ผมมีข้อสงสัยที่ตั้งคำถามในใจมานานแล้ว แต่ไม่ได้เอ่ยสักที เรื่องเกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสได้ไปเรียนต่อต่างจังหวัด ซึ่งวิทยาลัยนั้นเป็นที่รวบรวมผู้คนมากหน้าจากทุกจังหวัดในแถบอีสานใกล้เคียง พอคนจากหลายถิ่นมาเจอกันต่างก็ถามถึงที่มาแต่ละคน แล้วแต่ละคนก็พูดภาษาถิ่นตัวเองเนื่องด้วยเป็นคนอีสานเหมือนกัน คราวนี้พอผมพูดออกไปเพื่อนต่างสงสัยกันใหญ่ ขนาดเพื่อนที่มาจากจังหวัดเดียวกันห่างกันแค่อำเภอยังบอกว่าสำเนียงของผมแปลกๆ เขาบอกว่าเหมือนคนประเทศลาวพูดกันแต่ก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น หลายคนเลยล้อสำเนียงผมกันด้วยเห็นเป็นแปลกและไม่เคยได้ยิน ผมก็ไม่ว่าอะไรก็เห็นเป็นสนุกไป
คราวนี้พอเพื่อนทัก ท้วง มากๆเข้าก็เลยเกิดสงสัยแล้วอยากหาข้อมูล ผมสังเกตสำเนียงตัวเองบางคำมันคล้ายสำเนียงทางภาคเหนือ ด้วยที่ตัวเองกลัวว่าจะมโนไปเองเพราะชื่นชอบภาคเหนือมาตั้งแต่ประถม แต่คนในหมู่บ้านและในครอบครัวก็พูดกันอย่างนี้ เรื่องสำเนียงเรื่องใหญ่ แต่ผู้อ่านยังไม่รู้ว่าผมคนแถวไหน ผมคนสกลนคร (ไม่กินหมานะครับดักไว้ก่อน ฮ่าๆ) อำเภอภูพาน หมู่บ้านติดกุดบากกับคำเพิ่ม
ย่าเล่าให้ฟังว่า ปู่ของย่าเคยเป็นผู้นำหมู่บ้านอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านนี้ เคยซักแล้วว่ามาจากไหนแต่ย่าก็บอกไม่รู้เพราะยังจำความไม่ได้ ตอนนั้นย่าเหมือนลูกกำนัลผู้ใหญ่หรือเทียบเป็นหลานเจ้าเมืองก็ว่าได้ บ้านของย่าหลังใหญ่กว่าใครในสมัยนั้น(ขออวดนิด) ย่าบอกว่าปู่เองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน แต่ผมจำไม่ได้มันนานมากแล้วตอนที่ย่าเล่าให้ฟัง ไม่รู้ว่าไม่ธรรมดาเพราะเป็นลูกคนใหญ่คนโตเหมือนกัน หรือไม่ธรรมดาเพราะรูปงามกันแน่ เพราะจำได้ว่าย่าเคยบอกว่าปู่นั้นโดนสาวหมายปองกันทั้งหมู่บ้านและระแวกใกล้เคียง อ้อ ย่าเคยบอกว่าทางฝั่งปู่เองก็อพยพมาเหมือนกันแต่มาทีหลัง ปู่นั้นอายุมากกว่าย่าสิบปีได้กว่าย่าจะเกิด
คราวนี้ไม่รู้ว่าครอบครัวท่านทั้งสองนั้นอพยพมาจากไหนถึงได้มาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ จะว่าไทโส้ ภูไท ไทกะเลิง ไทลาว ก็ไม่ใช่ แต่มีไทลาวนี่แหละที่ใกล้เคียงที่สุด หมู่บ้านผมเน้นใส่เสื้อม่อฮ้อม กางเกงสามส่วน ใช้ผ้าขาวม้ากันก็ปกติ แต่ไม่นิยมผ้าที่มีลวดลายเยอะอย่างฝั่งกาฬสินธุ์
