
จากกระทู้ที่แล้วรีวิวเรื่อง lamb มาครั้งนี้เป็น land บ้างครับ ตัวอักษรใกล้ๆกัน.... (ไม่ได้มีสาระอะไรเล้ย..)
หลังจากที่ต้องพบกับเหตุการณ์ที่ทำร้ายจิตใจ อีดี้ (โรบิน ไรท์) ตัดสินใจปลีกตัวออกจากชุมชนเมืองที่เธออาศัยอยู่ และย้ายไปที่ไวโอมิง
ซึ่งเธอซื้อกระท่อมเล็กๆ ที่ห่างไกล และตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างสันโดษโดยปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ใดๆ ที่เชื่อมโยงเธอกับโลกภายนอก
รวมถึงโทรศัพท์หรือรถยนต์.... โดยที่เธอไม่มีความรู้เบื้องต้นกับการใช้ชีวิตในป่าเลยสักนิดเดียว
ในท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม แต่สำหรับอีดี้ ทุกอย่างคือความน่ากลัวและโหดร้าย เธอตกปลาล่าสัตว์ไม่ได้ ผ่าฟืนไม่เป็น..
เสบียงอาหารที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกเริ่มร่อยหรอ อากาศที่แปรปรวนตลอดเวลาทำให้เธอไม่สบาย..
อีดี้ รู้สึกว่าการที่เธอเลือกหนีมาอยู่ในป่านั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ..เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร...
จนกระทั่งวันนึงเธอได้กับ มิเกล (เดเมียน บิชีร์) นายพรานท้องถิ่น และนั่นทำให้มุมมองในชีวิตของเธอเปลี่ยนไป....
โรบิน ไรท์ นางเอกจากภาพยนตร์ดังตลอดกาลอย่าง Forrest Gump (1994) รับหน้าที่ผู้กำกับครั้งแรก
จากบทภาพยนตร์โดยเจสซี ชาแธมและเอริน ดิกนัม .. โดยในตอนแรกนั้นทีมงานได้วางตัวให้ เจสสิก้า แลงก์ รับแสดงในบทอีดี้
แต่แลงก์ ต้องถอนตัวเนื่องจากตารางงานช่วงนั้นไม่ว่าง.. ทำให้ ไรท์ ตัดสินใจรับนำนำเรื่องนี้เอง
ด้านโลเคชั่นนั้น ทั้งหมดถ่ายทำกันที่เทือกเขาร็อกกี้ทางตะวันตกของคัลการีในมลรัฐอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดาครับ
ซึ่งฤดูกาลทั้งสี่ของระยะเวลา 2 ปีในบทภาพยนตร์ที่อีดี้ไปอยู่ในป่านั้น ใช้เวลาถ่ายทำทั้งสิ้นเดือนนึงพอดี
ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างมากเลยทีเดียว เราเลยได้เห็นทุกฤดูกาลในหนังเรื่องนี้
งานภาพถือว่าสวยงามเกินบรรยายมากครับ
สำหรับตัวหนังนั้น Land คือหนังที่ว่าด้วยชีวิตของคนที่มีแผลในใจ ซึ่งแน่นอนว่าเรามีกันทุกคนจะมากหรือน้อยก็เท่านั้น
แต่วิธีในการรักษาใจนี้ล่ะที่ต่างกันออกไป หลายคนเลือกที่จะเข้าใจยอมรับ และอยู่สู้กับมันให้ผ่านไปให้ได้
แต่สำหรับอีดี้ เธอเลือกที่จะหนีมันไป หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยในเรื่องก็คือหนีเข้าป่าไปซะเลย..
และเป็นหนีที่เธอตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับสังคมเมือง ตัดขาดทุกอย่าง ไม่เอาใคร ไม่ใช้มือถือ
แต่เธอทำไปโดยไม่ได้คิดให้รอบคอบ ซึ่งนั่นเกือบทำให้ชีวิตของเธอต้องจบสิ้นลง...
ส่วน มิเกล นายพรานรุ่นใหญ่ที่มาพบเธอนั้น เปรียบเสมือนกับผู้ที่มาช่วยชี้ทางสว่างให้กับชีวิตของเธอ
ซึ่งในเรื่องอีดี้จะบอกเสมอว่า มิเกล เหมือนกับโยดา ในเรื่องสตาร์วอร์ส (ในหนังมิเกลจะไม่รู้ด้วยครับว่า โยดา เป็นตัวอะไร เพราะไม่เคยดูเรื่องนี้)
มิเกลจะค่อยๆ ช่วยเหลืออีดี้ ซึ่งแน่นอนว่าเธอพยายามปิดกั้นตัวเอง แต่ด้วยความมีน้ำใจของมิเกล
ทำให้อีดี้ ค่อยๆเปิดรับในมิตรภาพนั้น และสิ่งนี้ล่ะที่ทำให้น้ำแข็งในใจของอีดี้เริ่มละลาย
Land คือหนังที่ช่วยเยียวยาใจได้ครับ อย่างที่บอกไว้ เราทุกคนล้วนมีแผลในใจกันทั้งนั้น เพียงแค่เราเลือกที่จะรับมือกับมันอย่างไร
เพราะในแผ่นดินนี้ มนุษย์เราก็เป็นแค่เศษเสี้ยว หากเทียบกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ปัญหาที่เรามีอยู่นั้น..มันก็แค่เรื่องนิดเดียว...
