เมื่อทำความรู้จักกันมาได้ระยะหนึ่ง ฉันก็ได้รู้ว่า พี่หม่อนคนนี้ เขาเป็นคนที่อารมณ์ดีมาก แทบทุกครั้งที่เจอ เขาจะมีรอยยิ้มติดริมฝีปากอยู่เสมอ
ทำให้ฉันต้องพลอยยิ้มเก่งไปด้วย เพราะ
เจอกันบ่อยมาก
บางวัน ถ้าฉันตื่นเช้า
เขาก็จะเป็นยิ้มแรกในวันนั้นของฉันเสมอ
แต่ก่อน ฉันจะนอนดึกตื่นสายค่ะ ไม่ใช่ทำงานจนดึกหรอกนะคะ ดูโทรศัพท์ดึกต่างหาก
เลิกงาน6โมงเย็น แต่นอนตี1-ตี2 แบบนี้ประจำเลยค่ะ ติดลมดูโน่นนิดนี่หน่อยตลอด
แต่พอมารู้จักพี่หม่อนแล้วเขาเป็นคนตื่นเช้า ฉันก็เลยอยากตื่นเช้าแบบเขาบ้าง
เห็นเขาออกไปวิ่ง
ก็อยากวิ่งบ้าง
ที่สุดก็เลยนัดกันไปวิ่งที่สวนหย่อมในหมู่บ้าน ตอนนี้วิ่งกันรอบหมู่บ้านแล้วค่ะ
ตอนเช้ารถไม่มากหมาก็ไม่มี วิ่งสะดวกค่ะ
บางทีวิ่งครบรอบแล้ว
ก็ออกไปหน้าหมู่บ้านหามื้อเช้ากินกันต่อ โจ๊กมั่ง น้ำเต้าหู้มั่ง
ขนมจีบ-ซาลาเปามั่ง
บางวันก็ข้าวเปล่า
ต้มเลือดหมู
ระยะนี้ ฉันกินมื้อเช้ากับพี่หม่อนบ่อยกว่าคนในครอบครัวอีกค่ะ
เอ้า...นี่ฉันเคยเล่าไปหรือยังคะ ว่าหลุดจากกำแพงกั้นหมู่บ้านที่ฉันอยู่เป็น
ท้องนานะคะ
ในบางเย็นที่เป็นวันหยุด เขาจะพาฉัน เดินลัดเลาะ ลอดรั้วลวดหนามท้ายหมู่บ้านออกไปตั้งกล้อง(โทรศัพท์)ถ่ายภาพท้องฟ้าและท้องนาตอนใกล้ค่ำกัน
เมื่อก่อนชีวิตของฉันจะวนเวียนอยู่แค่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
กับกล่องสำหรับแพ็ค
สินค้า แค่นั้นฉันก็รู้สึกว่าเวลาชีวิตแทบไม่พอแล้ว
แต่พอมีพี่หม่อนเข้ามา ฉันกลับได้ออกไปทำโน่น นี่ นั่น โดยที่งานก็ยังทำอยู่อย่างเดิม เพิ่มเติมคือ รอยยิ้มพี่หม่อน
ฮิ้ว...