กล่าวแต่เรื่องการแต่งตัว วงตระกูล แต่ยังไม่ได้พูดถึงภาษาเลย ภาษาพูดของฝั่งผมจะเป็นการพูดลาวยังใช้คำเก่าแก่อยู่ จนถึงปัจจุบัน อย่าง ประตู เป็นปักตู กระจก เป็น ฮแวน,แฮวน,แวน (ไม่รู้คำไหนจะตรงสำเนียงมากสุด) กางเกง เป็น โส่ง ฯลฯ และการลงท้ายเสียงจะราบเรียบออกต่ำด้วยซ้ำไม่ใช้เสียงสูงอย่างการพูดอีสานสำเนียงทั่วไปที่เห็นในละครบ่อยๆ สำเนียงนั้นพูดง่ายทีเดียวและดูสละสลวยกว่าสำเนียงบ้านผม ที่ดูไม่มีเอกลักษณ์อะไรเหมือนภาษาญ้อ ภาษาภูไท
ตัวอย่างสำเนียง (อีสานอื่น กับอีสานผม) เจ้าสิไปสั้ย , เฮ้าเป็นหมู่กั้น หรือ กั๋น แต่ผมจะพูด เจ้าสิไปไส , เฮาเป็นหมู่กัน หรืออย่าง เจ้าไปไสม้า ฝั่งผมพูด เจ้าไปไสฮมา อ่านยากหน่อยแต่ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่าคำขึ้นต้นและลงท้ายประโยคจะเหมือนกันกับสำเนียงภาคเหนือเลย
แต่การพูดจาอย่างนี้มันเปลี่ยนมาได้อย่างไร ที่เป็นการผสมเหนือกับลาวเก่า หากจะเอ่ยถึงกาลเวลาหมู่บ้านผมอาจจะไม่ถึง200ปีด้วยซ้ำ และพูดถึงความทันสมัยคนในหมู่บ้านก็ไม่เห็นมีใครเคี้ยวหมากกัน จะมีก็เห็นแค่2-3คนทั้งหมู่บ้าน แต่ก็เสียไปแล้วทั้งนั้น ส่วนตอนนี้นั้น หมู่บ้านผมไม่มีความเป็นลาวเก่าหรืออะไรเก่าๆเลย ไม่มีใครเล่นดนตรี ไม่มีผ้าแพร ไม่มีการร้องรำ ผีหมอ ฯลฯ เหมือนอย่างหลายหมู่บ้านในแถบสกลนคร
ก็ขอให้คนที่หลงเข้ามาอ่านได้รู้อะไรเล็กน้อยเกี่ยวกับภาษาถิ่น ส่วนตัวผมก็คงจะต้องหาที่มาที่ไปกันต่อไป สวัสดีราตรีสวัสดิ์ครับ
เรื่องเล่าก่อนนอนปนความอยากรู้ ว่าจริงๆแล้วชาติพันธุ์รากเหง้าผมมาจากที่ไหน
คราวนี้พอเพื่อนทัก ท้วง มากๆเข้าก็เลยเกิดสงสัยแล้วอยากหาข้อมูล ผมสังเกตสำเนียงตัวเองบางคำมันคล้ายสำเนียงทางภาคเหนือ ด้วยที่ตัวเองกลัวว่าจะมโนไปเองเพราะชื่นชอบภาคเหนือมาตั้งแต่ประถม แต่คนในหมู่บ้านและในครอบครัวก็พูดกันอย่างนี้ เรื่องสำเนียงเรื่องใหญ่ แต่ผู้อ่านยังไม่รู้ว่าผมคนแถวไหน ผมคนสกลนคร (ไม่กินหมานะครับดักไว้ก่อน ฮ่าๆ) อำเภอภูพาน หมู่บ้านติดกุดบากกับคำเพิ่ม
