ถ้าผมอยากจะถามทุกคนว่า ทำไม ค่าไฟถึงแพง เกือบ 100% จะบอกว่า รัฐบาลบริหารไม่เป็น บริหารล้มเหลว แล้วถ้าผมถามต่อไปว่า ล้มเหลวยังไง ก็อีกเกือบ 100% ที่ก็เริ่มไปไม่เป็นไปข้างๆคูๆว่าประเทศเราสำรองไฟมากเกินไป เรามีโรงไฟฟ้าเยอะไป ถามว่าเหตุผลที่บอกมานั้นมันจริงแค่ไหนหรือแค่เราไปฟังต่อๆกันมา วันนี้ผมอยากเอาข้อมูลเน้นๆ จากคนที่มีความรู้มาแบ่งปันเพื่ออยากให้คนไทยตาสว่าง เลิกเชื่อโฆษณาชวนเชื่อแล้วมาดูสาเหตุกันจริงๆ จริงตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ว่าอะไรเป็นสาเหตุกันแน่ที่ทำให้ค่าไฟฟ้าแพง
ที่ผมต้องเปิดหัวข้อว่า “ต้นน้ำทำค่าไฟแพง จากแหล่งก๊าซเอราวัณ” ก็เพราะนี้คือจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมด ผมขอหยิบยกสิ่งที่ คุณวรภพ วิริยะโรจน์ ได้เปิดโปงถึงสาเหตุแท้จริงที่หลายคนถูกปิดตา ที่ผ่านมา มีหลายสื่อพยายามบอกว่า ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นมาจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่แพงขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องนำเข้าก๊าซ LNG ราคาแพงมาผลิตไฟฟ้าแต่อย่างไร ผมขออธิบายข้อเท็จจริงเป็นข้อๆ ดังนี้
1.ประเทศไทยมีแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติ ที่เพียงพอที่จะผลิตไฟฟ้าให้คนทั้งประเทศใช้ได้เพียงพออยู่แล้ว อย่างแหล่งก๊าซเอราวัณ ที่บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ปตท.สผ. อีดี) ในฐานะผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตดูแลอยู่ และ จากข้อมูลของกระทรวงพลังงาน เป็นที่ชัดเจนว่าก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้จากอ่าวไทย ในปี 2565 ผลิตได้วันละ 2,758 ล้านลูกบาศก์ฟุต ในขณะที่ความต้องการใช้ก๊าซเพื่อผลิตไฟฟ้าอยู่ที่วันละ 2,600 ล้านลูกบาศก์ฟุต นั่นเท่ากับว่าจริงๆ แล้วประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้เพียงพอกับการใช้ผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว
2.ต้นทุนการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยนั้นราคาถูกโดย อยู่ที่ 233 บาท/ล้านบีทียู ซึ่งถ้าคำนวนแปลงมาเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าจริงๆ จะอยู่ที่ประมาณ 2 บาท/หน่วย เท่านั้น ขณะที่ราคาก๊าซนำเข้า LNG ที่อ้างว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงนั้น อยู่ที่ 895 บาท/ล้านบีทียู บางจังหวะก็ไปถึง 1,000 บาท/ล้านบีทียู ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้นไปถึง 7 – 8 บาท/หน่วย
3.ข้อเท็จจริงสุดท้ายที่จะทำให้เราอึ้งกว่านั้นอีก ที่คุณสฤณี อาชวานันทกุล เขียนไว้ในบทความเรื่อง ความไม่เป็นธรรมของค่าไฟ ได้อย่างน่าสนใจตอนหนึ่งก็คือ ต่อให้โรงไฟฟ้าเอกชนไม่เดินเครื่องเลย ก็จะมีกลุ่มทุนพลังงานที่ยังคงเก็บค่าผ่านท่อตามสูตร ซึ่งก็จะมาอยู่ในบิลค่าไฟของเราเหมือนเดิม ซึ่งทำให้บิลค่าไฟของเราจะมี “ค่าไฟผี” ที่เราไม่ได้ใช้ แต่กลับต้องควักเงินจ่าย
อ่านมาถึงตรงนี้พอจะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นกันไหมครับว่าต้นน้ำที่ทำค่าไฟแพงคืออะไร พอเดากันออกไหมครับว่า กลุ่มทุนพลังงาน คือใคร? เชื่อว่าหลายคนเดาถูกแต่ไม่กล้าพูดถึง ซึ่งกลุ่มทุนพลังงานที่ว่า มีตัวย่อ ว่า ป ต ท. ครับ
ปตท. เป็นทั้งผู้ให้บริการส่งก๊าซ และผู้ประกอบกิจการโรงแยกก๊าซรายใหญ่ที่สุดของประเทศ คือเป็นทั้ง “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย” ก๊าซธรรมชาติ สร้างแรงจูงใจให้เกิดการเอื้อประโยชน์ต่อตัวเองในทางที่ไม่เป็นธรรมที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างพวกเราโดยตรง เพราะ ปตท.รับซื้อก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยทั้งหมด โดยที่ ปตท. เองก็เป็นเจ้าของท่อส่งก๊าซทางทะเล ที่ส่งก๊าซมายังโรงแยกก๊าซ ซึ่งก็เป็นของ ปตท. พร้อมกับที่ผู้นำก๊าซธรรมชาติไปขายให้กับอุตสาหกรรม ก็คือ ปตท. ผ่านท่อบนบกที่ก็เป็นของ ปตท. อีกเช่นกัน และสุดท้าย ปิโตรเคมีที่โรงแยกก๊าซของ ปตท. ผลิตออกมาได้ ก็จะถูกนำไปขายต่อให้ PTTGC ซึ่งก็เป็นบริษัทในเครือ ปตท. ที่ ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดอยู่ถึง 45%
