ด้วยความกริ่งเกรงศักดิ์ดา แล้วทั้งท่านอสุนีก็เพิ่งฝากฝังให้นางได้มีที่อยู่อาศัยหยกๆ จึงตอบไปอย่างอิดเอื้อน
“เจ้าค่ะ” พูดแค่นั้นผีพรายก็นิ่ง
ท่านพญานาคมองนางพรายด้วยสายตาขุ่นเคือง เพราะไม่ได้คำตอบที่ได้ดั่งใจ แต่จะแสดงอะไรออกมามากกว่านี้ก็จะเสียกริยา เสื่อมหน้ากับท่านอสุนี จึงหันไปทางนายตะโขงเพราะมั่นใจว่าได้รับคำตอบต้องประสงค์แน่นอน
“เฮ้ย ไอ้ตะโขง ถ้าอีนางพรายไม่ช่วยไว้ตามที่ข้าสั่ง เอ็งว่าจะเกิดอะไรขึ้นว่ะ แหมอุตส่าห์รับเป็นหลาน ไม่เคยดูแลเลย ปล่อยให้เกือบตายก่อนค่อยแสดงตัวออกมา”
นายตะโขงถึงแม้เป็นสัตว์เดรัจฉานไม่รู้กี่ชาติปางภพ แต่ก็มีจิตใจซื่อบริสุทธิ์ จึงตอบตรงๆตามความรู้สึก
“ไอ้หนุ่มนราคนนี้เกล้ากระผมรักในน้ำใจขอรับ ทวยเทพต้องปกปักรักษาแน่นอน”
ท่านนรคินทร์นัยตาขึงขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ผิดหวังในคำตอบที่ต้องการให้มีการประชดประชันแต่ไม่สำเร็จผล จึงกวักมือเรียกขึ้น
“อีหนูนาถยา มาหาปู่สิ”
น้องนาถยาอยู่นิ่ง สมองเธอยังไม่แล่นเพราะเหตุการณ์ทั้งหลายแล่ประดังประเดเข้ามาพร้อมๆกัน นางพรายหันไปสบตากับน้องในเชิงทีขออนุญาต แล้วจูงมือหญิงสาวมาหาท่านนรคินทร์ ท่าทางที่เธอปฎิบัติราวกับพี่เลี้ยงสาวน้อยก็ไม่ปาน
น้องนาถยาคุกเข่าลงตามที่นางพรายกระซิบบอกให้ทำ ท่านนรคินทร์มองมาด้วยกระแสตาอ่อนโยน อย่างรักไคร่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเสียแล้ว พลางยื่นสิ่งหนึ่งให้
“เอ้าอีหนู สถานแห่งนี้จะพังวอดวายในไม่ช้า เพราะไอ้ตะโขงมันคงไม่เอาคนชั่วๆเก็บไว้เป็นแน่ เอ็งจงเอามณีรัตน์อันนี้เก็บไปบริจาคในนามของหลานสาวแห่งข้า คือชื่อเอ็งนางหนูนาถยา เพื่อบูรณะสังขรให้เป็นที่รักษาสุขภาพของมนุษย์สืบต่อไป”
น้องนาถยายื่นมือมือรับวัตถุก้อนจากมือท่าน พญาแห่งบาดาลเอามือมาลูบเรือนผมนิ่มนวลนั้นอย่างผู้ใหญ่
“บริจาคช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากนะ หลานสาวตัวน้อยของปู่ “
นายตะโขงเดินลากหางท่อนเบอร์เริ่มเดินเข้ามา หลังจากจัดการคนร้ายสิ้นเรื่องราว ท่าน
นรคินทร์เห็นเข้าก็เอ็ดลั่น
“หดหางลงเสียก่อน หลานข้าตกใจหมด มันก็หลานลุงเอ็งเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
นายตะโขงเหมือนพึ่งรู้ตัว พอได้ยินจึงร่ายจิต หดหางอันยาวเหยียดเข้ามาเก็บไว้ทันที รีบขอโทษขอโพยท่านนรคินทร์แทบไม่ทัน
“ขอประทานโทษขอรับ ลืมตัว”
หลังจากนั้น ท่านก็เดินมาหาน้องนาถยากับนางพราย ขอโทษด้วยความจริงใจ
“อีนางผีพราย ข้าต้องขอโทษเอ็งด้วย ที่ไปดูถูกน้ำใจเอ็งว่าทิ้งหลานสาวข้า ที่แท้เอ็งก็ไปช่วยไอ้หนุ่มคนนี้นั่นเอง”
ถึงท่านตะโขงจะเป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉานที่มีมนุษย์ดูถูก ว่าเป็นแค่เพียงสิ่งมีชีวิตที่เลี้อยคลานกำเนิดมา แต่จิตใจของท่านก็ดีงามยิ่งนัก เดินมาคู่เคียงกับท่านนรคินทร์
ถึงเผ่าพันธุ์ท่านเป็นสัตว์กินเนื้อ แต่ตัวเองแสวงหาความหลุดพ้นมาตลอด ครั้งหนึ่งมีเด็กชายมากระโดดเล่นน้ำแต่เพียงผู้เดียว ว่ายเล่นอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งกล้ามเนื้อขาเกร็ง เรียกง่ายๆว่าเป็นตะคริวจะจมน้ำ ท่านเผอิญไปแหวกว่ายอยู่แถวนั้นพอดีเห็นเด็กชายจะจมน้ำ ขาดอากาศหายใจ ก็เลยไปเอาร่างท่านที่เป็นพญาจระเข้หนุนเท้าสองคู่นั้นให้พ้นมีอากาศหายใจ