ย่าเล่าให้ฟังว่า ปู่ของย่าเคยเป็นผู้นำหมู่บ้านอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านนี้ เคยซักแล้วว่ามาจากไหนแต่ย่าก็บอกไม่รู้เพราะยังจำความไม่ได้ ตอนนั้นย่าเหมือนลูกกำนัลผู้ใหญ่หรือเทียบเป็นหลานเจ้าเมืองก็ว่าได้ บ้านของย่าหลังใหญ่กว่าใครในสมัยนั้น(ขออวดนิด) ย่าบอกว่าปู่เองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน แต่ผมจำไม่ได้มันนานมากแล้วตอนที่ย่าเล่าให้ฟัง ไม่รู้ว่าไม่ธรรมดาเพราะเป็นลูกคนใหญ่คนโตเหมือนกัน หรือไม่ธรรมดาเพราะรูปงามกันแน่ เพราะจำได้ว่าย่าเคยบอกว่าปู่นั้นโดนสาวหมายปองกันทั้งหมู่บ้านและระแวกใกล้เคียง อ้อ ย่าเคยบอกว่าทางฝั่งปู่เองก็อพยพมาเหมือนกันแต่มาทีหลัง ปู่นั้นอายุมากกว่าย่าสิบปีได้กว่าย่าจะเกิด
คราวนี้ไม่รู้ว่าครอบครัวท่านทั้งสองนั้นอพยพมาจากไหนถึงได้มาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ จะว่าไทโส้ ภูไท ไทกะเลิง ไทลาว ก็ไม่ใช่ แต่มีไทลาวนี่แหละที่ใกล้เคียงที่สุด หมู่บ้านผมเน้นใส่เสื้อม่อฮ้อม กางเกงสามส่วน ใช้ผ้าขาวม้ากันก็ปกติ แต่ไม่นิยมผ้าที่มีลวดลายเยอะอย่างฝั่งกาฬสินธุ์
กล่าวแต่เรื่องการแต่งตัว วงตระกูล แต่ยังไม่ได้พูดถึงภาษาเลย ภาษาพูดของฝั่งผมจะเป็นการพูดลาวยังใช้คำเก่าแก่อยู่ จนถึงปัจจุบัน อย่าง ประตู เป็นปักตู กระจก เป็น ฮแวน,แฮวน,แวน (ไม่รู้คำไหนจะตรงสำเนียงมากสุด) กางเกง เป็น โส่ง ฯลฯ และการลงท้ายเสียงจะราบเรียบออกต่ำด้วยซ้ำไม่ใช้เสียงสูงอย่างการพูดอีสานสำเนียงทั่วไปที่เห็นในละครบ่อยๆ สำเนียงนั้นพูดง่ายทีเดียวและดูสละสลวยกว่าสำเนียงบ้านผม ที่ดูไม่มีเอกลักษณ์อะไรเหมือนภาษาญ้อ ภาษาภูไท
ตัวอย่างสำเนียง (อีสานอื่น กับอีสานผม) เจ้าสิไปสั้ย , เฮ้าเป็นหมู่กั้น หรือ กั๋น แต่ผมจะพูด เจ้าสิไปไส , เฮาเป็นหมู่กัน หรืออย่าง เจ้าไปไสม้า ฝั่งผมพูด เจ้าไปไสฮมา อ่านยากหน่อยแต่ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่าคำขึ้นต้นและลงท้ายประโยคจะเหมือนกันกับสำเนียงภาคเหนือเลย
แต่การพูดจาอย่างนี้มันเปลี่ยนมาได้อย่างไร ที่เป็นการผสมเหนือกับลาวเก่า หากจะเอ่ยถึงกาลเวลาหมู่บ้านผมอาจจะไม่ถึง200ปีด้วยซ้ำ และพูดถึงความทันสมัยคนในหมู่บ้านก็ไม่เห็นมีใครเคี้ยวหมากกัน จะมีก็เห็นแค่2-3คนทั้งหมู่บ้าน แต่ก็เสียไปแล้วทั้งนั้น ส่วนตอนนี้นั้น หมู่บ้านผมไม่มีความเป็นลาวเก่าหรืออะไรเก่าๆเลย ไม่มีใครเล่นดนตรี ไม่มีผ้าแพร ไม่มีการร้องรำ ผีหมอ ฯลฯ เหมือนอย่างหลายหมู่บ้านในแถบสกลนคร
ก็ขอให้คนที่หลงเข้ามาอ่านได้รู้อะไรเล็กน้อยเกี่ยวกับภาษาถิ่น ส่วนตัวผมก็คงจะต้องหาที่มาที่ไปกันต่อไป สวัสดีราตรีสวัสดิ์ครับ