ผมจะมาเล่าประสบการณ์ของผมตั้งแต่ผมยังเด็กจนตอนนี้ผมอายุ18ปี ผมเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้เพียบพร้อมแต่ก็ไม่ได้ขัดสนอะไรมันเป็นครอบครัวเล็กๆแต่อบอุ่นมีแม่คอยทำกับข้าวอร่อยๆให้กินมีพ่อคอยถามว่าลูกโตไปอยากทำอะไร เขาอยากจะไม่ใช้พ่อที่ดีที่สุดแต่เขาก็คอยให้คำปรึกษาผมทุกเรื่อง แม่ที่ค่อยสอนให้ผมมีความมั่นใจในตัวเองคอยสอนให้ผมกล้าทำกล้าแสดงออกและผมผมก็ยังมีน้องอีก2คน อ่าคือผมไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงดีแต่ก็น้องคนกลางเขาเป็นคนที่เอาตัวรอดเก่งเขากล้าแสดงออกมากกว่าผมอีก5555ผมก็แอบอายน้องผมอยู่นะ5555ส่วนอีกคน พึ่งเดินได้เขาน่ารักมากผมคิดว่าถ้าน้องทั้ง2คนของผมโตมาเขาน่าจะเป็นคนที่เก่งและมีความกล้าแสดงออก เอ่ออ ผมนอกเรื่องมากมากแล้ว5555ผมจะมาเล่าเรื่องของผมกันบ้าง ผมชื่อ แจม อายุ18 ตั้งแต่เด็กผมเป็นเด็กที่ไม่ดื้อเป็นคนที่ยิ้มและเป็นคนที่ตลกมากๆบางทีหัวเราะออกมาโดยที่ไม่มีเหตุไม่มีผลตั้งแต่งผมอยู่ประถมผมไม่เคยออกไม่เที่ยวไหนเลยไม่เคยมีเพื่อนอยู่แต่บ้านเล่นเกมใช้ชีวิตแบบกินนอนก็ว่าได้ผมเป็นคนที่ขี้อายมากไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย จนผมได้ขึ้นมาอยู่มัธยมผมมีรถคันแรกในชีวิตพึ่งออกมาได้ใหม่ๆพ่อก็บอกว่าเดี๋ยวพอมีรถก็เริ่มติดเพื่อนแต่ตอนนั้นผมยังไม่มีเพื่อนผมก็คิดกับตัวเองว่าเกี่ยวอะไรกับติดเพื่อนจนเริ่มขึ้นมา ม.2 ผมได้ลองแต่งรถครั้งแรก555555 ผมรู้สึกว่ามันเท่มากเริ่มมีเพื่อนมากลุ่มแรกเริ่มออกไปเที่ยวแต่แม่กับพ่อผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ผมก็รู้สึกอึดอัดแปลกๆหรรือเพราะว่าผมไม่เคยออกไปเที่ยวข้างนอกหรือเที่ยวกลางคืน55555พอมานึกดูแล้วมันก็น่าตลก ผมเริ่มมีแฟนที่เรียกว่าแฟนได้จริงๆเอาจริงตอนนั้นก็คิดว่าพอได้ลองออกมาจากบ้านมันก็สนุกดีไม่ต้องเหนื่อยไม่ต้องมีเสียงจากพ่อจากแม่เรียกใช้ผมเริ่ม ทำสิ่งต่างๆที่ผมไม่เคยได้ทำมันก็ เสเพ แต่ผมก็แยกแยะออกว่าอะไรควรไม่ควรผมเริ่มเถียงพ่อเถียงแม่ผมเริ่มไม่ฟังใครนอกจากเพื่อนตั้งแต่นั้นมาจนผมขึ้น ม.3 ผมได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบไม่สนใจพ่อกันแม่เพราะคิดว่ามันสนุกแต่ก็มาถึงจุดเปลี่ยนของครอบครัวผมตั้งแต่โควิดมาครอบครัวผมล้มละลายแรกๆก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากผมยังใช้ชีวิตแบบเดิมจนผ่านไปเลื่อยๆมันเริ่มส่งผมกับครอบครัวผมมากขึ้นครอบครัวผมเริ่มไม่มีรายได้แถมรายจ่ายก็ยังมีมากอีกหนักถึงขั้นครอบครัวผมไม่มีตังเก็บซักบาทแต่ผมก็ยังไม่สนใจอะไรเลย