สุดท้าย เด็กคนนั้นรอดชีวิตมา
ลุงข้างทาง ตอนที่๑๖
“เจ้าค่ะ” พูดแค่นั้นผีพรายก็นิ่ง
ท่านพญานาคมองนางพรายด้วยสายตาขุ่นเคือง เพราะไม่ได้คำตอบที่ได้ดั่งใจ แต่จะแสดงอะไรออกมามากกว่านี้ก็จะเสียกริยา เสื่อมหน้ากับท่านอสุนี จึงหันไปทางนายตะโขงเพราะมั่นใจว่าได้รับคำตอบต้องประสงค์แน่นอน
“เฮ้ย ไอ้ตะโขง ถ้าอีนางพรายไม่ช่วยไว้ตามที่ข้าสั่ง เอ็งว่าจะเกิดอะไรขึ้นว่ะ แหมอุตส่าห์รับเป็นหลาน ไม่เคยดูแลเลย ปล่อยให้เกือบตายก่อนค่อยแสดงตัวออกมา”
นายตะโขงถึงแม้เป็นสัตว์เดรัจฉานไม่รู้กี่ชาติปางภพ แต่ก็มีจิตใจซื่อบริสุทธิ์ จึงตอบตรงๆตามความรู้สึก
“ไอ้หนุ่มนราคนนี้เกล้ากระผมรักในน้ำใจขอรับ ทวยเทพต้องปกปักรักษาแน่นอน”
ท่านนรคินทร์นัยตาขึงขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ผิดหวังในคำตอบที่ต้องการให้มีการประชดประชันแต่ไม่สำเร็จผล จึงกวักมือเรียกขึ้น
“อีหนูนาถยา มาหาปู่สิ”
น้องนาถยาอยู่นิ่ง สมองเธอยังไม่แล่นเพราะเหตุการณ์ทั้งหลายแล่ประดังประเดเข้ามาพร้อมๆกัน นางพรายหันไปสบตากับน้องในเชิงทีขออนุญาต แล้วจูงมือหญิงสาวมาหาท่านนรคินทร์ ท่าทางที่เธอปฎิบัติราวกับพี่เลี้ยงสาวน้อยก็ไม่ปาน
น้องนาถยาคุกเข่าลงตามที่นางพรายกระซิบบอกให้ทำ ท่านนรคินทร์มองมาด้วยกระแสตาอ่อนโยน อย่างรักไคร่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเสียแล้ว พลางยื่นสิ่งหนึ่งให้
“เอ้าอีหนู สถานแห่งนี้จะพังวอดวายในไม่ช้า เพราะไอ้ตะโขงมันคงไม่เอาคนชั่วๆเก็บไว้เป็นแน่ เอ็งจงเอามณีรัตน์อันนี้เก็บไปบริจาคในนามของหลานสาวแห่งข้า คือชื่อเอ็งนางหนูนาถยา เพื่อบูรณะสังขรให้เป็นที่รักษาสุขภาพของมนุษย์สืบต่อไป”
น้องนาถยายื่นมือมือรับวัตถุก้อนจากมือท่าน พญาแห่งบาดาลเอามือมาลูบเรือนผมนิ่มนวลนั้นอย่างผู้ใหญ่
“บริจาคช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากนะ หลานสาวตัวน้อยของปู่ “
นายตะโขงเดินลากหางท่อนเบอร์เริ่มเดินเข้ามา หลังจากจัดการคนร้ายสิ้นเรื่องราว ท่าน
นรคินทร์เห็นเข้าก็เอ็ดลั่น
“หดหางลงเสียก่อน หลานข้าตกใจหมด มันก็หลานลุงเอ็งเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
นายตะโขงเหมือนพึ่งรู้ตัว พอได้ยินจึงร่ายจิต หดหางอันยาวเหยียดเข้ามาเก็บไว้ทันที รีบขอโทษขอโพยท่านนรคินทร์แทบไม่ทัน
“ขอประทานโทษขอรับ ลืมตัว”
หลังจากนั้น ท่านก็เดินมาหาน้องนาถยากับนางพราย ขอโทษด้วยความจริงใจ
“อีนางผีพราย ข้าต้องขอโทษเอ็งด้วย ที่ไปดูถูกน้ำใจเอ็งว่าทิ้งหลานสาวข้า ที่แท้เอ็งก็ไปช่วยไอ้หนุ่มคนนี้นั่นเอง”
ถึงท่านตะโขงจะเป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉานที่มีมนุษย์ดูถูก ว่าเป็นแค่เพียงสิ่งมีชีวิตที่เลี้อยคลานกำเนิดมา แต่จิตใจของท่านก็ดีงามยิ่งนัก เดินมาคู่เคียงกับท่านนรคินทร์
ถึงเผ่าพันธุ์ท่านเป็นสัตว์กินเนื้อ แต่ตัวเองแสวงหาความหลุดพ้นมาตลอด ครั้งหนึ่งมีเด็กชายมากระโดดเล่นน้ำแต่เพียงผู้เดียว ว่ายเล่นอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งกล้ามเนื้อขาเกร็ง เรียกง่ายๆว่าเป็นตะคริวจะจมน้ำ ท่านเผอิญไปแหวกว่ายอยู่แถวนั้นพอดีเห็นเด็กชายจะจมน้ำ ขาดอากาศหายใจ ก็เลยไปเอาร่างท่านที่เป็นพญาจระเข้หนุนเท้าสองคู่นั้นให้พ้นมีอากาศหายใจ
สุดท้าย เด็กคนนั้นรอดชีวิตมา