อยากหาที่ปรึกษาปัญหาในชีวิตที่เริ่มตั้งแต่ยังไม่เกิด?

กระทู้คำถาม
[สวัสดีค่ะ ]ตามหัวข้อเลยเราเป็นลูกสาวคนเล็กค่ะ
ตอนเด็กๆอยู่กับตาที่ต่างจังหวัดคือตาเป็นคนเลี้ยง
ส่วนพี่ชายเราพ่อแม่เป็นคนเลี้ยงอยู่ที่กรุงเทพฯ

[ก่อนเกิด] ครอบครัวเราค่อนข้างมีฐานะไม่มั่นคงเท่าไหร่ค่ะ
เพราะตาโดนหลอกให้ซื้อเมล็ดพันธุ์ฝรั่งทำอะไรสักอย่างนี่แหละ
คือเราไม่รู้เพราะแม่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังแต่ตอนนั้นเรายังไม่เกิดเลย
ทำให้มีหนี้หลายแสนตาเราไปกู้(ธกส)มาเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้
ก็คือกู้หนี้มาใช้หนี้โดยเอาที่ดินบ้านป้าเราหรือก็คือลูกสาวคนโตของตา
ไปค้ำไว้แล้วไม่มีปัญญาเอาไปจ่ายป้าเราเลยยึดโฉนดที่ดินบ้านเราไป
แล้วให้แม่เราหาเงินมาใช้คืนแล้วตาเราใช้เงินเก่งมาก
เงินประกันชีวิตที่ได้จากตอนยายเราเสียมากพอที่จะจ่ายหนี้ก้อนนี้
แต่เขาเอาไปใช้กินดื่มเที่ยวเล่นและซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อหนึ่ง
ที่มีราคาค่อนข้างสูงมากจนเงินทั้งหมดไม่เหลือสักบาท
ซึ่งตอนนั้นพ่อแม่เราทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯหรือก็คือมีหน้าที่รับช่วงต่อ
หนี้ก้อนนี้ค่ะนี่คือเรื่องราวก่อนที่เราจะเกิดนะคะ

[ช่วง4-5ขวบ] พอเราเกิดมาจำความได้ตอนประมาณ 4-5 ขวบสามีป้าหรือก็คือลุง
ชอบมาพูดให้เราได้ยินว่าเดี๋ยวจะไล่หนีให้หมดเลยคนตระกูลออกไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้านกู
ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร(เรื่องราวค่อนข้างเหมือนในละครน้ำเน่าค่ะบ้าบอสุดๆ)

[ช่วง9ขวบ] ได้ประมาณ 9 ขวบพ่อแม่ก็ติดต่อมาว่าอยากมาอยู่กรุงเทพฯกับแม่ไหม
แน่นอนเราตอบตกลงทันทีอยู่แล้วค่ะเพราะเราอยากอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก
เราเดินทางเข้าไปอยู่ในกรุงเทพมหานครแต่พอเราถึงบ้านก็นึกสงสัยว่าพี่ชายเราอยู่ไหน
จึงถามพ่อว่า(แล้วพี่...หล่ะอยู่ไหน)พ่อเราไม่ตอบแต่แม่เราบอกว่า(ไปอยู่ที่อื่นแล้ว)คือพี่ชายเรา
อายุต่างจากเรา 7 ปีหรือคือตอนนั้นเขาอายุ 16ซึ่งเด็กอายุ 16จะไปอยู่คนเดียวได้ไง
แต่ด้วยความเด็กจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร...เราอยู่กับเค้ามาครบ 2 เดือนก็ถึงเวลาเปิดเทอมพอดี
เราได้เข้าเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งเราค่อนข้างกดดันเพราะเราอยู่ต่างจังหวัดมาตลอด
ซึ่งไม่คุ้นชินกับคนเมืองนึกสภาพเด็กต่างจังหวัดตัวดำผมสั้นแบกเป้สีชมพูแจ่มถุงเท้ายาว
เดินเข้าไปในห้องที่มีแต่เด็กหญิงเด็กชายผิวนวลเนียนสะอาดสะอ้านก็คือเด็กเมืองอ่ะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นโดนบูลลี่นั่นเองจ้ะ!!แล้วครูก็ไม่สามารถหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นได้เราเรียนช้ามากเพราะตอนอยู่ต่างจังหวัดโรงเรียนไม่เน้นวิชาการสอนแค่บวกเลขพื้นฐานเน้นกิจกรรมซะมากกว่า(เรามีอาการไฮเปอร์ด้วย)แต่พอมาอยู่ในเมืองเราต้องเรียนในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยตามเพื่อนหลายก้าวมาก
เราหาเพื่อนได้ไม่เก่งพอครบอาทิตย์เรายังหาเพื่อนไม่ได้จึงไปปรึกษาพ่อเราว่าเรียนครบอาทิตย์แล้วยังหาเพื่อนไม่ได้เลย(ตอนเด็กๆเรามองโลกในแง่ดีมากกฯ)ควรทำไงดีแถมโดนเพื่อนแกล้งตลอดแต่สิ่งที่ได้คำตอบกลับมาคือ(ไม่ใช่โง่เองหรอโง่แบบนี้ไงเลยไม่มีปัญญาหาเพื่อนสักคน)คือเราช็อคมากนึกสภาพเกิดมาไม่เคยโดนพ่อแม่ด่าเขาเอาใจเราตลอดตอนที่นานๆทีจะได้เจอเขาพอเรามาอยู่กับเขาเป็นเรื่องเป็นราวเจอแบบนี้คือพูดไม่ออกเลยปล่อยเลยตามเลยในเมื่อเขาไม่ฟังเราก็ไม่พูดจะดีกว่า(ติดนิสัยไม่เอาเรื่องเอาราวมาจากตา)