พี่หม่อนชอบถ่ายรูป
ท้องฟ้ามาก เขาเล่าให้ฉันฟังว่า เขาชอบภาพอะไรที่มันกว้างๆ
ท้องฟ้า แม่น้ำ ทะเล ภูเขา และที่เขาไม่ชอบคือถ่ายภาพคน
โดยเฉพาะหน้าเขาเองเนี่ย ยิ่งไม่ชอบใหญ่ เขาจะยอมถ่ายแค่เวลาหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆเท่านั้น
แต่เขาคงไม่รู้หรอกว่า ขณะที่เขากำลัง
ประกอบขาตั้งกล้อง
สำหรับเก็บภาพท้องฟ้าอย่างตั้งใจ
ฉันก็แอบเก็บภาพเขา
ไว้ในมือถือของฉัน
อย่างถูกตาเช่นกัน
ฉันว่า ความมีเสน่ห์ของคนมันอยู่ตรงนี้
แหละ มุ่งมั่นและมีสมาธิกับสิ่งที่ทำจนไม่สนใจกับอะไรข้างตัว
(ไม่งั้นฉันคงเขินแย่
ถ้าเขารู้ว่าฉันแอบถ่ายภาพเขาน่ะ)
ฉันยอมรับกับต้วเองแบบไม่อายเลยละ
ว่า..ฉันชอบผู้ชายคนนี้ ชอบทุกอย่างที่เป็นเขา ชอบที่เขา
ยิ้มเก่ง ใจเย็น อารมณ์ดี ทำอะไรก็ตั้งใจ แม้กระทั่งจูงมือฉันข้ามถนน
เขายังดูตั้งอกตั้งใจมากเลยค่ะ
จนทุกวันนี้ฉันเริ่มจะเคยตัวกับการดูแลของเขาแล้ว
และฉันก็ย้ำกับตัวเองเสมอว่า ต่อให้เขาล่วงรู้ถึงความรู้สึกของฉัน แล้วตีตัวจากไปในวันหนึ่งวันใดข้างหน้า ฉันก็จะไม่เสียใจ เพราะแค่ได้ชอบคนดีๆแบบเขา
ก็เป็นบุญของหัวใจฉันแล้ว ที่ได้อกหักเพราะรักคนดี😄
การที่อยู่ใกล้ชิดเขา
ได้มองเขาเช้าเย็นนี้
มันทำให้ฉันเพิ่งรู้สึกตัวด้วยว่า ทุกวันนี้
ฉันไม่ทอดถอนใจเวลาฟังเพลงเสียงเพี้ยนๆของเขาแล้ว
ฉันกลับหัวเราะแทบทุกครั้งที่ได้ยินด้วยซ้ำ เพราะการได้ยินเสียงเขา มันก็หมายถึงว่า เขากลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย
อีกวันหนึ่งแล้ว
อย่างวันนี้เป็นต้น
ขณะที่ฉันกำลังให้น้ำ
ดอกไซคลาเมนอยู่
ฉันว่า ดอกไม้ชนิดนี้ดูแลยากพอๆกับดูแลแฟนแหละ เมื่อได้สานสัมพันธ์กันแล้ว
ก็ต้องดูแลให้แตกดอกออกผล จากนั้น
ก็ประคบประหงมให้
ผลิต้นอ่อน เพื่อเจริญพืชพันธุ์ ต่อไป
การเป็นเพื่อนนี้ไม่ยาก แต่การเป็นแฟน
ฉันไม่กล้าหวังเลย
ใครจะโรคจิตเหมือนฉันไหมนะที่เปรียบ
พี่หม่อนเป็นดอกไซคลาเมน ดอกสวย
แต่มีพิษและดูแลยาก
ถ้าเขาชอบฉันตอบ
ก็คง ตัดเรื่องมีพิษออกไป เหลือแค่ดูแลอย่างไรให้ได้อยู่ด้วยกันตลอดชีวิตเท่านั้น
แต่เอ๊ะ....
