ประสบการณ์ติด ตม.ที่เกาหลี
สวัสดีค่ะดิฉันจะมาเล่าประสบการณ์อันสุดระทึก มาอีกละประสบการณ์แนวนี้ นี่ไม่ได้จับฉลากได้มานะประสบการณ์แปลกๆเหล่านี้ แต่มันมักจะเกิดขึ้นกับคนแปลกๆอย่างเราๆเสมอ ขนาดว่าดิฉันไปบนบานศาลกล่าวว่าจะรำรอบจอมปลวกห้ารอบถ้าผ่าน ไม่รู้อะไรดลใจให้บนอย่างนั้น นี่ถ้ากลับถึงไทยก็ไม่รู้จะไปหาจอมปลวกที่ไหนเหมือนกัน
เข้าเรื่องนะคะ หลังจากกระทู้ที่แล้วที่กลับจากสิงคโปร์ ฉันก็ว่างเพราะอยู่ในระหว่างหางานที่ไทย ทำให้คิดว่าควรจะเอาเวลาว่างนี้ไปท่องเที่ยวก่อนที่จะไม่ได้เที่ยวอีก ในสมองก็คิดแต่จะไปตามรอยหัวหน้าฮงที่เกาหลี แพลนครั้งนี้เรากะไว้ที่1อาทิตย์ตามจำนวนเงินที่ใช้ได้โดยไม่เดือดร้อน เสริชดูตั๋วไป-กลับราคาดีมาก ประกอบกับเรามีผลketaที่ผ่านแล้วก็พร้อมบินเลยสิ รออะไร บอกก่อนฉันไม่ได้บินอย่างโดดเดี่ยว นี่เลยมีพระเอกขี่ม้าขาวมาเป็นตัวช่วย โซฮันจุน ขออนุญาตใช้ชื่อจริงเพราะคิดนามแฝงไม่ออก ฮันจุนเป็นพยาบาลหนุ่มชาวเกาหลีใต้ที่มาเที่ยวไทยในช่วงนี้พอดี และกำลังจะกลับเกาหลีในอีกสองวัน
เรากับจุนเป็นเพื่อนกันมานานมากกว่า5ปี เมื่อสมัยเราหาครูสอนภาษาเกาหลี เราเจอกันบ้างปีละครั้งสองครั้ง ตามแต่โอกาส แต่คุยกันอยู่ตลอดไม่เคยหายไปไหน เรื่องที่คุยส่วนใหญ่คือการเมืองไทยและเรื่องแมว ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฮีต้องมาสนใจการเมืองไทยขนาดนั้น หลังจากที่เรารู้ว่าฮีจะกลับเกาหลี เราก็จองตั๋วไปไฟล์ทเดียวกับฮีเพราะกะว่าจะเกาะฮีไปถ้า ตม.อัญเชิญเข้าห้องเย็น ฮีบอกเธอเป็นอาชญากรหรอ ทำไมต้องกลัว ตม.
เรานัดเจอกันที่สนามบินสุรรณภูมิ ไฟล์ทตีสอง แต่ฮีนัดมาตั้งแต่สองทุ่ม ไม่รู้มันจะรีบไปไหน พอเจอกันคำแรกที่ทักทายคือ แพกุ๊พพา (หิวข้าว) เห้อ...ฉันเบื่อจังเลย นี่ไปไหนก็ต้องเริ่มต้นด้วยการกินข้าว เจอกันเมื่อปีที่แล้วก็กินข้าววันละห้ารอบ เกาหลีนี่มันกินจุจริงๆ ฮีบอกว่า เดี๋ยววันนี้จะเลี้ยงนะเพราะมีเงินไทยเหลืออยู่พันสาม ถ้ากลับถึงเกาหลีคงไม่ได้ใช้แล้ว โอ้ ฝนอาจจะตกได้ รู้ไหมตลอดเวลาที่รู้จักกันมาฮีไม่เคยเลี้ยงค่ะ อเมริกันแชร์อย่างเดียว เอาจริงเป็นเพื่อนกันแชร์กันก็ถูกแล้ว แต่พอเช็คบิลมาพันเจ็ด ค่าอาหารพันเจ็ด! ไหนจะบวก service charge อีก มันสั่งอะไรของมัน แล้วที่เหลือฉันก็ต้องจ่ายเพราะฮีไม่มีเงินไทยแล้ว เห้อ..ชะตาชีวืต