จนผมได้เลิกกับแฟนของผมแล้วครอบครัวก็ทะเลาะกันพ่อผมผูกคอตายแต่เขาก็รอดตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกแปลกผมไม่ร้องให้เลยผมพยายามทำให้ผมร้องเพราะมันจะได้ดูปกติแต่ผมกับทำได้แค่นิ่งเฉยได้แต่อึดอัดอยู่ข้างในถามว่าผมเสียใจมั้ยก็เสียใจแต่ผมร้องให้ไม่ออกตั้งแต่นั้นมามันทำให้ผมรู้ว่าตัวผมเปลี่ยนไปผมเริ่มรับรู้ความลำบากของครอบครัวแต่ผมก็ทำได้แค่ทำเป็นไม่รู้อะไรจากเด็กที่เคนยิ้มได้โดยไม่ต้องเสแสร้งแต่ตอนนี้มันเริ่มมีอะไรไม่ปกติผมพยายามตีตัวออกห่างจากความรู้สึก ไม่มีความรู้สึก เสียใจ เศร้า ดีใจ หรืออะไรหลายๆอย่าง ผมเลิกเรียนตอนขึ้นปี1 เพราะครอบครัวผมส่งไม่ได้ผมรู้ตัวเองดีผมเลยโกงหกครอบครัวเพื่อที่จะให้ตัวเองไม่ได้เรียนพอเวลาผ่านมาไม่นานครอบครัวผมเริ่มไม่มีตังจ่ายค่าห้องผมเลยตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดผมพูดตามตรงเลยว่าผมอยู่ไม่ได้ ที่นั้นไม่มีทั้ง อินเตอร์เน็ต หรือสัญญาณ ผมบอกได้เลยว่าช่วยเวลาที่ผมไปอยู่ที่นั้นผมรู้สึกว่าไม่มีความสุขมันมืดไปหมดได้แต่จบปักกับอดีตคิดถึงเพื่อนคิดถึงความสบาย ผมเริ่มมีความรู้สึกเศร้ามันทำให้ความรู้สึกผมดิ่งจนผมได้คุยกับเพื่อนผมที่อยู่ต่างจังหวัด เขาส่งตังให้ผมลงมาหาเขาและหางานแต่ผมก็กังวนว่าผมจะทำไมได้เพราะผมไม่เคยทำงานอะไรเลยตั้งแต่เด็กผมไม่มีความมั้นใจเลยแต่เพื่อนผมก็คอยด่าคอยบ่นกับผมตลอดว่าให้ผมทำงานมันคือความหวังดีจากเพื่อนที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อนจริงๆแต่ตัวผมเองก็ทำไม่ได้ผมทำงานแล้วออกๆจนถึงตอนี้ผมก็ยังไม่มีความมั่นใจอะไรเลยไม่รู้สิผมรู้สึกว่าผมต้องแบกรับอะไรพวกนี้จริงๆหรอพ่อแม่ผมก็ทำงานไม่ไหวแต่ผมก็ยังกลัวอะไรอยู่ก็ไม่รู้ผมได้แต่จมปักอยู่กับอดีต แต่ถึงอย่างนั้นพ่อกับแม่ของผมก็ยังคอยให้กำลังใจผมมาตลอด มันทำให้ผมได้รู้ว่าผมไม่ได้ไม่มีความรู้สึก แต่ผมทำใจไม่ได้ที่จะยอมรับความเป็นจริงๆ ทั้งๆที่มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแล้ว คือผมอาจจะเล่าได้ไม่ดีแต่ผมก็ไม่รู้จะเล่ายังไง ผมแค่อยากจะระบายความรู้สึกของผมสุดท้ายผมไม่รู้จะพูดอะไรดีแต่ก็ "อย่าหนีความเป็นจริงเลยครับเพราะมันเป็นบทเรียนที่สมจริงที่สุดแล้ว"
การเดินทางของชีวิต