[ช่วง10-13] เริ่มปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดีขึ้นแต่ก็ยังไม่มีเพื่อนอยู่ดีเอาจริงเริ่มชินชา
และเริ่มรู้สถานการณ์ของพี่ชายว่าเพราะอะไรถึงออกจากบ้านไปพ่อแม่เริ่มคาดหวังกับตัวเรามากขึ้น

[ช่วง 14-16] ไม่มีเพื่อนเช่นเคยแต่ใช้ชีวิตเรียนกินเล่นสอบเรื่อยมาจนที่บ้านเริ่มโยงปัญหามากมายเข้ามาหาเพราะเริ่มรู้เรื่องรู้ราวเริ่มโตแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้านเรื่องเรียนเรื่องงานในอนาคตส่วนที่โรงเรียนก็มีเรื่องปัญหาชีวิตมากมายตามติดเหมือนเจ้ากรรมนายเวรสิงสถิตแน่นชนิดที่ว่าแทบหายใจไม่ออกแล้วเราไม่สามารถปรึกษาใครได้เพราะเขาจะพูดว่าปัญหาเขามากพอแล้วไม่มีเวลามารับฟังเรื่องเด็กๆของเราซึ้งเราก็ไม่ใช่พวกขี้ตื้อค่ะตามสไตล์ในเมื่อไม่ฟังก็ไม่พูดจนปัญหามากมายเริ่มแก้ไขไม่ได้เราเริ่มโฟกัสเรื่องเรียนไม่ได้เพราะมีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นมีปัญหากับครูเราชอบวิทยาศาสตร์แต่อ่อนคำนวณมากแต่เลือกเรียนสายวิทย์ - คณิตซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่ถนัดแต่เป็นสิ่งที่พ่อแม่เราบอกว่ามันจะยั่งยืนและจะทำให้เราเลือกเรียนสาขาต่างๆได้ง่ายในอนาคตเราเลยเลือกตามที่เขาบอกจนปัญหามันงอกขึ้นมาเรื่อยๆคือเราเรียนไม่ทันแถมมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตเรื่องสังคมการเป็นอยู่การใช้ชีวิตที่โรงเรียนซึ่งเราอยู่โรงเรียนเป็นส่วนใหญ่พอถึงบ้านพ่อแม่จะกลับตอนประมาณทุ่มถึง 2 ทุ่มซึ่งอยู่กับเขาไม่กี่ชั่วโมงพวกเขาก็จะนอนหลับแล้วสรุปคือเราอยู่กับตัวเองมากกว่าเขา 4-5 เท่าซึ้งพอเราเครียดแต่เขาก็ไม่รับฟังอยู่ดีจนมันพังหมดทุกอย่างคือเราเริ่มทนไม่ไหวแล้วเลยตัดสินใจดรอปเรียนพ่อแม่ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่แต่เราบอกเขาว่าไม่ไหวจริงๆเขาเลยยอม ช่วง 16 นี้เราจับได้ว่าพ่อเรานอกใจแม่ซึ่งก่อนหน้านี้เราสังเกตและจับได้หลายครั้งตั้งแต่ช่วง 10 ขวบ(เราก็ต้องเป็นคนช่างสังเกตและจับผิดเก่งมาก)แต่ไม่พูดเพราะเราเป็นเด็กซึ้คนี้จะเป็นคนที่6ซึ่งเรารู้สึกทนไม่ไหวแล้วเลยตัดสินใจบอกแม่เพราะมันหลายครั้งแล้วซึ่งใช่ค่ะเขาเลิกกันพ่อโทษเราว่าเราทำให้ครอบครัวแตกแยกเงียบปากไว้ก็ไม่มีปัญหาแล้วจะพูดทำไมบาๆๆซึ่งเมียน้อยเขารู้เรื่องที่บ้านเราหมดเพราะเหมือนพ่อจะเอาไปบอกเขาแถมให้เบอร์แม่เราไปมันเลยส่งข้อความกวนอวัยวะเบื้องล่างมาเป็น40 50 ข้อความว่าพ่อคือผัวมันแม่ไม่ควรจะยุ่งอะไรพวกนี้บาๆว่ามันดีเลิศประเสริฐศรีเรียนสูงส่งฐานะร่ำรวยธรรมะธรรมโมสารพัดเสียงโอ้อวดแม้แต่เรื่องบนเตียงคือแบบ...แต่แม่เราไม่ถือสาเอาความเพราะเขาไม่ชอบมีเรื่องเลยปล่อยเลยตามเลยส่วนพ่อก็ไปอยู่กับภรรยาใหม่เหลือเรากับแม่แค่ 2 คน
ส่วนพี่ชายมีภรรยามีลูกแล้ว 4 คนทำให้เขาต้องรับผิดชอบครอบครัวเขา(พี่ทะเลาะกับพ่อใหญ่โตชนิดที่ว่าพี่ย้ายไปอยู่กับเพื่อนตั้งแต่อายุ 16นั้นเอง)เพราะแม่เราทำงานคนเดียวทำให้เราเรียนต่อไม่ได้จากที่ดรอปไว้ก็คงหมดสิทธิ์ยาวไป