เราบินไปลงที่สนามบินแทกู daegu ซึ่งเป็นสนามบินเล็กๆ มีประมาณ6เที่ยวบินต่อวันที่ไปลงที่นั่น และจะมีไฟล์ทจากเมืองไทยแค่ไฟล์ทเดียว ที่เลือกลงที่นี่เพราะฮีเป็นคนจังหวัดแทกู กะว่าลงเครื่องละกลับบ้านเลย ส่วนเราก็กะว่าจะนั่งรถไฟไปตามรอยหัวหน้าฮงที่โพฮัง ซึ่งห่างจากแทกู30นาทีโดยรถไฟ
เราใช้เวลา 6 ชม.โดยประมาณก็ถึงแทกู พอลงเครื่องก็สแกน QR code ใครที่ไปเที่ยวเกาหลีช่วงนี้ต้องลงทะเบียนQR code ด้วยนะ ตอนสแกนเจ้าหน้าที่ก็จะถามชื่อเราด้วยว่าตรงกันไหม เที่ยวบินที่เรามามีคนไทยน้อยมากๆนับได้สัก4-5คน และส่วนใหญ่ก็เป็นแม่บ้านเกาหลี ตม.ต้องถามแน่ๆว่าฉันมาลงทำไมที่นี่ คนอื่นเขาไปลงอินชอนกัน แต่ฮันจุนฮีบอกว่า ถ้ามาเที่ยวจริงๆจะไปกลัวอะไร ถ้าเธอต้องติด ตม.จริงๆฉันเซ็นรับรองให้ได้ เพราะเรารู้จักกันมานาน ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็คงไม่เซ็นเพราะถ้าทำผิดกฎหมายที่เกาหลีคนเซ็นจะซวยเอาได้
แล้วเซ็นส์ของฉันก็เป็นจริง ในขณะที่กำลังเดินไปต่อคิวเข้าช่อง ตม. ซึ่งมีแค่สองช่อง ที่เหลือก็เป็นช่องอัตโนมัติของคนเกาหลี ฉันเล็งไว้ว่าฉันจะเข้าช่อง ตม.ผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่ดูท่าทางยุ่งๆอยู่ตลอดเวลา แต่สักพักก็มีเจ้าหน้าที่เอากระดาษรายชื่อมาถามฉันว่า ชื่ออะไร? ฉันบอกชื่อฉันไป แล้วเขาก็หันไปหาจุนว่า โซฮันจุนใช่ไหม จุนฮีกระซิบถามฉันว่า ออต๊อเคอารา? เขารู้ได้ไง ฉันบอก มลล่า~ จะรู้ไหมละ อาจเป็นเพราะสายการบินส่งรายชื่อคนที่จะบินเข้ามาแล้วฉันกับจุนเช๊คอินพร้อมกันก็เป็นได้ บอกก่อนตอนลงketaฉันลงเป็นนักท่องเที่ยวไม่ได้ลงvisitแต่อย่างใด
หวยออกที่ฉันอีกแล้ว ตม.อัญเชิญฉันไปที่ immigration officer หรือห้องเย็นนั่นเอง ทั้งห้องมีฉันกับผู้หญิงไทยนางหนึ่ง เราอยู่กันสองคนท่ามกลางแอร์ที่หนาวเหน็บ ไม่มีการคุยกันเกิดขึ้น ตม.ถามฉันว่า คุณรู้ไหมว่าเลขบัตรประชาชนคุณผิด เรากำลังจะยกเลิกผลketaของคุณ ใครลงให้คุณ ฉันตกใจมาก รีบบอก ขอโทษๆฉันลงเอง ฉันไม่รู้ว่ามันผิดและฉันก็ตรวจทานดีแล้วนะ ตม.ขอดูไอดีการ์ดฉันและชี้ให้ดูว่านี่เห็นไหมมันผิดจริงๆ แล้ว ตม.ก็ขอดูตั๋วกลับ เช็คตั๋วกลับเพื่อดูว่า นางคนนี้จองตั๋วหลอกมาหรือเปล่า พอดูเสร็จก็บอกไม่เป็นไรขอคุยกับแฟนคุณสักครู่ ไปๆมาๆฮันจุนก็ได้กลายเป็นแฟนฉันเฉยเลย