ถ้านี้ไม่เรียกว่า ต้นน้ำทำค่าไฟแพง จากแหล่งก๊าซเอราวัณ ผมก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้วครับ
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.moveforwardparty.org/news/17388/ ,
https://greennews.agency/?p=32643 
ความจริงที่ไม่มีใครกล้าพูด ต้นน้ำทำค่าไฟแพง จากแหล่งก๊าซเอราวัณ
ที่ผมต้องเปิดหัวข้อว่า “ต้นน้ำทำค่าไฟแพง จากแหล่งก๊าซเอราวัณ” ก็เพราะนี้คือจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมด ผมขอหยิบยกสิ่งที่ คุณวรภพ วิริยะโรจน์ ได้เปิดโปงถึงสาเหตุแท้จริงที่หลายคนถูกปิดตา ที่ผ่านมา มีหลายสื่อพยายามบอกว่า ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นมาจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่แพงขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องนำเข้าก๊าซ LNG ราคาแพงมาผลิตไฟฟ้าแต่อย่างไร ผมขออธิบายข้อเท็จจริงเป็นข้อๆ ดังนี้
1.ประเทศไทยมีแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติ ที่เพียงพอที่จะผลิตไฟฟ้าให้คนทั้งประเทศใช้ได้เพียงพออยู่แล้ว อย่างแหล่งก๊าซเอราวัณ ที่บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ปตท.สผ. อีดี) ในฐานะผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตดูแลอยู่ และ จากข้อมูลของกระทรวงพลังงาน เป็นที่ชัดเจนว่าก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้จากอ่าวไทย ในปี 2565 ผลิตได้วันละ 2,758 ล้านลูกบาศก์ฟุต ในขณะที่ความต้องการใช้ก๊าซเพื่อผลิตไฟฟ้าอยู่ที่วันละ 2,600 ล้านลูกบาศก์ฟุต นั่นเท่ากับว่าจริงๆ แล้วประเทศไทยสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้เพียงพอกับการใช้ผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว
2.ต้นทุนการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยนั้นราคาถูกโดย อยู่ที่ 233 บาท/ล้านบีทียู ซึ่งถ้าคำนวนแปลงมาเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าจริงๆ จะอยู่ที่ประมาณ 2 บาท/หน่วย เท่านั้น ขณะที่ราคาก๊าซนำเข้า LNG ที่อ้างว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟฟ้าแพงนั้น อยู่ที่ 895 บาท/ล้านบีทียู บางจังหวะก็ไปถึง 1,000 บาท/ล้านบีทียู ซึ่งจะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้นไปถึง 7 – 8 บาท/หน่วย
3.ข้อเท็จจริงสุดท้ายที่จะทำให้เราอึ้งกว่านั้นอีก ที่คุณสฤณี อาชวานันทกุล เขียนไว้ในบทความเรื่อง ความไม่เป็นธรรมของค่าไฟ ได้อย่างน่าสนใจตอนหนึ่งก็คือ ต่อให้โรงไฟฟ้าเอกชนไม่เดินเครื่องเลย ก็จะมีกลุ่มทุนพลังงานที่ยังคงเก็บค่าผ่านท่อตามสูตร ซึ่งก็จะมาอยู่ในบิลค่าไฟของเราเหมือนเดิม ซึ่งทำให้บิลค่าไฟของเราจะมี “ค่าไฟผี” ที่เราไม่ได้ใช้ แต่กลับต้องควักเงินจ่าย
อ่านมาถึงตรงนี้พอจะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นกันไหมครับว่าต้นน้ำที่ทำค่าไฟแพงคืออะไร พอเดากันออกไหมครับว่า กลุ่มทุนพลังงาน คือใคร? เชื่อว่าหลายคนเดาถูกแต่ไม่กล้าพูดถึง ซึ่งกลุ่มทุนพลังงานที่ว่า มีตัวย่อ ว่า ป ต ท. ครับ
ปตท. เป็นทั้งผู้ให้บริการส่งก๊าซ และผู้ประกอบกิจการโรงแยกก๊าซรายใหญ่ที่สุดของประเทศ คือเป็นทั้ง “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย” ก๊าซธรรมชาติ สร้างแรงจูงใจให้เกิดการเอื้อประโยชน์ต่อตัวเองในทางที่ไม่เป็นธรรมที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างพวกเราโดยตรง เพราะ ปตท.รับซื้อก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยทั้งหมด โดยที่ ปตท. เองก็เป็นเจ้าของท่อส่งก๊าซทางทะเล ที่ส่งก๊าซมายังโรงแยกก๊าซ ซึ่งก็เป็นของ ปตท. พร้อมกับที่ผู้นำก๊าซธรรมชาติไปขายให้กับอุตสาหกรรม ก็คือ ปตท. ผ่านท่อบนบกที่ก็เป็นของ ปตท. อีกเช่นกัน และสุดท้าย ปิโตรเคมีที่โรงแยกก๊าซของ ปตท. ผลิตออกมาได้ ก็จะถูกนำไปขายต่อให้ PTTGC ซึ่งก็เป็นบริษัทในเครือ ปตท. ที่ ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดอยู่ถึง 45%
ถ้านี้ไม่เรียกว่า ต้นน้ำทำค่าไฟแพง จากแหล่งก๊าซเอราวัณ ผมก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้วครับ
ข้อมูลอ้างอิง https://www.moveforwardparty.org/news/17388/ , https://greennews.agency/?p=32643