นี่มันเพิ่งบ่าย3โมงนิดๆเองนี่นะ ทำไม
พี่หม่อนกลับมาแล้ว
ล่ะ
ด้วยความสงสัย
ฉันก็เลยไปแอบชะโงกหน้ามองที่ระเบียง เห็นแต่ประตูเปิดกว้างอยู่และเสียงเพลงก็หยุดไปแล้ว
" มาแอบมองอะไรบ้านพี่ แพ็คของเสร็จแล้วหรือ "
จู่ๆเขาก็โผล่มาจากมุมระเบียง เล่นเอาฉันซ่อนอาการไม่ทันเลยเชียว
" ก็..เห็นกลับเร็ว เลยสงสัยน่ะค่ะ "
" พอดีวันนี้มีลูกค้าข้างนอกน่ะ พี่เห็นว่ากลับไปก็ไม่ทันเวลา
เลยแวบกลับบ้านดีกว่า "
ฉันพยักหน้าหงึกหงัก
แล้วทำท่าจะกลับเข้าห้อง แต่คำถามที่ตามมา ทำให้ฉันถึงกับชะงักอยู่กับที่
" วันนี้พี่ว่างแล้ว กินข้าวเย็นด้วยกันไหม "
โห...มื้อเย็น ดินเนอร์
เหรอ..ที่ไหน ยังไง
ชุด?..ฉันมีชุดอะไรสวยๆไหมเนี่ย
แต่..ฉันอยากไปมากเลยนะ นี่เป็นครั้งแรก
ที่พี่หม่อนชวนกินมื้อเย็นด้วย ว่าแต่..มันต้องวางฟอร์มสักนิดก่อนไหม แบบ..เก๊กท่านิดๆ เหมือนจะไม่ว่างอะไรแบบนั้น
" กินค่ะ กี่โมงคะ อีกสักชั่วโมงได้ไหม รอขนส่งเข้ารับของก่อน "
" ด๊าย..ย พี่ไม่รีบ "
' เอ๋..ทำเสียงสูงทำไมหว่า รึว่า..'
" พี่หม่อนหลอกหนูป๊ะเนี่ย แกล้งชวนดูความตะกละหนูเหรอ "
เท่านั้น เขาก็หัวเราะเต็มเสียง
" ไม่หลอกสิ ชวนจริงๆนี่แหละ แต่..ไม่ต้องแต่งตัวสวยนะ
เพราะพี่ไม่ได้พาไปกินนอกบ้าน "
" เอ้า.."
ไม่พาไปนอกบ้านหรือ หมาควายเอ้อ..หมายความว่ายังไงอ่ะ
" หนูทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นนะ ถ้าให้หนูทำ พี่ได้กินข้าวไข่เจียวแหง็มๆ "
เท่านั้นพี่หม่อนคนหล่อก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาโบกๆ ก่อนยิ้มทะเล้น
" เหอะ..รับรองไม่ให้กินอาหารว่างหรอกน่า เดี๋ยวพี่ทำเอง
ว่าแต่..กินเสร็จแล้วต้องช่วยพี่ล้างจาน
ด้วยนะ "
และแล้ว ฉันก็ได้มายืนหันไปหันมาอยู่ใน
ครัวเล็กๆ ที่ทุกอย่างดูกะทัดรัดไปหมด แม้กระทั่งเครื่องดูดควัน แถมอะไรก็สะอาดสะอ้านบอกนิสัยเจ้าของเป็นอย่างดี
พอหันไปมองพ่อครัว
ฉันก็ได้แต่อมยิ้ม
' มีการมัดผมจุกกันเกะกะซะด้วยนะ
น่าเอ็นดูววววว '
" ให้หนูช่วยทำอะไรดีคะ ว่าแต่เมนูวันนี้คืออะไร หนูต้อง
เตรียมตัวอร่อยไหม "
เท่านั้น พี่หม่อนก็หัวเราะก๊าก
" หมูสามชั้นห่อน้ำจิ้มน่ะ เคยกินไหม "
" ม่าย "
" เอาน่ะ..พี่เคยทำหลายครั้งแล้ว รับรองความปลอดภัยของท้องไส้จ้ะ "
แล้วกรรมวิธีการทำก็
เริ่มขึ้น
อันดับแรกคือการตำกระเทียม รากผักชีพริกไทยดำ แล้วนำไปใส่ลงในหม้อสำหรับต้มหมูสามชั้น
ซึ่งพี่หม่อมหั่นเป็นชิ้นยาวๆเตรียมไว้แล้ว
โรยเกลือเล็กน้อย
จากนั้นก็ปิดฝารอให้สุกนุ่ม แล้วก็หันมาลวกเส้นหมี่ต่อ
