JJNY : 5in1 เหยื่อนายพลตุ๋ยคาใจ│เศรษฐาหาเสียงย่านโอลด์ทาวน์│ธนาธรหาเสียงปากน้ำโพ│คลังหั่นจีดีพี│ลือหึ่ง!ทัพยูเครนปักหลัก

เหยื่อนายพลตุ๋ย เลือดยังไหลไม่หยุด คาใจกองทัพไม่แจงปมใช้ยาไอซ์ แจ้งความเย็นนี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7630674
 
 
หนุ่มสงขลา เหยื่อนายพลตุ๋ย ร่างกายบอบช้ำ เลือดยังไหลไม่หยุด คาใจกองทัพไม่แจงปมใช้ยาไอซ์ มีคลิปหลักฐานยืนยัน แจ้งความเย็นนี้
 
กรณี หนุ่มชาวสงขลา อ้างว่ารู้จักกับนายพลนายหนึ่ง ผ่านแอพฯ หาคู่ในกลุ่มชายรักชาย และกล่าวหาว่าถูกนายพลมีเพศสัมพันธ์แบบซาดิสม์ โดยทุบตี ใช้ไม้ฟาดร่างกายได้รับบาดเจ็บ เป็นรอยเขียวช้ำไปทั่ว โดยถ่ายคลิปและภาพของนายพลไว้ และยังชักชวนให้เสพยาเสพติด ก่อนมีเพศสัมพันธ์กัน ล่าสุดทบ.ตั้งกรรมการสอบสวน และพิจารณาโทษทางวินัย ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
 
เมื่อวันที่ 25 เม.ย.66 ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นายเอ (นามสมมติ) ชาวอำเภอสะเดา แต่ออกจากโรงพยาบาลไปรักษาตัวที่บ้าน และจะไปแจ้งดำเนินคดีกับนายพลคนดังกล่าว โดยตนจะไปพร้อมกับ ทนายอาร์ม สุวรรณรักษา ที่สภ.สะเดาในเวลา 16.00 น.วันที่ 25 เม.ย. และตนตั้งข้อสงสัยเรื่องของยาไอซ์ ทําไมถึงไม่มีการพูดถึงเลย
 
นายเอ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา หมอเห็นว่าตนมีอาการเลือดออกไหลมาก และไหลไม่หยุด จึงให้เข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน เพราะอาจจะเสียชีวิตได้ เบื้องต้นเข้าห้องผ่าตัดแล้วหมอบอกว่า เป็นแผลด้านในกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ซึ่งยังไม่ได้เย็บหรือผ่าตัดทางหน้าท้องแต่อย่างใด
นายเอ กล่าวว่า หมอให้กินยาฆ่าเชื้อ เผื่อว่าแผลจะยุบ แต่ปัจจุบันเลือดยังไหลอยู่เนื่องจากว่าแผลมันเล็ก หมอยังเย็บไม่ได้ จึงต้องกินยาไปก่อน ในส่วนร่างกายหมอให้ใบรับรองแพทย์ ระบุว่า มีแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายจุด แล้วบางจุดที่ไม่ฟกช้ำ คือช้ำด้านในหลายจุดแล้ว ส่วนประเด็นเลือดไหลมีเอกสารสําคัญหลายอย่าง จึงต้องมอบให้ทนาย
 
นายเอ กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของนายทหารใช้ความรุนแรงมาก แล้วใช้อุปกรณ์เสริมทางเพศร่วมด้วย ทำให้มีการฉีกขาด หมอให้กลับไปดูอาการก่อน ในส่วนเรื่องการผ่าตัด จะประเมินอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าขณะนี้ยังมีเลือดไหลตลอด เพราะยังเย็บไม่ได้ จึงมีความเสี่ยง ทนายให้ขอเอกสารการรักษาตัว เพื่อเข้าแจ้งความดําเนินคดี
 