ตม.หายไปสัมภาษณ์จุนพักหนึ่ง ฮีเล่าให้ฟังภายหลังว่า เขาถามถึงความสัมพันธ์ว่ารู้จักกันนานแค่ไหน ถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวฉัน ชื่อจริง ภูมิลำเนา อาชีพ และจุนตอบได้หมดเพราะเรารู้จักกันจริงๆ เกาหลีเขาจะมีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งคือให้เกียรติซึ่งกันและกัน เขาจะเกรงใจคนบ้านเขาเสมอ ตม.บอกจุนว่า ต่อให้ฉันลงทะเบียนมาแบบตัวเลขไม่ผิด ก็ไม่มีเหตผลอะไรที่จะไม่ให้ผ่าน เพราะเราไม่เคยทำอะไรผิดที่เกาหลี เราเคยมาเกาหลีหลายครั้ง และทุกครั้งก็เป็นการมาที่ยวจริงๆ เขาก็รู้และเช็คได้
ตม.มาคุยกับฉันบอกจะยกเลิกผลketaฉัน โดยให้สถานะเป็น nullified่ แต่จะเปลี่ยนชนิดวีซ่าให้เป็นc3แทน และเปลี่ยนให้เสร็จสรรพในห้องเย็นภายในเวลาไม่ถึง10นาที สรุปเราก็ได้c3มาแบบ งงๆ เราได้ยินมาว่าc3ถ้าทำที่ไทย ต้องใช้เวลาประมาณสามสัปดาห์ถึงหนึ่งเดือน
ชนิดของวีซ่าเกาหลีก็จะมีหลายประเภท กลุ่มBก็จะเป็นท่องเที่ยว กลุ่มDวีซ่านักเรียน กลุ่มcพักอาศัยระยะสั้น กลุ่มfพักอาศัยระยะยาว และอื่นๆอีกมากมาย ตอนออกไป ตม.ยังแซวจุนว่าให้รีบทำf6นะ555 มันคือวีซ่าแต่งงาน เดี๋ยวๆตม.ยังคงเข้าใจว่าเป็นแฟนกันจริงๆ เอาจริง ตม.คือน่ารักมาก เพราะจุนบอกว่าถ้าเราไปลงที่อินชอน ป่านนี้เธอคงได้กลับไทย เพราะ ตม.อินชอนไม่ทำc3ให้เธอในห้องเย็นแน่ๆ
บอกก่อนนะว่าห้ามใครลอกเลียนแบบ ไม่ได้มาชี้แนวทาง เพราะการจะผ่าน ตม.หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ตม. แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวใดๆบางคนอาจจะไม่โชคดีแบบเรา อย่างสาวไทยที่นั่งในห้องเย็นกับเรา นางก็โดนส่งกลับ ทั้งๆที่นางก็มีคนเกาหลีมารอเซ็นให้เหมือนกัน สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคือถ้าเรามาเที่ยวจริงๆ ไม่มีอะไรต้องกลัว และไม่มีเหตุผลอะไรที่ ตม.จะไม่ไห้ผ่าน เขามองจากดาวอังคารก็รู้แล้วว่าเรามาทำอะไร แต่ตอนอยู่ในห้องเย็นก็แอบใจเต้น กลัวไปหมด นี่ฉันจะต้องมาโดนแบลคลิสเข้าเกาหลีอีกหรอ ไม่นะ เผื่อมีใครสงสัยว่าห้อยพระอะไรมาทำไมเจอ ตม.ใจดีจังหรืออาจจะคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หลังไมค์มาขอดูรูปได้ นี่เราเสี่ยงมากเลยนะที่มาแชร์ เพราะมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันก่อน และตอนนี้เรากำลังท่องเที่ยวอยู่เกาหลี เดี๋ยวเราจะมาแชร์สไตล์การเที่ยวแบบแปลกๆ แปลกแบบต้องถามว่ามาทำไม555
เดี๋ยวมาต่อนะคะ