" เป้ล้างผักให้พี่ดีไหม เดี๋ยวพี่ทำน้ำจิ้ม
กับทอดปลาทู เสร็จแล้วจะได้หม่ำกันเลย "
ฉันเห็นพี่หม่อน หยิบ
พริกขี้หนู กระเทียม
ถั่วตัด ถั่วลิสง มาโยนลงครก จากนั้นก็ตำๆ
แตกสี่แตกห้า(คำของแม่ฉัน) แล้วจึงบีบมะนาวและน้ำตาลปี๊บจากนั้นก็ใส่ไข่เค็ม
เล่นเอาฉันต้องท้วง
" แน่ใจนะว่าไม่ผิดสูตร น้ำจิ้มอะไรใส่ไข่เค็ม "
เท่านั้นพ่อครัวเอกก็
หันมายิ้ม
" เอาน่า..สูตรพี่นี่แหละที่ต้องใส่ รีบล้างผักเลย เดี๋ยวมาแกะปลาทูด้วย พี่เพิ่มให้หนูโดยเฉพาะเลยนะ กินสามชั้นมื้อเย็นเดี๋ยวจะย่อยยาก
ปลาทูดีกว่าไม่มีไขมันด้วย "
โห..ใส่ใจดูแลดีขนาดนี้ ให้ต้องแอบชอบไปตลอดชีวิต
ฉันก็ยอมนะเนี่ย
แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะว่าสามชั้นห่อน้ำจิ้มมันอร่อยแค่ไหน
แต่ฉันว่าคุณๆคงพอเดารสชาติได้แหละ
นี่ถ้าได้ชิมพ่อครัวด้วย คงจะ..ฮือ..ไม่เอาๆเป็นเด็กเป็นเล็ก
กินแค่ที่เขาให้กินดีกว่าโน้ะ😁
https://photos.app.goo.gl/NM9tjxj82EWwrvyC7
ฟ้า..ดอกไม้..และเธอ (เมื่อหัวใจรู้สึกดี 2)
ทำให้ฉันต้องพลอยยิ้มเก่งไปด้วย เพราะ
เจอกันบ่อยมาก
บางวัน ถ้าฉันตื่นเช้า
เขาก็จะเป็นยิ้มแรกในวันนั้นของฉันเสมอ
แต่ก่อน ฉันจะนอนดึกตื่นสายค่ะ ไม่ใช่ทำงานจนดึกหรอกนะคะ ดูโทรศัพท์ดึกต่างหาก
เลิกงาน6โมงเย็น แต่นอนตี1-ตี2 แบบนี้ประจำเลยค่ะ ติดลมดูโน่นนิดนี่หน่อยตลอด
แต่พอมารู้จักพี่หม่อนแล้วเขาเป็นคนตื่นเช้า ฉันก็เลยอยากตื่นเช้าแบบเขาบ้าง
เห็นเขาออกไปวิ่ง
ก็อยากวิ่งบ้าง
ที่สุดก็เลยนัดกันไปวิ่งที่สวนหย่อมในหมู่บ้าน ตอนนี้วิ่งกันรอบหมู่บ้านแล้วค่ะ
ตอนเช้ารถไม่มากหมาก็ไม่มี วิ่งสะดวกค่ะ
บางทีวิ่งครบรอบแล้ว
ก็ออกไปหน้าหมู่บ้านหามื้อเช้ากินกันต่อ โจ๊กมั่ง น้ำเต้าหู้มั่ง
ขนมจีบ-ซาลาเปามั่ง
บางวันก็ข้าวเปล่า
ต้มเลือดหมู
ระยะนี้ ฉันกินมื้อเช้ากับพี่หม่อนบ่อยกว่าคนในครอบครัวอีกค่ะ
เอ้า...นี่ฉันเคยเล่าไปหรือยังคะ ว่าหลุดจากกำแพงกั้นหมู่บ้านที่ฉันอยู่เป็น
ท้องนานะคะ
ในบางเย็นที่เป็นวันหยุด เขาจะพาฉัน เดินลัดเลาะ ลอดรั้วลวดหนามท้ายหมู่บ้านออกไปตั้งกล้อง(โทรศัพท์)ถ่ายภาพท้องฟ้าและท้องนาตอนใกล้ค่ำกัน
เมื่อก่อนชีวิตของฉันจะวนเวียนอยู่แค่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
กับกล่องสำหรับแพ็ค
สินค้า แค่นั้นฉันก็รู้สึกว่าเวลาชีวิตแทบไม่พอแล้ว
แต่พอมีพี่หม่อนเข้ามา ฉันกลับได้ออกไปทำโน่น นี่ นั่น โดยที่งานก็ยังทำอยู่อย่างเดิม เพิ่มเติมคือ รอยยิ้มพี่หม่อน
ฮิ้ว...