กองทัพยังไม่ติดต่อมา หลังจากที่กองทัพมีใบแถลงข่าวที่ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ผมรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ถ้ามองว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่นายทหารมาที่นี่ มาราชการไม่ได้มาพักผ่อนฤดูร้อน คือมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว คุณใช้งบส่วนไหนมาจ่ายค่าโรงแรม คุณใช้งบส่วนไหนเป็นการเดินทาง ผมมองว่าไม่ใช่เรื่อง ทั้งที่คลิปวิดีโอชัดเจนว่า จะฉีดยาเสพติด ตนยังงงเหมือนกันว่าทางทบ.เว้นข้อนี้ไปได้อย่างไร” นายเอ กล่าว
 
นายเอ กล่าวอีกว่า นายพลไปหยิบกระเป๋าอุปกรณ์ฉีดยา ที่จะมาฉีดยาไอซ์ให้ตน แต่ตนไม่เอาด้วย นายทหารจึงฉีดเอง มีทั้งเข็มฉีดยาพร้อมหมดเลย ตนแอบถ่ายไว้ได้บางส่วน จึงเป็นข้อที่ว่าเราสงสัยในเรื่องของยา ทําไมถึงไม่พูดถึงเลย พูดถึงแค่เรื่องส่วนตัว มองว่าข้ามประเด็นตรงนี้ไปได้ยังไง



เศรษฐา หาเสียงย่านโอลด์ทาวน์ ชาวภูเก็ตขอบคุณรัฐบาล ‘แม้ว-ปู’ พัฒนาเศรษฐกิจ
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7630507

เศรษฐา หาเสียงย่านโอลด์ทาวน์ แวะกินโอ้เอ๋วของโปรด ชมแบบวางผังเมืองร้านบ้าน 92 เจ้าของบ้าน ขอบคุณงบฯโครงการจากรัฐบาล‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ ต่อยอดเศรษฐกิจภูเก็ต
 
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 25 เม.ย.2566 ที่ย่านโอลด์ทาวน์ จ.ภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อและประธาน ส.ส. ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ รองเลขาธิการพรรคและเหรัญญิกพรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และแกนนำพรรค ลงพื้นที่ย่านโอลด์ทาวน์ หาเสียงช่วยผู้สมัครส.ส.ภูเก็ต ได้แก่นายวัชรพงษ์  อนันตกูล เขต 1 เบอร์ 7 นายอาวุธ หนูเขต เขต 2 เบอร์ 1 นายสรธรรม จินดา เขต 3 เบอร์ 6
  
ช่วงหนึ่งนายเศรษฐา แวะชมรูปแบบการวางผังเมืองของเมืองถลาง และการพัฒนาเมือง ที่ร้านบ้าน 92 ซึ่งเจ้าของร้าน เล่าถึงความสำคัญของจุดนี้ว่า พื้นที่บริเวณนี้คือโครงการที่รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ให้งบประมาณต่อเนื่องเพื่อมาพัฒนา ซึ่งพวกเรานำมาต่อยอดเป็นถนนคนเดิน และอยู่ต่อเนื่องมายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อมาถึงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จ.ภูเก็ตก็ได้งบประมาณจากโครงการเอสเอ็มแอล เราก็นำมาพัฒนาต่อเนื่องอีกถึง 10 ปี เป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และจ.ภูเก็ตจำนวนมาก
  
จากนั้นนายเศรษฐา ได้เดินมาแวะชิม “โอ้เอ๋ว” ขนมหวานขึ้นชื่อของเมืองภูเก็ต ที่ร้านทอรี่ไอศกรีม ซึ่งนายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นของโปรดที่มาทานเป็นประจำ ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชน นักท่องเที่ยวขอถ่ายภาพคู่กับนายเศรษฐาจำนวนมาก โดยนายเศรษฐา ได้ฝากประชาชนจ.ภูเก็ตช่วยเลือกพรรค เพื่อไทยทั้ง 2 ใบด้วย