ประสบการณ์ติด ตม.ที่เกาหลีใต้
สวัสดีค่ะดิฉันจะมาเล่าประสบการณ์อันสุดระทึก มาอีกละประสบการณ์แนวนี้ นี่ไม่ได้จับฉลากได้มานะประสบการณ์แปลกๆเหล่านี้ แต่มันมักจะเกิดขึ้นกับคนแปลกๆอย่างเราๆเสมอ ขนาดว่าดิฉันไปบนบานศาลกล่าวว่าจะรำรอบจอมปลวกห้ารอบถ้าผ่าน ไม่รู้อะไรดลใจให้บนอย่างนั้น นี่ถ้ากลับถึงไทยก็ไม่รู้จะไปหาจอมปลวกที่ไหนเหมือนกัน
เข้าเรื่องนะคะ หลังจากกระทู้ที่แล้วที่กลับจากสิงคโปร์ ฉันก็ว่างเพราะอยู่ในระหว่างหางานที่ไทย ทำให้คิดว่าควรจะเอาเวลาว่างนี้ไปท่องเที่ยวก่อนที่จะไม่ได้เที่ยวอีก ในสมองก็คิดแต่จะไปตามรอยหัวหน้าฮงที่เกาหลี แพลนครั้งนี้เรากะไว้ที่1อาทิตย์ตามจำนวนเงินที่ใช้ได้โดยไม่เดือดร้อน เสริชดูตั๋วไป-กลับราคาดีมาก ประกอบกับเรามีผลketaที่ผ่านแล้วก็พร้อมบินเลยสิ รออะไร บอกก่อนฉันไม่ได้บินอย่างโดดเดี่ยว นี่เลยมีพระเอกขี่ม้าขาวมาเป็นตัวช่วย โซฮันจุน ขออนุญาตใช้ชื่อจริงเพราะคิดนามแฝงไม่ออก ฮันจุนเป็นพยาบาลหนุ่มชาวเกาหลีใต้ที่มาเที่ยวไทยในช่วงนี้พอดี และกำลังจะกลับเกาหลีในอีกสองวัน
เรากับจุนเป็นเพื่อนกันมานานมากกว่า5ปี เมื่อสมัยเราหาครูสอนภาษาเกาหลี เราเจอกันบ้างปีละครั้งสองครั้ง ตามแต่โอกาส แต่คุยกันอยู่ตลอดไม่เคยหายไปไหน เรื่องที่คุยส่วนใหญ่คือการเมืองไทยและเรื่องแมว ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฮีต้องมาสนใจการเมืองไทยขนาดนั้น หลังจากที่เรารู้ว่าฮีจะกลับเกาหลี เราก็จองตั๋วไปไฟล์ทเดียวกับฮีเพราะกะว่าจะเกาะฮีไปถ้า ตม.อัญเชิญเข้าห้องเย็น ฮีบอกเธอเป็นอาชญากรหรอ ทำไมต้องกลัว ตม.
เรานัดเจอกันที่สนามบินสุรรณภูมิ ไฟล์ทตีสอง แต่ฮีนัดมาตั้งแต่สองทุ่ม ไม่รู้มันจะรีบไปไหน พอเจอกันคำแรกที่ทักทายคือ แพกุ๊พพา (หิวข้าว) เห้อ...ฉันเบื่อจังเลย นี่ไปไหนก็ต้องเริ่มต้นด้วยการกินข้าว เจอกันเมื่อปีที่แล้วก็กินข้าววันละห้ารอบ เกาหลีนี่มันกินจุจริงๆ ฮีบอกว่า เดี๋ยววันนี้จะเลี้ยงนะเพราะมีเงินไทยเหลืออยู่พันสาม ถ้ากลับถึงเกาหลีคงไม่ได้ใช้แล้ว โอ้ ฝนอาจจะตกได้ รู้ไหมตลอดเวลาที่รู้จักกันมาฮีไม่เคยเลี้ยงค่ะ อเมริกันแชร์อย่างเดียว เอาจริงเป็นเพื่อนกันแชร์กันก็ถูกแล้ว แต่พอเช็คบิลมาพันเจ็ด ค่าอาหารพันเจ็ด! ไหนจะบวก service charge อีก มันสั่งอะไรของมัน แล้วที่เหลือฉันก็ต้องจ่ายเพราะฮีไม่มีเงินไทยแล้ว เห้อ..ชะตาชีวืต
