่าพรรคก้าวไกล “จะไม่ได้ สส.เขตแม้แต่เขตเดียวในจังหวัดบุรีรัมย์”
นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ปรากฎการณ์ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อพรรคก้าวไกลที่เกิดขึ้น จนถึงขณะนี้เชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกล จะได้ ส.ส.ทั้งประเทศด้วยตัวเลข 3 หลักอย่างแน่นอน