 
‘ธนาธร’ หาเสียงเมืองปากน้ำโพ รับฟังปัญหาส่วยรถบรรทุก โยงวงจรทุจริตตำรวจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3943377

‘ธนาธร’ หาเสียงเมืองปากน้ำโพ พบสมาคมขนส่งทางบกฯ รับฟังปัญหาส่วยรถบรรทุกโยงวงจรทุจริตตำรวจ ชูนโยบาย ‘ก้าวไกล’ ยกเครื่องปฏิรูปตำรวจ ยุติวงจรทุจริต ล้างระบบตั๋ว-เส้นสาย เปลี่ยนเป็นระบบผลงาน เชื่อ 3-5 ปีเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรตำรวจได้
 
เมื่อวันที่ 25 เมษายน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ร่วมหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ ของพรรค ก.ก. ที่ จ.นครสวรรค์ โดยช่วงเช้าได้เดินสายแห่รถและเปิดเวทีปราศรัยขนาดย่อมไปรอบ อ.ชุมแสง อ.เก้าเลี้ยว และ อ.บรรพตพิสัย ร่วมกับ นายนิรุด  เรืองงาม ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ เขต 3 (เบอร์ 10)
 
ส่วนช่วงบ่าย ได้เข้าพบกรรมการสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่มีสมาชิกเป็นผู้ประกอบการรถบรรทุกกว่า 4 แสนคัน พูดคุยรับฟังการสะท้อนปัญหาของสมาชิกสมาคมฯ พร้อมนำเสนอแนวทางแก้ไขของพรรค ก.ก. โดยเฉพาะต่อปัญหาการเก็บส่วยรีดไถ และการทุจริตของตำรวจ ในกรณีจำกัดน้ำหนักการบรรทุกสินค้า ซึ่งทางกรรมการของสมาคมฯ ได้ร่วมสะท้อนปัญหาว่าในขณะที่ผู้ประกอบการหลายรายพยายามอยู่ภายใต้กฎหมายอย่างถูกต้อง แต่กลับมีผู้ประกอบการอีกกลุ่มหนึ่งไม่เล่นตามกฎกติกา ไปต่อรองผลประโยชน์กับตำรวจให้ตัวเองสามารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้ผ่านการมีสติ๊กเกอร์ผ่านทาง ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการที่ทำถูกต้องตามกฎหมายเสียเปรียบในการแข่งขันแล้ว ยังทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติด้วย
 
ด้านธนาธร หลังจากรับฟังความคิดเห็นมาระยะหนึ่งแล้ว กล่าวว่า ตนเข้าใจเรื่องราวการถูกรีดไถดี ในฐานะผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องใช้บริการขนส่ง และพรรคก้าวไกลที่ผ่านมาก็เล็งเห็นถึงปัญหาการทุจริตในวงการตำรวจเป็นอย่างดีเช่นกัน ซึ่งไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหาเพียงเรื่องของส่วยเท่านั้น แต่รวมถึงปัญหายาเสพติด และอาชญากรรมที่ชุกชุมในช่วงนี้ด้วย เพราะเราทุกคนรู้กันดี ว่าระบบการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับผู้กำกับทุกวันนี้ ไม่ได้อยู่ที่การรับใช้ประชาชน จับยาเสพติด จับโจรผู้ร้าย แต่อยู่ที่การรับใช้นาย ต้องตั้งด่าน เก็บเงิน รีดไถ เพื่อส่งส่วยให้นายไปซื้อตั๋วกันเป็นทอดๆ ใจความสำคัญของนโยบายปฏิรูปตำรวจของพรรค ก.ก. จึงอยู่ที่การยกเลิกระบบเส้นสายและระบบการซื้อตั๋วในวงการตำรวจให้หมดให้ได้
  