พี่หม่อนชอบถ่ายรูป
ท้องฟ้ามาก เขาเล่าให้ฉันฟังว่า เขาชอบภาพอะไรที่มันกว้างๆ
ท้องฟ้า แม่น้ำ ทะเล ภูเขา และที่เขาไม่ชอบคือถ่ายภาพคน
โดยเฉพาะหน้าเขาเองเนี่ย ยิ่งไม่ชอบใหญ่ เขาจะยอมถ่ายแค่เวลาหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆเท่านั้น
แต่เขาคงไม่รู้หรอกว่า ขณะที่เขากำลัง
ประกอบขาตั้งกล้อง
สำหรับเก็บภาพท้องฟ้าอย่างตั้งใจ
ฉันก็แอบเก็บภาพเขา
ไว้ในมือถือของฉัน
อย่างถูกตาเช่นกัน
ฉันว่า ความมีเสน่ห์ของคนมันอยู่ตรงนี้
แหละ มุ่งมั่นและมีสมาธิกับสิ่งที่ทำจนไม่สนใจกับอะไรข้างตัว
(ไม่งั้นฉันคงเขินแย่
ถ้าเขารู้ว่าฉันแอบถ่ายภาพเขาน่ะ)
ฉันยอมรับกับต้วเองแบบไม่อายเลยละ
ว่า..ฉันชอบผู้ชายคนนี้ ชอบทุกอย่างที่เป็นเขา ชอบที่เขา
ยิ้มเก่ง ใจเย็น อารมณ์ดี ทำอะไรก็ตั้งใจ แม้กระทั่งจูงมือฉันข้ามถนน
เขายังดูตั้งอกตั้งใจมากเลยค่ะ
จนทุกวันนี้ฉันเริ่มจะเคยตัวกับการดูแลของเขาแล้ว
และฉันก็ย้ำกับตัวเองเสมอว่า ต่อให้เขาล่วงรู้ถึงความรู้สึกของฉัน แล้วตีตัวจากไปในวันหนึ่งวันใดข้างหน้า ฉันก็จะไม่เสียใจ เพราะแค่ได้ชอบคนดีๆแบบเขา
ก็เป็นบุญของหัวใจฉันแล้ว ที่ได้อกหักเพราะรักคนดี😄
การที่อยู่ใกล้ชิดเขา
ได้มองเขาเช้าเย็นนี้
มันทำให้ฉันเพิ่งรู้สึกตัวด้วยว่า ทุกวันนี้
ฉันไม่ทอดถอนใจเวลาฟังเพลงเสียงเพี้ยนๆของเขาแล้ว
ฉันกลับหัวเราะแทบทุกครั้งที่ได้ยินด้วยซ้ำ เพราะการได้ยินเสียงเขา มันก็หมายถึงว่า เขากลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย
อีกวันหนึ่งแล้ว
อย่างวันนี้เป็นต้น
ขณะที่ฉันกำลังให้น้ำ
ดอกไซคลาเมนอยู่
ฉันว่า ดอกไม้ชนิดนี้ดูแลยากพอๆกับดูแลแฟนแหละ เมื่อได้สานสัมพันธ์กันแล้ว
