I Am Not Madame Bovary (2016) - อย่าคิดหลอกเจ้

I Am Not Madame Bovary: อย่าคิดหลอกเจ้

" หนังนอกกระแสที่ไอเดียและวิธีการเล่าคมคาย แถมยังตลกร้ายเสียดสีการเมืองเต็มที่ ! "


กำกับโดย Feng Xiaogang

สวัสดีครับ ! ล่าสุดผมได้ดูเรื่อง I Am Not Madame Bovary (2016) ซึ่งเป็นหนังที่ติดค้างมานานหลายปีที่เพิ่งจะได้ดู

พอดูจบ รู้สึกว่า เป็นหนังที่ชอบ อาจไม่ใช่หนังที่ดูง่าย แต่ด้วยวิธีการที่หนังใช้และความครีเอทในการเล่าเรื่อง ถือว่าสุดยอด !

เรื่องย่อ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
I Am Not Madame Bovary อย่าคิดหลอกเจ้

"หลีสั่วเหลียน (ฟ่านปิงปิง)" ได้หย่ากับสามีปลอม ๆ เพื่อหวังจะได้อพาร์ทเมนต์หลังที่ 2 ที่รัฐบาลจัดไว้ให้

ทว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไป หลี่สั่วเหลียนพบว่า การหย่าแบบปลอม ๆ นั้น เป็นการหย่าจริง เพราะฝ่ายชายก็หนีไปอยู่กับคนอื่นเรียบร้อย ทำให้เธอเดินหน้าฟ้องสามี และเหตุการณ์ก็ลามไปยันฟ้องนายอำเภอ ผู้พิพากษา ป่วนไปจนถึงการประชุมพรรคคอมมิวนิต์ประจำปี

ความรู้สึกหลังชม

- ความชอบแรก รู้สึก "ชอบในรูปการนำเสนอ" เช่น 

-- การเล่าเรื่องผ่านเฟรมเป็นวงกลม: คล้ายกับการที่หลีสั่วเหลียนโดนตีกรอบบางอย่าง

-- รูปแบบ Background สไตล์ฉากละครเวที / อุปรากร: ล้อไปกับเรื่องที่คล้ายลำนำหรือวรรณกรรมโบราณ 

-- รูปแบบงานภาพที่ประณีตงดงาม: ออกไปในทางจิตรกรรมจีนโบราณ ผสมกับดนตรีประกอบแปลก ๆ

ดังนั้น ในแง่รูปแบบการนำเสนอ อันนี้ให้คะแนนความสร้างสรรค์ 10/10 !


- จุดที่ชอบถัดมา "บทภาพยนตร์" บทหนังถือว่าดีเลย ความตลกจิกกัดที่ใส่มา ทำให้หัวเราะในลำคอได้หลายฉาก พร้อมกับตัวเรื่องที่ถูกร้อยเรียงอย่างสวยงาม

ที่ประทับใจเป็นพิเศษอีกอย่าง คือ "การผูกเรื่องหลักเข้ากับตัวละครในนิยาย" อีก 2 เรื่อง ได้แก่ "มาดามโบวารี" จากนิยายฝรั่งเศสเรื่อง Madame Bovary และ "พันจินเหลียน" จากนวนิยายจีนในสมัยราชวงศ์หมิงเรื่อง Jin Ping Mei (The Plum in the Golden Vase) 

ทั้งสองเรื่องมีประเด็นคล้ายกันเกี่ยวกับ "ความเป็นหญิงแพศยาที่ผิดจารีตประเพณี" 

สองเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เป็น Symbol ในเรื่อง ซึ่งช่วยให้บทหนังเรื่องนี้สวยและคมมาก ๆ

- ประเด็นหลักของเรื่อง จริง ๆ ไม่ได้พูดแค่เรื่องการหย่าของคู่รัก แต่เหมือนกำลังเสียดสีการเมือง อย่าง "ระบบราชการและข้าราชการจีน" ที่พอเกิดปัญหาอะไร ก็โยนกันไปโยนกันมา จนสุดท้าย เมื่อหลีสั่วเหลียนไม่สามารถจบปัญหาที่เมืองของตัวเองได้ ก็ต้องวิ่งเข้าสู่ปักกิ่ง เมืองศูนย์กลางอำนาจ เพื่อขอความช่วยเหลือจากระบบที่ใหญ่กว่า ดังนั้นมันเลยเป็นการจิกกัดที่ถือว่าแสบอยู่เหมือนกัน 

แถมว่าไปแล้ว บทสรุปสุดท้ายของเรื่อง การฟ้องของหลีสั่วเหลียน ก็ดูไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร เพราะสุดท้ายทางรัฐ ก็ช่วยเธอแก้ปัญหาไม่ได้ นับว่าตลกร้ายสุด ๆ (พาเอานึกถึงที่ไทยด้วย 😂)

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นรอง เช่น เรื่อง "เฟมินิสต์" ดูเหมือนว่าทุกอย่างรอบตัวหลีสั่วเหลียนจะเป็นผู้ชายหมด (ตั้งแต่นายอำเภอ ยันคนใหญ่คนโต) ซึ่งเธอก็โดนเอารัดเอาเปรียบจากผู้ชายเหล่านี้...

หนังเรื่องนี้จึงแสดงให้เห็นถึง "พลังความเป็นผู้หญิงที่สู้กับสิ่งที่เหนือกว่า เพื่อกู้ศักดิ์ศรีคืนให้กับตัวเอง"


- พาร์ทนักแสดง การได้ "ฟ่านปิงปิง" มาแสดงนำในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง ตามวรรณกรรมจีนโบราณ ตัวละคร "พันจินเหลียน" เป็นคนที่งดงาม ซึ่งพอมองฟ่านปิงปิงสวมเข้ากับตัวละครนี้ ความงามของเธอก็แทบจะเป็นนางตามวรรณกรรมได้ทันที

- ข้อด้อยหนังก็พอมี อย่างแรก คือ วิธีการเล่าเรื่องแม้จะไม่น่าเบื่อ แต่ไม่ใช่วิธีที่เราคุ้นเคย (ตามสไตล์หนังนอกกระแส) ดังนั้นการดูเรื่องนี้ ต้องปล่อยใจให้ว่างและค่อย ๆ ซึมซับไปกับหนัง

ส่วนอีกจุด คือ หนังยาวไปนิดนึง (2 ชั่วโมง 18 นาที) ถ้าสั้นกว่านี้จะดีมาก

สรุป

เป็นหนังที่สนุกและชอบการนำเสนอในไอเดียใหม่ ๆ แถมการเสียดสีการเมืองในเรื่องก็ทำได้คม ชนิดที่สงสัยอยู่ว่า รัฐบาลจีนจะแอบโกรธมั้ย 😂

ดังนั้นก็ถือว่าสมราคาที่ไปกวาดรางวัลได้มากมายในเทศกาลหนัง (ได้รับเชิญไปฉายใน Toronto International Film Festival 2016 ด้วย)

ใครสายชอบหนังอาร์ต / นอกกระแสหน่อย ก็ขอแนะนำเลย... ดูได้บน Netflix !
_________________________________

ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อนะครับ

IG: benjireview
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่