นายธนาธรกล่าวต่อว่า พรรค ก.ก. คือพรรคที่ตั้งขึ้นมาไม่ใช่ด้วยเป้าหมายด้านผลประโยชน์ส่วนตัว นี่คือข้อได้เปรียบที่ทำให้เราสามารถเริ่มต้นการปฏิรูปได้ตั้งแต่ระดับหัวลงไป ทำให้อำนาจในการแต่งตั้งตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยุติการเรียกเงินได้ ซึ่งหากทำตั้งแต่ระดับหัวได้ ระดับล่างลงไปก็จะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในที่สุด
 
เรื่องใหญ่ที่สุดในการปฏิรูปตำรวจก็คือการเปลี่ยนวัฒนธรรมในองค์กรตำรวจ อาจจะต้องใช้เวลา ถ้าหัวไม่เรียกเงิน หางก็ไม่จำเป็นต้องส่งเงินขึ้นไปเป็นขั้นๆ ถ้าเราเลิกสิ่งนี้ได้ตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยุติวงจรการเรียกเงินได้ นำระบบผลงานเป็นตัวชี้วัดมาใช้อย่างจริงจัง ถ้าเริ่มต้นได้เมื่อไรมันจะต่อยอดไปทีละลำดับ สัก 3-5 ปีเชื่อว่าจะเปลี่ยนวัฒนธรรมในองค์กรตำรวจได้” นายธนาธรกล่าว
 
ส่วนในช่วงเย็นวันนี้ นายธนาธรจะเข้าร่วมการแห่รถหาเสียง ร่วมกับ นายกฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี ผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ เขต 1 (เบอร์ 2) ในเขตอำเภอเมืองและเปิดเวทีปราศรัยที่อุทยานสวรรค์ต่อไป 



คลัง หั่นจีดีพี'66 เหลือ 3.6% คาดส่งออก -0.5% มองสถานการณ์เงินเฟ้อคลาย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3942897
 
คลัง หั่นจีดีพี’66 เหลือ 3.6% คาดส่งออกติดลบ 0.5% มองนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 29.5 ล้านคน เงินเฟ้อคลาย คาดไทยกลับมาเกินดุล
 
เมื่อวันที่ 25 เมษายน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 อยู่ที่ 3.6% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 3.1%-4.1%) ซึ่งลดลงจากการประมาณการเมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่คาดไว้ 3.8% ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การคาดการณ์ในครั้งนี้ลดลงคือ ภาคการส่งออกปี 2566 ที่คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐลดลงเหลือ -0.5% จากเดิมคาดไว้ที่ 1%

นายพรชัยกล่าวว่า สำหรับปัจจัยสนับสนุนสำคัญของปี 2566 คือภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียและกลุ่มสหภาพยุโรปที่เพิ่มขึ้น คาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 29.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 27.5 ล้านคน และคาดว่ามีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.3 ล้านล้านบาท รวมทั้งภาคการบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัวที่ 4.1% ตามรายได้ภาคประชาชนที่ฟื้นตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงช่วยให้การบริโภคเพิ่มขึ้น
 
ด้านเสถียรภาพภายในประเทศคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 2.6% ปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1.0%-3.0% เนื่องจากราคาพลังงานโลกที่ลดลง ทำให้แรงกดดันด้านอุปทานจากต้นทุนพลังงานและราคาน้ำมันคลี่คลายลง สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบริการมีแนวโน้มจะกลับมาเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2566 มีแนวโน้มที่จะกลับมาเกินดุล 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี)” ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลังระบุ
 
ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลังกล่าวอีกว่า ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดมีทั้งปัจจัยสนับสนุน อาทิ 
1. ภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติที่มีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ 
2. สถานการณ์เงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ ส่งผลบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น
และปัจจัยเสี่ยง อาทิ
1.ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของประเทศคู่ค้าหลักและปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
และ 2.ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระหว่างประเทศและปัจจัยการผลิตต่างๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่