[ช่วง17-18] เรากลับไปอยู่ต่างจังหวัดชั่วคราวกับแม่เนื่องจากแม่ตกงานเพราะโควิดและเศรษฐกิจตกต่ำทำให้เจ้านายเลิกจ้าง

[ช่วง19-21] เราเข้ากรุงเทพฯอีกครั้งเพราะแม่ได้งานแล้วส่วนเราหางานพิเศษทำไปเรื่อยแต่ก็ยังไม่มีงานประจำช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่แม่เริ่มกดดันเรื่องบ้านเรื่องที่ดินหนักขึ้นกว่าเก่าจากที่เราเป็นเด็กตอนนี้เราเริ่มโตขึ้นแล้วส่วนพี่ชายเราก็บอกกับเราแล้วว่าเขาจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้นอยากได้ก็จัดการไปเองซึ่งเราเป็นลูกสาวที่อยู่กับแม่เราจะย้ายไปอยู่เองก็ไม่ได้เพราะแม่เราอยู่คนเดียวเราจึงต้องรับความกดดันในเรื่องนี้คนที่อยู่ฝั่งป้าค่อนข้างมีความอยากได้ที่ดินบ้านเรามาก[บอกแล้วว่าเหมือนหนังน้ำเน่า]เราเลยมีความกดดันเรื่องนี้ด้วยแล้วเราก็มีปัญหาในด้านสุขภาพจิตด้วยเลยกดดันแบบทวีคูณเพราะเรารับรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กมีความรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับเราเราลืมตาดูโลกมาพร้อมกับหนี้หลายแสนทุกสิ่งอย่างในชีวิตต้องขวนขวายหาเองทั้งคนที่บ้านที่มีปัญหาไม่หยุดหย่อนทั้งสารพัดคำนินทาเพราะเราเป็นลูกสาวเวลาเราอยากระบายอยากอธิบายอยากให้เขาเข้าใจถึงความกดดันนี้เขากับบอกเราว่าเขาก็ไม่ได้รับความยุติธรรมเหมือนกันเค้าก็ได้รับภาระนี้มาจากพ่อแม่เหมือนกันรู้สึกเหมือนเขาไม่พยายามจะเข้าใจเราเราเข้าใจว่าเขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวภาระเขาเยอะซึ่งเราตัดสินใจอยู่กับเขาช่วยเขาแก้ปัญหาช่วยรับฟังเขาแต่เขากลับไม่รับฟังเราเลยเขาจะอ้างสารพัดสิ่งอย่างเพื่อที่จะบอกปัดทุกอย่างที่เราต้องการปรึกษาเค้า(เรามีภาวะสมาธิสั้นในผู้ใหญ่และเป็นโรควิตกกังวลนอกจากนี้ยังมีภาวะควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้เราไม่ได้ทานยาค่ะเพราะหมอบอกว่าสามารถใช้ศิลปะบำบัดและดนตรีบำบัดแทนได้เรานัดพบจิตแพทย์ทุกอาทิตย์ค่ะเหมือนดีขึ้นแต่สุดท้ายเรายังมีปัญหาทำงานกับเพื่อนร่วมงานได้ไม่ค่อยดีนัก[เพื่อนผู้จัดการไม่ชอบไม่รู้ทำไมเหมือนกัน]เลยโดนไล่ออกตอนนี้เป็นฟรีแลนซ์ทำงานเกี่ยวกับวาดภาพประกอบและรับจ้างวาดภาพตามที่ลูกค้าสั่งจนตอนนี้เราอายุ 21 ค่ะปัญหาทางบ้านและคนรอบตัวยังเหมือนเดิมสุขภาพเราแย่ลงเรื่อยๆทั้งสุขภาพจิตและสภาพร่างกาย(เราเป็นคนไม่มีเพื่อนแบบไม่มีจริงๆเลย)เราไม่รู้จะไปปรึกษาหารือกับใครเลยมาตั้งกระทู้นี้เพื่อปรึกษาว่าเราควรทำยังไงต่อไปดีไม่ได้จนปัญญาแต่รู้สึกอยากระบายกับใครสักคนมากกว่า

แสดงความเห็นอย่างสุดภาพด้วยนะคะ😊
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่