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== Land (2021) ถ้าเราเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า.. อย่างน้อยก็ไม่ต้องพบเจอ..คน.. ==
จากกระทู้ที่แล้วรีวิวเรื่อง lamb มาครั้งนี้เป็น land บ้างครับ ตัวอักษรใกล้ๆกัน.... (ไม่ได้มีสาระอะไรเล้ย..)
หลังจากที่ต้องพบกับเหตุการณ์ที่ทำร้ายจิตใจ อีดี้ (โรบิน ไรท์) ตัดสินใจปลีกตัวออกจากชุมชนเมืองที่เธออาศัยอยู่ และย้ายไปที่ไวโอมิง
ซึ่งเธอซื้อกระท่อมเล็กๆ ที่ห่างไกล และตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างสันโดษโดยปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ใดๆ ที่เชื่อมโยงเธอกับโลกภายนอก
รวมถึงโทรศัพท์หรือรถยนต์.... โดยที่เธอไม่มีความรู้เบื้องต้นกับการใช้ชีวิตในป่าเลยสักนิดเดียว
ในท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม แต่สำหรับอีดี้ ทุกอย่างคือความน่ากลัวและโหดร้าย เธอตกปลาล่าสัตว์ไม่ได้ ผ่าฟืนไม่เป็น..
เสบียงอาหารที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกเริ่มร่อยหรอ อากาศที่แปรปรวนตลอดเวลาทำให้เธอไม่สบาย..
อีดี้ รู้สึกว่าการที่เธอเลือกหนีมาอยู่ในป่านั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ..เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร...
จนกระทั่งวันนึงเธอได้กับ มิเกล (เดเมียน บิชีร์) นายพรานท้องถิ่น และนั่นทำให้มุมมองในชีวิตของเธอเปลี่ยนไป....
โรบิน ไรท์ นางเอกจากภาพยนตร์ดังตลอดกาลอย่าง Forrest Gump (1994) รับหน้าที่ผู้กำกับครั้งแรก
จากบทภาพยนตร์โดยเจสซี ชาแธมและเอริน ดิกนัม .. โดยในตอนแรกนั้นทีมงานได้วางตัวให้ เจสสิก้า แลงก์ รับแสดงในบทอีดี้
แต่แลงก์ ต้องถอนตัวเนื่องจากตารางงานช่วงนั้นไม่ว่าง.. ทำให้ ไรท์ ตัดสินใจรับนำนำเรื่องนี้เอง
ด้านโลเคชั่นนั้น ทั้งหมดถ่ายทำกันที่เทือกเขาร็อกกี้ทางตะวันตกของคัลการีในมลรัฐอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดาครับ
ซึ่งฤดูกาลทั้งสี่ของระยะเวลา 2 ปีในบทภาพยนตร์ที่อีดี้ไปอยู่ในป่านั้น ใช้เวลาถ่ายทำทั้งสิ้นเดือนนึงพอดี
ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างมากเลยทีเดียว เราเลยได้เห็นทุกฤดูกาลในหนังเรื่องนี้
งานภาพถือว่าสวยงามเกินบรรยายมากครับ
สำหรับตัวหนังนั้น Land คือหนังที่ว่าด้วยชีวิตของคนที่มีแผลในใจ ซึ่งแน่นอนว่าเรามีกันทุกคนจะมากหรือน้อยก็เท่านั้น
แต่วิธีในการรักษาใจนี้ล่ะที่ต่างกันออกไป หลายคนเลือกที่จะเข้าใจยอมรับ และอยู่สู้กับมันให้ผ่านไปให้ได้
แต่สำหรับอีดี้ เธอเลือกที่จะหนีมันไป หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยในเรื่องก็คือหนีเข้าป่าไปซะเลย..
และเป็นหนีที่เธอตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับสังคมเมือง ตัดขาดทุกอย่าง ไม่เอาใคร ไม่ใช้มือถือ
แต่เธอทำไปโดยไม่ได้คิดให้รอบคอบ ซึ่งนั่นเกือบทำให้ชีวิตของเธอต้องจบสิ้นลง...
ส่วน มิเกล นายพรานรุ่นใหญ่ที่มาพบเธอนั้น เปรียบเสมือนกับผู้ที่มาช่วยชี้ทางสว่างให้กับชีวิตของเธอ
ซึ่งในเรื่องอีดี้จะบอกเสมอว่า มิเกล เหมือนกับโยดา ในเรื่องสตาร์วอร์ส (ในหนังมิเกลจะไม่รู้ด้วยครับว่า โยดา เป็นตัวอะไร เพราะไม่เคยดูเรื่องนี้)
มิเกลจะค่อยๆ ช่วยเหลืออีดี้ ซึ่งแน่นอนว่าเธอพยายามปิดกั้นตัวเอง แต่ด้วยความมีน้ำใจของมิเกล
ทำให้อีดี้ ค่อยๆเปิดรับในมิตรภาพนั้น และสิ่งนี้ล่ะที่ทำให้น้ำแข็งในใจของอีดี้เริ่มละลาย
Land คือหนังที่ช่วยเยียวยาใจได้ครับ อย่างที่บอกไว้ เราทุกคนล้วนมีแผลในใจกันทั้งนั้น เพียงแค่เราเลือกที่จะรับมือกับมันอย่างไร
เพราะในแผ่นดินนี้ มนุษย์เราก็เป็นแค่เศษเสี้ยว หากเทียบกับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ปัญหาที่เรามีอยู่นั้น..มันก็แค่เรื่องนิดเดียว...
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===