ก็ต้องดูแลให้แตกดอกออกผล จากนั้น
ก็ประคบประหงมให้
ผลิต้นอ่อน เพื่อเจริญพืชพันธุ์ ต่อไป
การเป็นเพื่อนนี้ไม่ยาก แต่การเป็นแฟน
ฉันไม่กล้าหวังเลย
ใครจะโรคจิตเหมือนฉันไหมนะที่เปรียบ
พี่หม่อนเป็นดอกไซคลาเมน ดอกสวย
แต่มีพิษและดูแลยาก
ถ้าเขาชอบฉันตอบ
ก็คง ตัดเรื่องมีพิษออกไป เหลือแค่ดูแลอย่างไรให้ได้อยู่ด้วยกันตลอดชีวิตเท่านั้น
แต่เอ๊ะ....
นี่มันเพิ่งบ่าย3โมงนิดๆเองนี่นะ ทำไม
พี่หม่อนกลับมาแล้ว
ล่ะ
ด้วยความสงสัย
ฉันก็เลยไปแอบชะโงกหน้ามองที่ระเบียง เห็นแต่ประตูเปิดกว้างอยู่และเสียงเพลงก็หยุดไปแล้ว
" มาแอบมองอะไรบ้านพี่ แพ็คของเสร็จแล้วหรือ "
จู่ๆเขาก็โผล่มาจากมุมระเบียง เล่นเอาฉันซ่อนอาการไม่ทันเลยเชียว
" ก็..เห็นกลับเร็ว เลยสงสัยน่ะค่ะ "
" พอดีวันนี้มีลูกค้าข้างนอกน่ะ พี่เห็นว่ากลับไปก็ไม่ทันเวลา
เลยแวบกลับบ้านดีกว่า "
ฉันพยักหน้าหงึกหงัก
แล้วทำท่าจะกลับเข้าห้อง แต่คำถามที่ตามมา ทำให้ฉันถึงกับชะงักอยู่กับที่
" วันนี้พี่ว่างแล้ว กินข้าวเย็นด้วยกันไหม "
โห...มื้อเย็น ดินเนอร์
เหรอ..ที่ไหน ยังไง
ชุด?..ฉันมีชุดอะไรสวยๆไหมเนี่ย
แต่..ฉันอยากไปมากเลยนะ นี่เป็นครั้งแรก
ที่พี่หม่อนชวนกินมื้อเย็นด้วย ว่าแต่..มันต้องวางฟอร์มสักนิดก่อนไหม แบบ..เก๊กท่านิดๆ เหมือนจะไม่ว่างอะไรแบบนั้น
" กินค่ะ กี่โมงคะ อีกสักชั่วโมงได้ไหม รอขนส่งเข้ารับของก่อน "
" ด๊าย..ย พี่ไม่รีบ "
' เอ๋..ทำเสียงสูงทำไมหว่า รึว่า..'
" พี่หม่อนหลอกหนูป๊ะเนี่ย แกล้งชวนดูความตะกละหนูเหรอ "
เท่านั้น เขาก็หัวเราะเต็มเสียง
" ไม่หลอกสิ ชวนจริงๆนี่แหละ แต่..ไม่ต้องแต่งตัวสวยนะ
เพราะพี่ไม่ได้พาไปกินนอกบ้าน "
" เอ้า.."