เราบินไปลงที่สนามบินแทกู daegu ซึ่งเป็นสนามบินเล็กๆ มีประมาณ6เที่ยวบินต่อวันที่ไปลงที่นั่น และจะมีไฟล์ทจากเมืองไทยแค่ไฟล์ทเดียว ที่เลือกลงที่นี่เพราะฮีเป็นคนจังหวัดแทกู กะว่าลงเครื่องละกลับบ้านเลย ส่วนเราก็กะว่าจะนั่งรถไฟไปตามรอยหัวหน้าฮงที่โพฮัง ซึ่งห่างจากแทกู30นาทีโดยรถไฟ
เราใช้เวลา 6 ชม.โดยประมาณก็ถึงแทกู พอลงเครื่องก็สแกน QR code ใครที่ไปเที่ยวเกาหลีช่วงนี้ต้องลงทะเบียนQR code ด้วยนะ ตอนสแกนเจ้าหน้าที่ก็จะถามชื่อเราด้วยว่าตรงกันไหม เที่ยวบินที่เรามามีคนไทยน้อยมากๆนับได้สัก4-5คน และส่วนใหญ่ก็เป็นแม่บ้านเกาหลี ตม.ต้องถามแน่ๆว่าฉันมาลงทำไมที่นี่ คนอื่นเขาไปลงอินชอนกัน แต่ฮันจุนฮีบอกว่า ถ้ามาเที่ยวจริงๆจะไปกลัวอะไร ถ้าเธอต้องติด ตม.จริงๆฉันเซ็นรับรองให้ได้ เพราะเรารู้จักกันมานาน ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็คงไม่เซ็นเพราะถ้าทำผิดกฎหมายที่เกาหลีคนเซ็นจะซวยเอาได้
แล้วเซ็นส์ของฉันก็เป็นจริง ในขณะที่กำลังเดินไปต่อคิวเข้าช่อง ตม. ซึ่งมีแค่สองช่อง ที่เหลือก็เป็นช่องอัตโนมัติของคนเกาหลี ฉันเล็งไว้ว่าฉันจะเข้าช่อง ตม.ผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่ดูท่าทางยุ่งๆอยู่ตลอดเวลา แต่สักพักก็มีเจ้าหน้าที่เอากระดาษรายชื่อมาถามฉันว่า ชื่ออะไร? ฉันบอกชื่อฉันไป แล้วเขาก็หันไปหาจุนว่า โซฮันจุนใช่ไหม จุนฮีกระซิบถามฉันว่า ออต๊อเคอารา? เขารู้ได้ไง ฉันบอก มลล่า~ จะรู้ไหมละ อาจเป็นเพราะสายการบินส่งรายชื่อคนที่จะบินเข้ามาแล้วฉันกับจุนเช๊คอินพร้อมกันก็เป็นได้ บอกก่อนตอนลงketaฉันลงเป็นนักท่องเที่ยวไม่ได้ลงvisitแต่อย่างใด
หวยออกที่ฉันอีกแล้ว ตม.อัญเชิญฉันไปที่ immigration officer หรือห้องเย็นนั่นเอง ทั้งห้องมีฉันกับผู้หญิงไทยนางหนึ่ง เราอยู่กันสองคนท่ามกลางแอร์ที่หนาวเหน็บ ไม่มีการคุยกันเกิดขึ้น ตม.ถามฉันว่า คุณรู้ไหมว่าเลขบัตรประชาชนคุณผิด เรากำลังจะยกเลิกผลketaของคุณ ใครลงให้คุณ ฉันตกใจมาก รีบบอก ขอโทษๆฉันลงเอง ฉันไม่รู้ว่ามันผิดและฉันก็ตรวจทานดีแล้วนะ ตม.ขอดูไอดีการ์ดฉันและชี้ให้ดูว่านี่เห็นไหมมันผิดจริงๆ แล้ว ตม.ก็ขอดูตั๋วกลับ เช็คตั๋วกลับเพื่อดูว่า นางคนนี้จองตั๋วหลอกมาหรือเปล่า พอดูเสร็จก็บอกไม่เป็นไรขอคุยกับแฟนคุณสักครู่ ไปๆมาๆฮันจุนก็ได้กลายเป็นแฟนฉันเฉยเลย
ตม.หายไปสัมภาษณ์จุนพักหนึ่ง ฮีเล่าให้ฟังภายหลังว่า เขาถามถึงความสัมพันธ์ว่ารู้จักกันนานแค่ไหน ถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวฉัน ชื่อจริง ภูมิลำเนา อาชีพ และจุนตอบได้หมดเพราะเรารู้จักกันจริงๆ เกาหลีเขาจะมีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งคือให้เกียรติซึ่งกันและกัน เขาจะเกรงใจคนบ้านเขาเสมอ ตม.บอกจุนว่า ต่อให้ฉันลงทะเบียนมาแบบตัวเลขไม่ผิด ก็ไม่มีเหตผลอะไรที่จะไม่ให้ผ่าน เพราะเราไม่เคยทำอะไรผิดที่เกาหลี เราเคยมาเกาหลีหลายครั้ง และทุกครั้งก็เป็นการมาที่ยวจริงๆ เขาก็รู้และเช็คได้
ตม.มาคุยกับฉันบอกจะยกเลิกผลketaฉัน โดยให้สถานะเป็น nullified่ แต่จะเปลี่ยนชนิดวีซ่าให้เป็นc3แทน และเปลี่ยนให้เสร็จสรรพในห้องเย็นภายในเวลาไม่ถึง10นาที สรุปเราก็ได้c3มาแบบ งงๆ เราได้ยินมาว่าc3ถ้าทำที่ไทย ต้องใช้เวลาประมาณสามสัปดาห์ถึงหนึ่งเดือน
ชนิดของวีซ่าเกาหลีก็จะมีหลายประเภท กลุ่มBก็จะเป็นท่องเที่ยว กลุ่มDวีซ่านักเรียน กลุ่มcพักอาศัยระยะสั้น กลุ่มfพักอาศัยระยะยาว และอื่นๆอีกมากมาย ตอนออกไป ตม.ยังแซวจุนว่าให้รีบทำf6นะ555 มันคือวีซ่าแต่งงาน เดี๋ยวๆตม.ยังคงเข้าใจว่าเป็นแฟนกันจริงๆ เอาจริง ตม.คือน่ารักมาก เพราะจุนบอกว่าถ้าเราไปลงที่อินชอน ป่านนี้เธอคงได้กลับไทย เพราะ ตม.อินชอนไม่ทำc3ให้เธอในห้องเย็นแน่ๆ
บอกก่อนนะว่าห้ามใครลอกเลียนแบบ ไม่ได้มาชี้แนวทาง เพราะการจะผ่าน ตม.หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ตม. แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวใดๆบางคนอาจจะไม่โชคดีแบบเรา อย่างสาวไทยที่นั่งในห้องเย็นกับเรา นางก็โดนส่งกลับ ทั้งๆที่นางก็มีคนเกาหลีมารอเซ็นให้เหมือนกัน สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคือถ้าเรามาเที่ยวจริงๆ ไม่มีอะไรต้องกลัว และไม่มีเหตุผลอะไรที่ ตม.จะไม่ไห้ผ่าน เขามองจากดาวอังคารก็รู้แล้วว่าเรามาทำอะไร แต่ตอนอยู่ในห้องเย็นก็แอบใจเต้น กลัวไปหมด นี่ฉันจะต้องมาโดนแบลคลิสเข้าเกาหลีอีกหรอ ไม่นะ เผื่อมีใครสงสัยว่าห้อยพระอะไรมาทำไมเจอ ตม.ใจดีจังหรืออาจจะคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง หลังไมค์มาขอดูรูปได้ นี่เราเสี่ยงมากเลยนะที่มาแชร์ เพราะมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันก่อน และตอนนี้เรากำลังท่องเที่ยวอยู่เกาหลี เดี๋ยวเราจะมาแชร์สไตล์การเที่ยวแบบแปลกๆ แปลกแบบต้องถามว่ามาทำไม555
เดี๋ยวมาต่อนะคะ