ไม่พาไปนอกบ้านหรือ หมาควายเอ้อ..หมายความว่ายังไงอ่ะ
" หนูทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นนะ ถ้าให้หนูทำ พี่ได้กินข้าวไข่เจียวแหง็มๆ "
เท่านั้นพี่หม่อนคนหล่อก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาโบกๆ ก่อนยิ้มทะเล้น
" เหอะ..รับรองไม่ให้กินอาหารว่างหรอกน่า เดี๋ยวพี่ทำเอง
ว่าแต่..กินเสร็จแล้วต้องช่วยพี่ล้างจาน
ด้วยนะ "
และแล้ว ฉันก็ได้มายืนหันไปหันมาอยู่ใน
ครัวเล็กๆ ที่ทุกอย่างดูกะทัดรัดไปหมด แม้กระทั่งเครื่องดูดควัน แถมอะไรก็สะอาดสะอ้านบอกนิสัยเจ้าของเป็นอย่างดี
พอหันไปมองพ่อครัว
ฉันก็ได้แต่อมยิ้ม
' มีการมัดผมจุกกันเกะกะซะด้วยนะ
น่าเอ็นดูววววว '
" ให้หนูช่วยทำอะไรดีคะ ว่าแต่เมนูวันนี้คืออะไร หนูต้อง
เตรียมตัวอร่อยไหม "
เท่านั้น พี่หม่อนก็หัวเราะก๊าก
" หมูสามชั้นห่อน้ำจิ้มน่ะ เคยกินไหม "
" ม่าย "
" เอาน่ะ..พี่เคยทำหลายครั้งแล้ว รับรองความปลอดภัยของท้องไส้จ้ะ "
แล้วกรรมวิธีการทำก็
เริ่มขึ้น
อันดับแรกคือการตำกระเทียม รากผักชีพริกไทยดำ แล้วนำไปใส่ลงในหม้อสำหรับต้มหมูสามชั้น
ซึ่งพี่หม่อมหั่นเป็นชิ้นยาวๆเตรียมไว้แล้ว
โรยเกลือเล็กน้อย
จากนั้นก็ปิดฝารอให้สุกนุ่ม แล้วก็หันมาลวกเส้นหมี่ต่อ
" เป้ล้างผักให้พี่ดีไหม เดี๋ยวพี่ทำน้ำจิ้ม
กับทอดปลาทู เสร็จแล้วจะได้หม่ำกันเลย "
ฉันเห็นพี่หม่อน หยิบ
พริกขี้หนู กระเทียม
ถั่วตัด ถั่วลิสง มาโยนลงครก จากนั้นก็ตำๆ
แตกสี่แตกห้า(คำของแม่ฉัน) แล้วจึงบีบมะนาวและน้ำตาลปี๊บจากนั้นก็ใส่ไข่เค็ม
เล่นเอาฉันต้องท้วง
" แน่ใจนะว่าไม่ผิดสูตร น้ำจิ้มอะไรใส่ไข่เค็ม "
เท่านั้นพ่อครัวเอกก็
หันมายิ้ม
" เอาน่า..สูตรพี่นี่แหละที่ต้องใส่ รีบล้างผักเลย เดี๋ยวมาแกะปลาทูด้วย พี่เพิ่มให้หนูโดยเฉพาะเลยนะ กินสามชั้นมื้อเย็นเดี๋ยวจะย่อยยาก
ปลาทูดีกว่าไม่มีไขมันด้วย "
โห..ใส่ใจดูแลดีขนาดนี้ ให้ต้องแอบชอบไปตลอดชีวิต
ฉันก็ยอมนะเนี่ย
แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะว่าสามชั้นห่อน้ำจิ้มมันอร่อยแค่ไหน
แต่ฉันว่าคุณๆคงพอเดารสชาติได้แหละ
นี่ถ้าได้ชิมพ่อครัวด้วย คงจะ..ฮือ..ไม่เอาๆเป็นเด็กเป็นเล็ก
กินแค่ที่เขาให้กินดีกว่าโน้ะ😁
https://photos.app.goo.gl/NM9tjxj82EWwrvyC7